คู่แท้...ศิลามณี
ณ อำเภอชายแดนเหนือสุดของประเทศไทยด้านติดต่อกับนครเชียงรัฐ ซึ่งเป็นรัฐอิสระมีท่านแสนเมืองเป็นผู้ครองนคร รถประจำทางคันเดียวของอำเภอกำลังคลานมาจอดที่ท่ารถหน้าตลาด ฝุ่นสีแดงของถนนลูกรังที่ติดมากับรถกำลังฟุ้งกระจายไปทั้งตลาด
ชายหนุ่มรูปร่างสันทัดก้าวลงจากรถประจำทางด้วยท่าทางอิดโรย คงเป็นเพราะโดนรถประจำทางโขยกมาทั้งวันหรือเกือบตลอดทางกว่าเจ็ดสิบกิโลเมตรนั่นแหละ เขาถอดหมวกและแว่นตากันแดดสีดำออกเก็บในกล่องแว่น ทำให้มองเห็นใบหน้าอันคมสันแต่รกครึ้มเล็กน้อยด้วยหนวดและเคราบาง ๆ เขาหันมองไปรอบ ๆ ตัวแล้วยิ้มบาง ๆ ก็ผุดขึ้นบนใบหน้าอันหล่อเหลานั้น
กระเป๋าเดินทางขนาดย่อมหนึ่งใบ และกระเป๋าเอกสารอีกหนึ่งใบคือสิ่งที่เขานำติดตัวมาจากกรุงเทพ เขาเข้ารายงานตัวเป็นปลัดอำเภอ และเลือกมารับราชการที่นี่ ซึ่งเป็นอำเภอที่อยู่ห่างไกล เพราะความเงียบของชนบทเป็นสิ่งที่เขาไฝ่ฝันหา
เมื่อสามเดือนที่แล้ว เขาสำเร็จการศึกษาจากประเทศแถบแสกนดิเวีย ด้วยทุนของหน่วยงานนี้ เขาสอบชิงทุนได้ไปศึกษาต่อ จนจบปริญญาโทด้านการปกครอง จึงเดินทางกลับประเทศไทย
เขาได้ทุนไปเรียนสองปี ต้องกลับมาทำงานในหน่วยงานตามสัญญา หลังจากเข้ารายงานตัวก็ไปฝึกงานที่อำเภอหนึ่งใกล้กรุงเทพฯ จากนั้นการเดินทางไปยังอำเภอที่เขาสมัครใจไปปฏิบัติราชการก็ได้เริ่มขึ้น
รถจอดสนิทหลังจากกระแทกกระทั้นอีกสองสามทีกว่าจะจอดได้ เขาลงจากรถประจำทางมายืนอยู่ในร่มไม้ เอามือปัดฝุ่นตามเสื้อผ้าหมวกและกระเป๋า และเงยหน้าขึ้นดูเมื่อมีเสียงเรียกที่ฟังดูแล้วผู้พูดมีความอ่อนน้อมกับผู้ถูกเรียกเป็นอันมาก
“ คุณครับ...คุณครับ...คุณเป็นปลัดอำเภอคนใหม่ ที่เดินทางมารายงานตัววันนี้หรือเปล่าครับ ? “ ชายหนุ่มมองดูผู้พูดตรงหน้า พยักหน้าช้า ๆ และตอบกลับไปด้วยเสียงเบา ๆ “ ครับ “
สีหน้าของชายกลางคนสีหน้าสดชื่นขึ้นเมื่อได้ฟังเสียงตอบรับ
“ สวัสดีครับท่าน... ผมนายแช่มเป็นพนักงานขับรถครับ...ท่านนายอำเภอให้มารอรับท่าน และไปส่งที่บ้านพักของท่านครับ “ นายแช่มพูด และถอนหายใจด้วยความโล่งอก...
