วันและเวลาที่ล่วงเลย


ผู้พบพระพุทธศาสนาและศรัทธาในคำสอนพาตัวเองให้เดินเข้าใกล้ความสุขที่แท้จริง

ธันวาคมแล้ว... เผลอแผล็บเดียว เราก็ก้าวย่างเข้ามาสู่เดือน ๑๒ เดือนสุดท้ายของปีกันแล้วและจุดที่กาลเวลาเดินมาบรรจบครบขวบปีครั้งหนึ่งก็มักเป็นจุดที่ทำให้ใครหลายคน นึกทบทวนถึงภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ไหลผ่านเข้ามาในชีวิตเมื่อวันวานกันขึ้นมาอีกครั้ง

                หันมามองชีวิตตัวเองในช่วงสามร้อยหกสิบกว่าวันที่ผ่านมาจนถึงวันนี้...มีทั้งเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม ความสุขใจ ผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ เกี่ยวพันกับบุคคลต่าง ๆได้ร่วมกิจการงานบุญ ได้เที่ยวกับครอบครัว ได้คุยสนุกกับเพื่อน ได้ของชิ้นใหม่ ฯลฯ  

ขณะเดียวกัน ก็ยังจำได้ถึงน้ำตา เสียงสะอื้นไห้ ความเศร้า ความเสียใจ ผ่านเหตุการณ์ความทุกข์อันเป็นเสมือนมรสุมใหญ่ ที่ไม่ได้ผ่านเข้ามาในชีวิตบ่อยนักแต่ไม่ว่าจะเป็นความสุข หรือความทุกข์ เมื่อยืนทบทวนอยู่ตรงจุดอันเป็นปัจจุบันวันนี้ ก็พบว่าทั้งสุขและทุกข์นั้น ต่างก็เหมือนกันอย่างหนึ่งคือมันต่างก็ผ่านเข้ามาชั่วคราว อยู่ตรงนั้นชั่วคราว แล้วมันก็จะผ่านไป ผ่านมา ผ่านไป... ผ่านมา แล้วก็ผ่านไป...

                ทุกอย่างล้วนเป็นเหมือนภาพความฝันที่เคยเห็นจริงเห็นจังราวกับมีตัวมีตนให้หยิบจับสัมผัส และยึดถือเอาไว้ได้นั้นครั้นก้มหน้าแบมือลงดูวันนี้ ก็กลับมีแต่ความว่างเปล่าคว้าอะไรเป็นแก่นสารสาระไว้ไม่ได้จริงสักอย่างเดียว

                แต่แม้รู้อย่างนี้แล้ว เราต่างก็ยังมืดบอดยังคงวิ่งไล่คว้าหาความสุข ดิ้นรนหนีความทุกข์

อยู่กับภาพลวงตาแบบนี้กันอยู่ตลอดชีวิต 

ความสุข... มีแต่คนอยากได้ แต่มันก็มักจะสั้นเกินไปเสมอความทุกข์... ไม่มีใครอยากได้ และแม้จะเกิดขึ้นสั้นเพียงใด ก็มักจะดูยาวนานเกินไปเสมอแต่แม้ความทุกข์จะเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากได้ และไม่เคยมีใครหลีกหนีมันพ้นแต่โดยส่วนตัว วันนี้ก็รู้สึก "ขอบคุณความทุกข์" ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต 

ในอาการดิ้นรนเต็มกำลังของใจ ในสภาวะที่อึดอัดคับข้องเต็มที่นั้น ถึงจุดหนึ่ง ใจมันกลับยอมศิโรราบให้กับกฎของเหตุและผลของธรรมชาติได้เห็นถึงความจริง ว่าเราไม่มีอำนาจบังคับสิ่งใด ๆ ในโลก แม้แต่ใจของเราเองได้เห็นและเข้าใจตามถึงความจริงอย่างหนึ่งที่ครูบาอาจารย์ท่านเคยสอนว่า  ยิ่งดิ้นรนหาความสุข ยิ่งไม่มีความสุขยิ่งดิ้นรนหาความสุข ยิ่งได้ความทุกข์

