เล่าต่อครับ
1.
เมื่อฤดูผันผ่านมาปลายฝน ใกล้ออกพรรษา ขนบของเขมรถิ่นไทย จะมีพิธีโดนตา เพื่อแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ ผ่านพิธีกรรมและผนวกเข้ากับพิธีทางพุทธ อย่างเหมาะเจาะ..................
ผมเลยปรารภกับน้องๆว่า เราน่าจะจัดพิธีนี้ขึ้นนะ เพื่อสืบต่อ สืบทอด ทั้งๆที่ผมเองไม่เคยพบ เห็น แต่อย่างใด เลยจัดกันขึ้น ด้วยเวลาและงบประมาณ(ของผมเอง)ที่จำกัด เลยได้ทำการ ณ วันนั้น รวมพล ได้ 7-8 คน ร่วมพิธีกรรม ณ หน้าชมรม ปนน. เครื่องเซ่น ไหว้ คาว หวาน น้ำและเหล้าขาว บรรจง แต่ง ปรุง วางเรียงราย แต่งเติมด้วยธูป เทียน และเสียงเรียกเชิญบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เข้ามารับประทานอาหารความหวาน และบริวาร ที่ลูกหลานจัดเตรียมไว้..........................
และอานิสงส์นี้เอง ชาวเราก็จัดการอาหารคาว หวานที่เหลือต่อไป
อิ่มหนำ เอร็ดอร่อย และมีสุขที่ได้พบกัน
กุศโลบายแต่บรรพกาล ที่แนบเนียน ผ่านขนบ ธรรมเนียม อันแยบยล ที่ต้องการให้ ลูกหลาน ที่ไปทำงานต่างบ้าน ต่างเมือง กลับสู่มาตุภูมิ ผ่านพิธีกรรมนี้ ความฉลาดหลักแหลมของบรรพบุรุษ ถือเป็นสิ่งล้ำค่า ควรรักษาสืบทอด
2.
โอกาสต่อมา เราได้รวบรวมพล เพื่อจัดพิธีนี้ขึ้นอย่างเป็นทางการ ผ่านแกนนำและนักแสดงที่มีใจรัก ขออนุมัติโครงการต่อมหาวิทยาลัย ตามขั้นตอน ด้วยงบประมาณของเราๆเอง และผมเอง เราๆเองนั้น คือเงินของน้องๆที่สะสมผ่านกิจกรรมของโรงเรียนเก่า
จัดขึ้น ณ เวที อน.มข. ที่เราคุ้นเคย ได้รับเกียรติจาก ผอ.สมนึก ปิ่นทอง ผู้อำนวยการกองกิจการนักศึกษา ร่วมงานและรับกะเฌอโดนตา
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้เห็นงานแบบนี้ ตื่นเต้น ตื่นตา ตื่นใจ อย่างที่บอกว่า บรรพบุรุษมักมอบสิ่งดีๆผ่านแนวคิดและกิจกรรม ที่สืบทอดเป็นประเพณีและขนบธรรมเนียม
ความรัก ความสามัคคีกัน เกิดขึ้นอย่างชัดเจน ผ่านกิจกรรม ตระเตรียมงาน จัดสถานที่ สนุกสนาน และอิ่มหนำ นำพาผู้คน เชื้อชาติ ศาสนาและภาษาเดียวกันมาพบกันและสนุกสนานกันตามสมควรและตามกาล
.......................ติดตามตอนต่อไปครับ
สืบเถอะสืบทอดสานต่อเจตนา
แต่โบราณก่อนเก่ามาสืบไป
สืบสานต่อเพื่อร่วมรักษาไว้
อยู่ต่อไปเคียงคู่แผ่นดินเรา