เวลาแห่งการเก็บเกี่ยวผ่านไปแล้ว ชาวนาหลายๆคนก็นั่งเอกเขนกอยู่กับบ้านอย่างสบายๆ ยิ่งเดือนสุดท้ายของปีนี้ บรรยากาศในหมู่บ้านคึกคักเป็นพิเศษ ทางการอนุมัติเงินงบประมาณเรื่องภัยแล้งและภัยน้ำท่วมลงมาแล้ว ทำให้คนทั้งหมู่บ้านคึกคักยิ่งกว่าขายข้าวใหม่ได้กิโลละ 12 บาทซะอีก เงินภัยแล้งและภัยน้ำท่วมตกถึงใครก่อนก็จะต้องถูกจับตามอง ว่ามีเส้นมีสายรึป่าว ฉันเองก็ถูกจับตามองกะเขาเหมือนกัน เพราะว่าดันไปติดอยู่ในรายชื่อคนได้รับเงินน้ำท่วมรอบแรก ซึ่งมีแค่ 31 คน ในขณะที่ญาติๆในละแวกบ้านไม่มีใครได้รับเงินรอบแรกเลยซักกะคนเดียว ทุกคนเลยพากันสงสัย บางคนก็เดินมาถามฉันถึงที่บ้าน ฉันเองก็งงๆ ว่าทำไมฉันจึงได้รับเงินรอบแรกกะเขาด้วย
"น้ากบเป็นหยังเจ้าคือได้เงินแล้ว"
"บ่ฮู้คือกัน กบก็ยังงึด(ประหลาดใจ)"
"น้ากบถามผู้ใหญ่บ้านให้หน่อยเด้อ เงินที่มานี่เงินของปีไหน"
"น้ากบเจ้าได้เงินหลายปานได๋"
"บ่ได้หลายดอก ได้พันสองนึง กบแจ้งน้ำท่วมแค่ 2 ไร่ ไม่ได้แจ้งเหมาทุกไร่แบบคนอื่นๆ"
"เจ้าคือแจ้งน้อยแท้"
นี่เป็นบทสนทนาที่เจอบ่อยช่วงนี้ ใครๆก็มักเข้ามาถาม
แต่สำหรับฉันแม้จะได้เงินน้อยแต่ก็สบายใจ ที่เราซื่อสัตย์กับตัวเองและซื่อสัตย์กับผู้อื่นด้วย ใครๆบอกว่าทำนาปีนี้ขาดทุนหรือไม่ได้กำไร แต่ฉันว่ายังพอมีกำไรนะ ก็ข้าวกิน ข้าวปลูกที่เหลือเก็บอยู่ในยุ้งนั่นไง เราไม่ต้องไปลำบากซื้อหาที่ไหนอีก เรามีของเราอยู่แล้ว นี่แหล่ะคือทุนหมุนเวียนต่อในฤดูกาลหน้า
เกี่ยวข้าวเสร็จก็พอดีกับฤดูหนามาเยือน ปีนี้ลมหนาวมาเร็วกว่าปีที่แล้ว ฉันตากข้าวท่ามกลางลมนาวอยู่ 4 วันเต็มๆ เอาข้างขึ้นยุ้งเสร็จเรียบร้อย ก็ต้องไปช่วยย่าพันธ์เกี่ยวข้าวที่นาน้อย ย่าพันธ์ทำนาแค่ 4 ไร่ แต่นาเจอทั้งภัยแล้งและน้ำท่วม ทำให้ได้ข้าวแค่นิดเดียว ฉันไปช่วยแกเกี่ยวอยู่ 4 วันเต็มๆ และเมื่อขนข้าวมาตีที่บ้านแล้ว ย่าพันธ์ได้ข้าวแค่ 4 กระสอบ จากที่ปีที่แล้วได้ 30 กระสอบ เฮ่อ....มันต่างกันลิบลับเลย ฉันได้แต่ปลอบใจแกว่า ไม่เป็นไรปีหน้าเอาใหม่ ปีนี้ทำใจเถอะ....ส่วนฉันทำใจได้แล้ว เพราะตอนนี้ฉันกำลังสนุกกับการขายต้นไม้ดอกไม้ที่เพาะเอาไว้ ฮา.......
ขายต้นไม้ กับขายข้าว แม้จะได้ขายเหมือนกันแต่ความสบายใจต่างกัน ขายข้าวที่เราปลูกเรากำหนดราคาเองไม่ได้ แต่ขายต้นไม้ดอกไม้ที่เราปลูก เมื่อเราคิดจากต้นทุนที่ลงไปแล้ว เรากำหนดราคาเองได้ เราสบายใจกว่ากัน ขายของสวยๆงามๆ คนซื้อก็สบายใจ คนขายก็สนุก กว่าจะได้เริ่มทำนาอีกครั้งก็ขายต้นไม้ไป สนุกและสบายใจสไตล์คนหัดทำนา ฮา......
เป็นกำลังใจให้คนทำนา...ปีหน้าสู้ใหม่
คุณพิทักษ์ *ย่าพันธ์ได้ค่าชดเชยทั้งน้ำท่วมและภัยแล้งคะ ซึ่งจริงๆแกไม่อยากได้เงินตรงนี้เลย แกอยากมีข้าวกินโดยที่ไม่ต้องซื้อมากกว่าคะ *ย่าพันธ์ อายุ 60 กว่าปีแล้วคะ ทำนาแค่ 4 ไร่ ก็เป็นนาหว่าน จริงๆแล้วแกมีนามากกว่านี้ แต่ให้เขาเช่าทำคะ
พี่นิด
ข้าวที่ปลูก เป็นข้าวหอมมะลิหรือข้าวดอกมะลิ คะ หอมอย่าบอกใครเชียว เกิดดีในบริเวณที่เป็นร่วนปนทรายคะ ทนแล้ง ยิ่งแล้งยิ่งหอม เห็นคนที่นี่(คนทุ่งกุลาฯ)เขาบอกว่าอย่างงี้ แต่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า หากนำข้าวทางใต้ โดยเฉพาะข้าวพันธุ์พื้นเมืองอย่างข้าวสังข์หยด ,ข้าวเล็บนก ที่อร่อยๆ นะคะ ข้าวเกิดเฉพาะถิ่นบางทีหากนำมาปลูกในสภาพที่แตกต่างออกไป อาจจะต้องมีการปรับปรุงพันธุ์ แถวนี้ไม่รู้มีใครทดลองบ้างรึยัง
* ข้าวใหม่ถ้าเป็นข้าวเหนียว เอามาทำข้าวหลามอร่อยมากคะ เพิ่งทำกินไปเมื่อเดือนที่แล้ว ข้าวเจ้าก็หุงอร่อยหอมมากเช่นกัน
*ตอนนี้ขายทั้งไม้ดอกและไม้ประดับคะ ไม้ดอกก็เน้นกล้วยไม้ ไม้ประดับก็พวกแก้วกาญจนาน่ะคะ ปลูกไปขายไปเพลินๆดีคะ
กำลังหัดปลูกข้าวเหมือนกันค่ะ
ดีคะๆ อยากให้คนรุ่นใหม่ๆที่ยังมีเรี่ยวแรงมาก มีพลังมากๆ มาทำแบบนี้กันเยอะๆคะ เพราะคนรุ่นเก่าๆก็หมดเรี่ยวแรงลงไปเรื่อยๆ คะ ขอให้สนุกนะคะ
สวัสดีค่ะ
*มาส่งความสุขปีใหม่ค่ะ
ขอบคุณมากคะอาจารย์ และขอให้อาจารย์รวมทั้งชาว G2K ทุกคนมีความสุขกาย สุขใจ มีอายุยืนนะคะ