                แต่ถ้ารู้ทุกข์ไปด้วยใจเป็นกลาง จนหมดความดิ้นรน ความสุขจะเกิดขึ้นเอง นับเป็นเรื่องแปลกแต่จริงของธรรมชาติ

 แบบฝึกหัดที่ยาก มักจะทำให้เราต้องอดทนและพากเพียรมากขึ้นแต่เมื่อผ่านบททดสอบนั้นไปได้ ประสบการณ์นั้นก็มักทำให้เราเติบโตขึ้นเสมอ 

เมื่อมองย้อนกลับไปแล้ว ปีที่ผ่านมา แม้จะเป็นปีที่ทุกข์ร้าย ๆ ผ่านมาเยี่ยมเยือนแต่ก็กลับเหมือนเป็นอีกปีหนึ่งของจุดเปลี่ยน ที่ทำให้รู้จัก "ความสุข" มากขึ้นด้วย : )แปลกดีนะ... ยิ่งเรา "รู้ทุกข์" มากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งเป็นอิสระจากทุกข์มากเท่านั้น

                อีกไม่นาน สิ้นปีนี้ก็กำลังจะผ่านไปแล้วอีกหนึ่งปี ใครที่มีเวลา ก็ลองทบทวนชีวิตตัวเองดูกันสักนิดว่าเราได้ใช้ ๓๖๖ วันที่ผ่านมาได้อย่างคุ้มค่าที่สุดเท่าที่ศักยภาพของมนุษย์คนหนึ่งจะพึงมีแล้วหรือยัง 

ความสุขแบบไหน เป็นความสุขแบบภาพลวงตาความสุขแบบไหน เป็นความสุขที่แท้จริง

และเรา... กำลังเดินก้าวเท้าเข้าหาและเริงร่ากับความสุขแบบไหนอยู่กันแน่?

                ชีวิตหนึ่ง ๆ ไม่ได้ยาวนานอย่างที่เราคิดหรอกวันนี้ วันพรุ่ง จะล้มหมอนนอนเสื่อ หรือลงโลงเมื่อไหร่ ไม่มีใครรู้ได้ปีหน้าเราจะยังได้ฉลองปีใหม่กับเขาอีกหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ในขณะที่โลกของเราก็วิกฤติและเสื่อมโทรมลงไปทุกวัน ทุกวัน

                ถ้าวันนี้ คุณผู้อ่านเป็นคนหนึ่งที่มีโอกาสได้สดับตรับฟังคำสอนและรู้จักเส้นทางอันเป็นทางลัดสู่ทางพ้นทุกข์ของพระพุทธเจ้าแล้วอย่ามัวเดินเล่นกันอยู่เลยเร่งตักตวงโอกาสในชีวิตนี้

ของการเกิดเป็นมนุษย์ ผู้พบพุทธศาสนา และศรัทธาในคำสอน พาตัวเองให้เดินเข้าใกล้ "ความสุขที่แท้จริง" ที่สุดเท่าที่จะทำได้

                ศึกษาหลักให้เข้าใจ เป็นผู้หนักแน่นในเส้นทาง และอย่าสักแต่ได้ชื่อว่าปฏิบัติธรรม แต่เอาเข้าจริงแล้วทำเรื่อย ๆ แบบลอยชายลองเหลือบตาดูเข็มทิศกับหลักกิโลข้างทางไปด้วยเป็นระยะว่าเรายังเดินถูกทางอยู่หรือไม่ และวันนี้เรามาได้ถึงไหนแล้ว

ความสุขหายวับไปได้ทุกเมื่อ ความทุกข์วิ่งปุบปับมาหาเราได้ทุกเมื่อ

และความเสื่อม กับความตาย ก็รอเราอยู่ข้างหน้าทุกเมื่อเช่นกัน

                ขอเพียง "อย่าประมาท" กับวันนี้ และวันพรุ่งนี้เพราะกิเลสไม่เคยปราณีใคร และวิบากแห่งกรรมก็ยุติธรรมเสมอหาที่พึ่งที่แท้จริงให้ตัวเองไว้เสียแต่วันนี้เถิดก่อนที่วันหน้าจะไม่มีแม้แต่เงาของพระพุทธเจ้าให้เราเดินตามอีกต่อไป