นายแช่มขับรถคันเก่าแก่ของอำเภอพาปลัดหนุ่มออกจากท่ารถประจำทาง เขาขับช้า ๆ ผ่านตลาดที่มีคนพลุกพล่าน เพื่อให้ผู้ที่เพิ่งมาเยือนได้ชมตลาด
ปลัดหนุ่มมองดูตลาดทั้งสองข้างถนนผ่านกระจกหน้ารถ ด้วยสายตาอันว่างเปล่า อำเภอนี้แม้จะอยู่ชายแดนห่างไกลจากกรุงเทพฯมากก็ตาม แต่ความเจริญมิได้ต่างจากอำเภอที่อยู่ใกล้ ๆ ของกรุงเทพฯ
บ้านพักของปลัดอำเภออยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ห่างจากที่ว่าการอำเภอประมาณสามกิโลเมตร เป็นบ้านพักที่ใช้งานมานานมากแล้ว บรรยากาศร่มรื่นด้วยร่มเงาของต้นจามจุรีที่สูงใหญ่อายุไม่น่าต่ำกว่าสามสิบปี เป็นที่พึงพอใจอย่างยิ่งของปลัดหนุ่ม
เมื่ิอเดินทางมาถึงบ้านพัก นายแช่มก็นำท่านปลัดขึ้นไปบนบ้านพักซึ่งนางเล็กภรรยาของนายแช่มได้จัดการปัดกวาดไว้เรียบร้อย
เป็นบ้านพักสองชั้นหลังไม่ใหญ่มาก ไม้กระดานพื้นหลายแห่งชำรุดเพราะผ่านการใช้งานมานาน ยามเดินผ่านก็เกิดเสียงเอี๊ียด..อ๊าด.ประกอบการเดิน
หากเดินในยามค่ำคืนจะทำให้บรรยากาศซึ่งวังเวงไม่น้อยอยู่แล้ว คงเพิ่มความน่ากลัวได้ไม่น้อยปลัดหนุ่มคิดขณะเดินชมภายในบ้านพัก
ภายนอกมีร่มเงาของต้นจามจุรีครอบคลุมทั้งหลัง อากาศภายในบ้านคงไม่ร้อนแม้ถึงหน้าร้อนก็ตาม...นี่เองเสน่ห์ของชนบทที่เขาฝันหา จึงได้สมัครมาทำงานในพื้นที่ห่างไกลกรุงเทพฯเสียสุดกู่
“ จะให้แม่บ้านผมจัดอาหารเย็นมาให้ท่านนะครับ บ้านพักผมอยู่ข้างรั้วบ้านพักนี่เองครับ “ นายแช่มกล่าวก่อนจะกลับลงไป
“ ขอบคุณครับ...ไม่รบกวนละครับ ผมหาอะไรกินเองได้ “ ปลัดหนุ่มกล่าวขอบคุณไมตรีจิต ด้วยเสียงเรียบ ๆ
อาทิตย์ต่อมาปลัดหนุ่มก็เริ่มที่จะคุ้นกับงานที่รับผิดชอบ เขาต้องขับรถมอเตอร์ไซค์ที่นายแช่มได้จัดหามาให้ตามคำขอร้องของเขาด้วยราคาที่ไม่แพงนัก ไปตามหมู่บ้านต่าง ๆ เพื่อเยี่ยมเยียนชาวบ้านและหาข้อมูลวางแผนในการทำงาน เขาเข้ากับชาวบ้านได้ดี
อำเภอนี้เป็นอำเภอชายแดน มีภูเขามากมาย แต่นั่นคือที่ทำงานของเขา เขาต้องประสานกับหน่วยงานหลายแห่งเพื่อวางแผนร่วมกันทำงาน เขาพยายามใช้ความรู้ที่ได้ไปร่ำเรียนมาจากเมืองนอก มาใช้ให้เกิดประโยชน์กับประชาชนผู้เป็นเจ้าของเงินที่เขาใช้เป็นทุนการศึกษา
คืนนี้แรมสิบสี่ค่ำ เขาขับรถมอเตอร์ไซค์มาจากหมู่บ้านบนเขาติดชายแดนเชียงรัฐ เขาขับมาตั้งแต่ห้าโมง หลังเลิกจากไปดูแปลงสาธิตผักเมืองหนาว
เขาพยายามขับรถให้ถึงบ้านเร็วที่สุด เพราะเขารู้สึกว่าพลังในร่างกายเขาน้อยลง คงเป็นเพราะความเครียดของเขาที่มุ่งจะทำงานให้ได้ผลมากที่สุด จึงมุมานะสุดชีวิต
อีกประมาณสามกิโลเมตรจะถึงบ้านพักแล้วปลัดหนุ่มคิด แต่ความมืดก็เป็นอุปสรรคในการเดินทาง เพราะไฟหน้ารถไม่สว่างพอที่จะมองฝ่าฝุ่นที่คลุ้งตลอดถนน
ขณะที่รถมอเตอร์ไซค์ของเขาจะเข้าโค้งสุดท้ายก่อนถึงบ้านพัก แสงจากหน้ารถที่ไม่สว่างมากนักก็ส่องให้เห็นเงาตะคุ่มที่ตัดผ่านหน้ารถอย่างกระชั้นชิด เขาเบรกรถอย่างแรงและเร็ว จนเขาได้ยินเสียงล้อของรถที่ลากผ่านถนน ทันใดนั้นรถก็หมุนและพุ่งออกนอกเส้นทาง ลงสู่พื้นเบื้องล่างของหุบเหวที่ไม่ลึกนัก
“ โอ้วววววว....” เสียงร้องยาวสุดเสียงของปลัดหนุ่ม ก่อนที่จะตามด้วยเสียงกระแทกอย่างแรงดังสนั่นไปทั้งคุ้ง...” โครม “ แล้วทุกอย่างก็เงียบสงบ.....
ความคิดยังกังวลอยู่กับสิ่งที่วิ่งตัดหน้ารถของเขา เพราะใบหน้าที่เขาเห็นในเสี้ยวเวลานั้น ต้องเป็นคนแน่ ๆ เขาจึงหักหลบ เป็นใบหน้าที่น่ากลัวมาก ใบหน้านั้นมีสีขาวซีด ถึงแม้ว่าตรงโค้งนั้นจะมืดสนิทก็ตาม
ปลัดหนุ่มสะดุ้งและลืมตาตื่นขึ้น ก็รู้ว่าเขาฝันไปเพราะรอบตัวเขามีแต่ความสว่างไม่มีความมืด เหงื่อเม็ดโป้ง ๆ ผุดเต็มใบหน้า เขามองไปรอบ ๆ อย่างงุนงงนี่เราอยู่ที่ไหนหรือ
แล้วความคิดนั้นก็ต้องสะดุดลง เมื่อมีเสียงเปิดประตู ตามด้วยเสียงนุ่มนวลถามเบา ๆ
“ ฟื้นแล้วหรือคะ หลับไปหลายชั่วโมงเชียวค่ะ “ หญิงสาวหน้าตาน่ารักในชุดพยาบาลสีขาว กำลังยิ้มเห็นเขี้ยวสีขาวสะอาด เพิ่มเสน่ห์ให้กับใบหน้านั้น
“ ผมอยู่โรงพยาบาลหรือครับ “ เขาถามออกไปตายังคงจ้องอยู่ที่ใบหน้าแสนงามนั้นไม่วางตา
“ ค่ะ ลุงแช่มเป็นคนนำท่านปลัดมาส่งที่โรงพยาบาล และเฝ้าดูอาการอยู่จนเช้า นี่ก็เพิ่งกลับไป “้เสียงหวานและเปี่ยมด้วยความเมตตา รายงานให้ปลัดหนุ่มซึ่งนอนอยู่บนเตียง มีสายน้ำเกลือสีใสที่ไหลหยดช้า ๆ ผ่านเข็มเข้าสู่ร่างกาย
พยาบาลสาวเดินมาหยุดใกล้เตียงผู้ป่วยและเล่าเหตุการณ์ที่ลุงแช่มประสบเหตุ ให้ท่านปลัดซึ่งกำลังนั่งบนเตียงมองหน้าผู้เล่าอย่างไม่วางตา
ลุงแช่มเล่าว่า “แกนั่งสูบบุหรี่อยู่หน้าเรือนพัก กำลังเป็นห่วงท่านปลัดที่ยังไม่กลับมาจากออกตรวจตำบล ทันใดก็ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์วิ่งมาด้วยความเร็วสูง แล้วมีเสียงเบรกอย่างแรง และตามด้วยเสียงโครมดังสนั่น
ฉวยได้ไฟฉายขนาดห้าท่อน สลัดทิ้งบุหรี่ แล้วลุงแช่มก็รีบวิ่งไปตามถนนลูกรัง มุ่งไปยังจุดที่มาของเสียง จากแสงไฟจากไฟฉายฝ่าความมืดไปยังจุดที่เห็นฝุ่นสีแดงยังคลุ้งอยู่ รอยต้นหญ้าแหวกเป็นทางไปยาวไกล
ลงจากถนนไปไม่นานลุงแช่มก็ถึงต้นเสียงดังสนั่นนั้น มองเห็นรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งล้มอยู่ในในพงหญ้าสภาพพังยับเยินเพราะไปชนเอาหินก้อนโตที่อยู่ห่างจากถนนประมาณยี่สิบเมตร
ส่องไฟฉายดูรถก็จำได้ว่าเป็นรถของท่านปลัด แต่หาท่านปลัดไม่เจอ
“ท่านปลัดครับ....ท่านปลัดครับ” ลุงแช่มตะโกนเรียกเสียงหลงด้วยความเป็นห่วงเจ้านาย แต่เงียบสงบไม่มีเสียงตอบรับ ลุงแช่มส่องไฟไปมาระหว่างสองข้างทางที่เป็นรอยแหวกของหญ้า จนเห็นเงาตะคุ่มอยู่ในพงหญ้าห่างจากถนนสักสิบเมตร
แกตรงเข้าไปส่องไฟดูหน้าผู้ได้รับอุบัติเหตุ ก็เห็นเป็นท่านปลัดจริง ๆ แกพยายามหารอยแผลตามเนื้อตัวของเจ้านายก็ไม่เห็นมีรอยขีดข่วน มีแต่ฝุ่นที่จับตามแขนและเสื้อผ้า
ลุงแช่มวิ่งกลับไปบ้านบอกเมียว่าท่านปลัดได้รับอุบัติเหตุรถแหกโค้ง สองผัวเมียรีบขึ้นรถ ลุงแช่มขับรถมายังจุดเกิดเหตุ แล้วช่วยกันยกท่านปลัดซึ่งหมดสติอ่อนปวกเปียกขึ้นรถนำส่งโรงพยาบาล”
คุณหมอตรวจสอบดูแล้วไม่มีรอยแผลใด ๆ ก็ให้พยาบาลทำความสะอาดฝุ่นจากร่างกาย แลเห็นความอ่อนเพลียปรากฏชัดบนใบหน้านั้น จากนั้นก็สั่งให้พยาบาลจัดหาน้ำเกลือมาให้ผู้ป่วย
ปลัดหนุ่มนอนฟังพยาบาลสาวเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเองจนจบ แต่สายตาก็ยังไม่ละจากใบหน้านั้น เขาเคยเห็นใบหน้านี้ที่ไหนหนอ คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก สุดท้ายก็เผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลียอีกครั้งหนึ่ง
“น้องมณี เข้ามานั่งในห้องสิจ๊ะ” เสียงจิตราหัวหน้าพยาบาลเรียกพยาบาลรุ่นน้อง ซึ่งเดินออกมาจากห้องคนไข้ชาย ให้เข้ามานั่งในห้องพัก ทั้งคู่เป็นพยาบาลเวรในคืนนี้โดยรุ่นน้องเป็นเวรบ่าย ส่วนรุ่นพี่เป็นเวรดึก
“ขอบคุณค่ะพี่ เดี๋ยวน้องจะไปดูคนป่วยที่คลอดลูกเมื่อบ่ายอีกครั้งค่ะ” เสียงจากเจ้าของใบหน้าแสนงามตอบรุ่นพี่ก่อนเดินไปเปิดประตูห้องอีกด้านหนึ่ง
เมื่อตรวจดูคนไข้เสร็จเรียบร้อยก็ออกเวรพอดี มณีเข้ามาที่ห้องพัก เสียงพี่จิตรารุ่นพี่ที่เตรียมไปเข้าเวรดึกแทน พูดแซวมาว่า
“แหมน้องมณี ห้องปลัดศิลานักเรียนนอกน่ะ เห็นน้องเข้าไปตรวจบ่อยจัง”
มณีไม่พูดโต้ตอบรุ่นพี่ แต่หน้าเป็นสีชมพูจัดแล้วก็มีเสียงจากจิตราพูดจากริมหน้าต่างบรรยายถึงบรรยากาศด้านนอกอาคารด้วยเสียงวิตกลึก ๆ
“คืนนี้แรมสิบห้าค่ำ เดือนมืดจังเลยนะน้อง พี่ไม่ชอบเลย” มณีถามรุ่นพี่กลับไปว่า
“ ทำไมล่ะคะพี่ “
“ อ๋อ...ช่วงนี้ผีเป้ากำลังออกอาละวาดมาหลายคืนแล้ว”จิตราตอบ
“ผีเป้า...นี่เป็นยังไงคะพี่”เสียงหวานเย็นของมณีดังขึ้นถามอีกครั้ง
“ผีเป้า คือคนที่แก่กล้าวิชาอาคม แต่รักษาศีลไม่ได้ ของจะย้อนกลับเข้าตัวกลายเป็นผีดิบชอบกินตับคนตับสัตว์ หรือกินอาหารสดอาหารคาว ผีเป้าจะออกหากินในเวลากลางคืน โดยเฉพาะในคืนเดือนมืดที่ตรงกับวันพระมักจะออกหากิน คนที่เป็นผีเป้าจะมีแสงสีเขียวออกที่รูจมูกทั้งสองข้าง ที่สำคัญคืนนี้สิบห้าค่ำเสียด้วยสิ” จิตราตอบรุ่นน้อง
“น่ากลัวเหลือเกินคะพี่”มณีร้องบอกรุ่นพี่ ก่อนที่จะหลับตา และหลับสนิทไปในที่สุดด้วยความเหนื่อยอ่อนที่ทำงานมาตั้งแต่บ่าย
จิตรารับเวรแล้วออกตรวจดูคนไข้ทุกห้อง จากนั้นก็มานั่งเขียนบันทึกอาการคนไข้ จนใกล้เสร็จก็ต้องเงยหน้ามองไปยังห้องทำคลอด ด้วยมีเสียงผิดปกติมาจากห้องนั้น
เมื่อถึงหน้าห้องจิตราก็ค่อย ๆ เปิดประตูแล้วมองเข้าไปในห้อง เห็นร่าง ๆ หนึ่งจากแสงสลัว ๆ กำลังหยิบรกเด็ก จากถุงดำในถังที่เตรียมนำไปทำลายในวันพรุ่งนี้ มากัดกินอย่างหิวโหย และกำลังเงยหน้ามองจิตรา ทำให้เห็นแสงสีเขียวที่ออกมาจากรูจมูกอย่างชัดเจน
“ กรี๊ด ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” เสียงของจิตรากรีดลั่น ดังไปทั่วทั้งโรงพยาบาลเมื่อเห็นภาพนั้นถนัดตา
“ พี่จิตราคะ มีอะไรหรือค่ะ” เสียงมณีร้องถามพยาบาลรุ่นพี่ที่ร้องฟูมฟายอยู่กลางลานหน้าห้องคลอด
“ผีเป้า...มันน่ากลัว....น่ากลัวเหลือเกิน” เสียงพร่ำรำพันตัวสั่นงันงกของจิตรา ทำให้มณีต้องกอดพยาบาลรุ่นพี่ไว้ด้วยความสงสาร
เช้าวันรุ่งขึ้นมณีก็เข้ามาตรวจสอบความเรียบร้อยในห้องปลัดหนุ่ม คนป่วยซึ่งตื่นรออยู่แล้วก็ส่งเสียงทักทายด้วยความตื่นเต้น และถามต่อว่า
“เมื่อคืนนี้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นหรือครับ ผมได้ยินเสียงร้องลั่นโรงพยาบาล”
“อ๋อ...พี่จิตราค่ะ แกอยู่เวรแล้วไปเจอผีเป้าในห้องคลอดกำลังกินรกเด็กอยู่ค่ะ”
ปลัดหนุ่มไม่กล่าวอะไรต่อ เพียงแต่มีสีหน้าเฝื่อนไปเล็กน้อย มณีซึ่งกำลังพูดก็ทันสังเกตเห็น แต่ก็พูดต่อไปว่า
“เดี๋ยวสาย ๆ เจ้าหน้าที่เขาก็จะเอากล้องวงจรปิดมาเปิดดูก็จะรู้ว่าใครเป็นผีเป้า”
ปลัดหนุ่มหน้าซีดเผือดมือสั่นเทา ทันใดนั้นมณีก็ยื่นมือนิ้วเรียวงามไปจับมือของปลัดหนุ่มพร้อมพูดปลอบโยนว่า
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณปลัดศิลา มณีแอบเข้าไปลบเทปทิ้งหมดแล้ว”
ใบหน้าของปลัดหนุ่มยิ่งกลับเผือดลงไปอีกจนแทบไม่มีสีเลือด พร้อมกับส่งเสียงถามด้วยเสียงอันสั่นเครือว่า
“คุณมณี...ทราบได้อย่างไรหรือครับว่าเป็นผม”
มณีส่งยิ้มหวานส่งเสียงหัวเราะเบา ๆ น่ารักตามมาให้ปลัดหนุ่ม ก่อนตอบให้หายข้องใจ
“ อิอิ...ก็เราเป็นพวกเดียวกันนี่คะ...”
อีกสามปีต่อมา ชาวบ้านในอำเภอแถบชายแดนอีสานใต้ ที่เงียบสงบก็ได้ต้อนรับท่านปลัดอำเภอศิลา และภรรยาพยาบาลสาวแสนสวยคุณนายมณี ที่ทั้งคู่พากันจูงมือเดินลงจากรถและสบตากัน ส่งสายตาที่เปล่งประกายเข้าหากัน บ่งบอกถึงความสุขใจอย่างที่สุด ที่ได้มาประจำอำเภออันสงบเงียบเช่นนี้....ทั้งคู่คาดหวังว่าจะอยู่ที่นี่ได้นานเท่านาน ตราบเท่าที่เรื่องราวทุกอย่างของคนทั้งคู่ยังเป็นความลับหรือถึงวันที่เขาทั้งคู่หมดอายุไปเอง...นี่แหละคู่แท้ตัวจริง...ศิลามณี
จบบริบูรณ์
ขอให้ทุกท่านโชคดี
สวัสดีครับ
แวะมาอ่านผีเป้า..โอ๊ะพูดผิด..ศิลามณีฉบับสมบูรณ์นะคะ
สวัสดีครับหนูจิ
ว้า......ช้าไปลุงทานข้าวกับแกงส้มจนอิ่มซะแล้ว...อิอิ...เก่งขึ้นเยอะเนี่ย
โชคดีจ้า
อะจึ๊ย..คู่แท้อย่างนี้ขออย่าพบเจอเลย..อิอิ..แล้วงี้ที่ตำบลนั้นจะเป็นอย่างไรบ้างน๊า..พี่ชายใหญ่ช่วยไขความลับได้ป่าว อิอิ
สวัสดีครับ จบพร้อมคิมชูซอนเลยนะครับ
สวัสดีครับน้องครูแอน
ในอำเภอนั้นกลางคืนตามทุ่งนาก็จะเห็นแสงไฟสองดวงลอยไปมา คนที่ออกหาปลาเขารู้ก็ไม่ทักอะไรต่างคนต่างทำมาหากินว่างั้นเถอะ...โบราณเล่าว่าเห็นแล้วให้เฉยไว้ เขาก็ไม่ยุ่งกะเรา แต่ถ้าทำอะไรก็ตามให้เขาตกใจ เขาจะเข้ามาทำร้ายเราถึงชีวิตครับ...อิอิ...
โชคดีครับผม
สวัสดีครับศน.แอ้ด
ขอบคุณครับที่แวะมาเยี่ยมตลอดเลยครับ
โชคดีครับ
ว่าไปแล้วที่เมืองแปง ชาวบ้านก็ยังบอกว่ามีอยู่ค่ะ แต่ที่นี่เขาเรียกว่า "ผีกะ" น่ากลัว
สวัสดีครับคุณเบดูอิน
ขอบคุณที่มาเยี่ยมครับ...จบพร้อมกันโดยไม่เจตนาครับ..อิอิ
โชคดีครับผม
สวัสดีครับน้องครูแอน
ขอบคุณสำหรับข้อมูล...ถ้างั้นไปไหนกลางคืนระวังหน่อยละกัน
โชคดีจ้า
สวัสดีครับครูโย่ง
คงทั้งเรื่องยาว...อิอิ...และตัวอักษรก็โย่ง...เอาใจทีมสว.จ้า
โชคดีครับผม
ม่วนดีแต๊ ๆ
สวัสดีครับคุณวารุณี
ขอบคุณที่มาเยี่ยมครับ...อิอิ...วันหน้าเชิญอีกนะครับ
โชคดีครับผม
สวัสดีเจ๊เขี้ยว
ขอบคุณที่ติดตามกันตลอด
เดี๋ยวอิตามเข้าไปแล
โชคดีครับ
สวัสดีค่
* มาส่งความสุขปีใหม่ค่ะ
โห........ผีเป้าจบจากนอกซะด้วย
สวัสดีครับคุณ นาง พรรณา ผิวเผือก (ไม่มีชื่อกลาง)
ขอบพระคุณสำหรับคำอวยพรปีใหม่...ขอพรนั้นนำสู่ท่านเช่นกันครับ
โชคดีปีใหม่
สวัสดีครับท่านผอ.ประจักษ์
ขอบพระคุณสำหรับคำอวยพร ขอพรนั้นนำสู่ท่านด้วยครับ
โชคดีครับผม
สวัสดีครับคุณคนของกาลเวลา
ขอบคุณครับ....เป็นการสมมุตินามตามท้องเรื่องครับ..อิอิ
ตอนนี้เจ้าหญิงมะพร้าวออกโรงแล้วครับ
โชคดีตลอดปีใหม่ครับผม
คิดถึงลุงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง กอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
สวัสดีน้องจิ
วันนี้จะเอาการบ้านอะไรมาให้ลุงฝึกอีกฤ...อิอิ
โชคดีจ้า...สู้ ๆ