 

หมายเลขบันทึก: 228842เขียนเมื่อ 11 ธันวาคม 2008 20:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 03:55 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

แวะมาอ่านครับ

เวลาผ่านไปดั่งสายลม

อยากทำอะไรให้รีบทำ

เดี๋ยวจะตามเวลาไม่ทัน

อิอิ

สวัสดีครับครูโย่ง หัวหน้า~ natadee

ครับวันเวลาเปรียบเหมือนสายลมไม่รู้ว่าจะวิ่งตามกันสักเท่าไหร่แต่ที่สำคัญต้องพยายามวิ่งตามใจให้ทันเป็นพอนะครับ ขอบคุณที่แวะมาทักทายครับ

สวัสดีฮะ  คุณขมิ้นเหลือง เดินดิน

เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องพบเจอ...

เฉพาะการเกิด ก็มีตั้งแต่ การเกิดของชีวิต ที่เห็นเป็นรูปธรรม

หรือ การเกิด เรื่องที่ดีที่น่ายินดี... หรือเรื่องเศร้าที่ไม่อยากพบเจอ... ซึ่งเป็นนามธรรม...

ความหมายสำคัญ ของ พุทธศาสนา น่าจะอยู่ที่การใช้ชีวิต และ คิดให้เป็น ทำให้การใช้ชีวิตมีคุณค่า มีความหมาย ก่อเกิดความสุขและความทรงจำที่ดีๆ มากกว่า

เมื่อเร็วๆ นี้ ผมเจอคนกลุ่มหนึ่ง แปลกประหลาดมากเลย เขายกพระธรรมมาสอนคนมากมายดูขลังมาก... แต่แค่ศีลข้อ 4 ข้อเดียว เขาก็ยังไม่สามารถรักษาได้... และ เขาก็บอกว่า สิ่งที่เขาเบียดเบียนอีกคนหนึ่งที่เขาไม่รู้จักเลยนั้น เพื่อรักษาและแสดงความเป็นเพื่อนที่ดีที่จะต้องเป็นพวกๆ ตามกันไป... อย่างไม่กลัวบาปกรรมเลย...

แต่ตอนนี้ ผมปลีกตัวออกมาแล้วละฮะ...   อิอิ  ทุกๆ วัน เราก็ต้องเลือกสิ่งดีๆ ให้ตัวเองใช่มั๊ยฮะ  อิอิ

วันนี้ ผมก็นึกถึง ลิ้งค์หนึ่ง กล่าวไว้ว่า ทุกๆ วันของเราล้วนเป็นวันพิเศษ   ผมคิดว่า น่าจะมาอยู่ที่ บันทึกนี้ได้ ขอถือโอกาสนี้ ขออนุญาต และขอขอบคุณ คุณขมิ้นเหลือง เดินดิน และ คุณenjoylife (enjoylife-at-settomorrow-dot-com ด้วยฮะ   ขอขอบคุณฮะ 

http://www.settomorrow.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=1&Category=settomorrowcom&thispage=4&No=333411

สวัสดีครับคุณseen

ครับบางครั้งชีวิตเราถ้าไม่เจอปัญหาด้วยตัวเองก็ไม่รู้ ดีแล้วครับที่ปลีกตัวออกมาก่อนที่อะไรๆจะสายเกินไปหนทางยังให้โอกาสคนดีเดินเสมอ

 

มาชม

เห็นมุมคิด เห็นคติธรรมดีแท้นะนี่ อิ อิ อิ

สวัสดีครับอาจารย์

อีกไม่กี่วันก็สิ้นปีแล้วแต่มีธุระต้องไปปฏิบัติปีใหม่คงได้เจอกันนะครับทำงัยได้ละธรรมะคือหน้าที่ก็ต้องไปคงมาเยี่ยมเยียนในบล็อคหลังเสร็จภาระกิจโน่นแหละครับ

รักษาสุขภาพด้วยนะครับเห็นไอบ่อยๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท