แลกเปลี่ยนสัมมนาในงาน SET in the City 2008


การลงทุน

ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์และภาพบรรยากาศที่ได้รับจากการเข้าร่วมฟังสัมมนาในงาน "SET in the City 2008" กันนะค่ะ

คำสำคัญ (Tags): #การลงทุน
หมายเลขบันทึก: 225096เขียนเมื่อ 24 พฤศจิกายน 2008 11:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 พฤษภาคม 2012 02:09 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)
กลุ่มที่ 1 แก้วเจ้าจอม

สรุป

                งานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่จัดขึ้นที่สยามพารากอน  มีการเข้าร่วมของหลายบริษัทการเข้าร่วมในครั้งนี้ก็เพื่อเป็นตัวเลือกให้แก่นักลงทุนใหม่ ๆ  และคนที่เคยลงทุนแล้ว  แต่เป็นตัวเลือกเพื่อให้หาสถาบันลงทุนที่ดีและให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุน  บริษัทลงทุนที่เข้าร่วมมีหลายกลุ่ม  เช่น  กลุ่มพลังงาน  กลุ่มธนาคาร  กลุ่มอสังหาริมทรัพย์  เป็นต้น

ความเสี่ยงในการลงทุนในปัจจุบัน

1.       เงินเฟ้อ

2.       การเมือง

-          ทำให้รัฐบาลไม่สามารถใช้จ่ายได้  และประชาชนไม่กล้าที่จะลงทุน

3.       ดอกเบี้ย

-          ดอกเบี้ยลดลงในประเทศและต่างประเทศ เช่น ยุโรป  ญี่ปุ่นและอเมริกา

 

จุดประสงค์ในการจัดงาน  คือ  การเชิญชวนให้คนไทยตื่นตัวใส่ใจบริหารเงินกับหลากหลายทางเลือก  เพื่อฝ่าวิกฤตยุคเศรษฐกิจผันผวน  โดยมีหลายบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์  มีบริษัทจัดการกองทุนกว่า  100  องค์กร  โดยมีการโชว์กระบวนการบริหารเงินเพื่อช่วยคนไทยพบทางเลือกที่เหมาะสมกับสไตล์ที่ต้องการ  ทั้งหุ้นเล็ก  หุ้นใหญ่  หุ้นดาวเด่น  หุ้นปันผล  กองทุนรวมหรือเพิ่มความมั่งคั่งอย่างมั่นคงกับพันธบัตร / หุ้นกู้หรือผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ให้โอกาสสร้างกำไรทั้งภาวะหุ้นขึ้น หุ้นลง  กับฟิวเจอร์และออปชั่นที่นักลงทุนสนใจ

สิ่งที่ได้จาก  Aberdeen

                โดย  คุณ อดิเทพ       วรรณพฤคช์    รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  ฝ่ายการลงทุน

                         คุณ เอื้อศรี        แสงสิงค์แก้ว  หัวหน้าฝ่ายขาย

                         คุณ กฤษฎิ์        จุติไมตรี          หัวหน้าฝ่ายขาย

 

ได้พูดเกี่ยวกับเรื่อง  LTF  กับ  RMF

                LTF  เป็นการลงทุนระยะยาว

-          ลงทุน 5 ปี

-          เป็นกองทุนที่มีสิทธิประโยชน์สูงสุดที่รัฐใช้ทำเมื่อใดดอกเบี้ย  สามารถได้ลดหย่อนภาษีได้

RMF  เป็นการลงทุนระยะยาว

-          ต้องลงทุนทุกปีสม่ำเสมอ  ( เว้นได้ปีเดียว )

-          สามารถนำมาลดภาษีและเงินก้อนตอนเกษียณ

บริษัท  Aberdeen  มี  3  กองทุน

-          หุ้น  (RMF)

-          ตราสารหนี้  (RMF)

-          ABSC   (LTF)

 

พวกเราทุกคนได้เข้าไปร่วมในงานครั้งนี้ทำให้ได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ เกี่ยวกับการลงทุนเพิ่มขึ้นมาก  ได้ทำกิจกรรมรวมกันในงานที่เขาได้จัดขึ้นมา  ความรู้ที่เราได้มาจะนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ในอนาคต

 

 

สรุป

                งานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่จัดขึ้นที่สยามพารากอน  มีการเข้าร่วมของหลายบริษัทการเข้าร่วมในครั้งนี้ก็เพื่อเป็นตัวเลือกให้แก่นักลงทุนใหม่ ๆ  และคนที่เคยลงทุนแล้ว  แต่เป็นตัวเลือกเพื่อให้หาสถาบันลงทุนที่ดีและให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุน  บริษัทลงทุนที่เข้าร่วมมีหลายกลุ่ม  เช่น  กลุ่มพลังงาน  กลุ่มธนาคาร  กลุ่มอสังหาริมทรัพย์  เป็นต้น

ความเสี่ยงในการลงทุนในปัจจุบัน

  • 1. เงินเฟ้อ
  • 2. การเมือง
  • - ทำให้รัฐบาลไม่สามารถใช้จ่ายได้ และประชาชนไม่กล้าที่จะลงทุน
  • 3. ดอกเบี้ย
  • - ดอกเบี้ยลดลงในประเทศและต่างประเทศ เช่น ยุโรป ญี่ปุ่นและอเมริกา

 

จุดประสงค์ในการจัดงาน  คือ  การเชิญชวนให้คนไทยตื่นตัวใส่ใจบริหารเงินกับหลากหลายทางเลือก  เพื่อฝ่าวิกฤตยุคเศรษฐกิจผันผวน  โดยมีหลายบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์  มีบริษัทจัดการกองทุนกว่า  100  องค์กร  โดยมีการโชว์กระบวนการบริหารเงินเพื่อช่วยคนไทยพบทางเลือกที่เหมาะสมกับสไตล์ที่ต้องการ  ทั้งหุ้นเล็ก  หุ้นใหญ่  หุ้นดาวเด่น  หุ้นปันผล  กองทุนรวมหรือเพิ่มความมั่งคั่งอย่างมั่นคงกับพันธบัตร / หุ้นกู้หรือผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ให้โอกาสสร้างกำไรทั้งภาวะหุ้นขึ้น - หุ้นลง  กับฟิวเจอร์และออปชั่นที่นักลงทุนสนใจ

สิ่งที่ได้จาก  Aberdeen

                โดย  คุณ อดิเทพ       วรรณพฤคช์    รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  ฝ่ายการลงทุน

                         คุณ เอื้อศรี        แสงสิงค์แก้ว  หัวหน้าฝ่ายขาย

                         คุณ กฤษฎิ์        จุติไมตรี          หัวหน้าฝ่ายขาย

 

ได้พูดเกี่ยวกับเรื่อง  LTF  กับ  RMF

                LTF  เป็นการลงทุนระยะยาว

  • - ลงทุน 5 ปี
  • - เป็นกองทุนที่มีสิทธิประโยชน์สูงสุดที่รัฐใช้ทำเมื่อใดดอกเบี้ย สามารถได้ลดหย่อนภาษีได้

RMF  เป็นการลงทุนระยะยาว

  • - ต้องลงทุนทุกปีสม่ำเสมอ ( เว้นได้ปีเดียว )
  • - สามารถนำมาลดภาษีและเงินก้อนตอนเกษียณ

บริษัท  Aberdeen  มี  3  กองทุน

  • - หุ้น (RMF)
  • - ตราสารหนี้ (RMF)
  • - ABSC (LTF)

 

พวกเราทุกคนได้เข้าไปร่วมในงานครั้งนี้ทำให้ได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ เกี่ยวกับการลงทุนเพิ่มขึ้นมาก  ได้ทำกิจกรรมรวมกันในงานที่เขาได้จัดขึ้นมา  ความรู้ที่เราได้มาจะนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ในอนาคต

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

                        

 

 

 

กลุ่มที่ 1 แก้วเจ้าจอม (เอาอันนี้ค่ะ)

สรุป

 

                งานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่จัดขึ้นที่สยามพารากอน  มีการเข้าร่วมของหลายบริษัทการเข้าร่วมในครั้งนี้ก็เพื่อเป็นตัวเลือกให้แก่นักลงทุนใหม่ ๆ  และคนที่เคยลงทุนแล้ว  แต่เป็นตัวเลือกเพื่อให้หาสถาบันลงทุนที่ดีและให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุน  บริษัทลงทุนที่เข้าร่วมมีหลายกลุ่ม  เช่น  กลุ่มพลังงาน  กลุ่มธนาคาร  กลุ่มอสังหาริมทรัพย์  เป็นต้น

ความเสี่ยงในการลงทุนในปัจจุบัน

1.       เงินเฟ้อ

2.       การเมือง

-          ทำให้รัฐบาลไม่สามารถใช้จ่ายได้  และประชาชนไม่กล้าที่จะลงทุน

3.       ดอกเบี้ย

-          ดอกเบี้ยลดลงในประเทศและต่างประเทศ เช่น ยุโรป  ญี่ปุ่นและอเมริกา

 

จุดประสงค์ในการจัดงาน  คือ  การเชิญชวนให้คนไทยตื่นตัวใส่ใจบริหารเงินกับหลากหลายทางเลือก  เพื่อฝ่าวิกฤตยุคเศรษฐกิจผันผวน  โดยมีหลายบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์  มีบริษัทจัดการกองทุนกว่า  100  องค์กร  โดยมีการโชว์กระบวนการบริหารเงินเพื่อช่วยคนไทยพบทางเลือกที่เหมาะสมกับสไตล์ที่ต้องการ  ทั้งหุ้นเล็ก  หุ้นใหญ่  หุ้นดาวเด่น  หุ้นปันผล  กองทุนรวมหรือเพิ่มความมั่งคั่งอย่างมั่นคงกับพันธบัตร / หุ้นกู้หรือผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ให้โอกาสสร้างกำไรทั้งภาวะหุ้นขึ้น หุ้นลง  กับฟิวเจอร์และออปชั่นที่นักลงทุนสนใจ

สิ่งที่ได้จาก  Aberdeen

                โดย  คุณ อดิเทพ       วรรณพฤคช์    รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  ฝ่ายการลงทุน

                         คุณ เอื้อศรี        แสงสิงค์แก้ว  หัวหน้าฝ่ายขาย

                         คุณ กฤษฎิ์        จุติไมตรี          หัวหน้าฝ่ายขาย

 

ได้พูดเกี่ยวกับเรื่อง  LTF  กับ  RMF

                LTF  เป็นการลงทุนระยะยาว

-          ลงทุน 5 ปี

-          เป็นกองทุนที่มีสิทธิประโยชน์สูงสุดที่รัฐใช้ทำเมื่อใดดอกเบี้ย  สามารถได้ลดหย่อนภาษีได้

RMF  เป็นการลงทุนระยะยาว

-          ต้องลงทุนทุกปีสม่ำเสมอ  ( เว้นได้ปีเดียว )

-          สามารถนำมาลดภาษีและเงินก้อนตอนเกษียณ

บริษัท  Aberdeen  มี  3  กองทุน

-          หุ้น  (RMF)

-          ตราสารหนี้  (RMF)

-          ABSC   (LTF)

 

พวกเราทุกคนได้เข้าไปร่วมในงานครั้งนี้ทำให้ได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ เกี่ยวกับการลงทุนเพิ่มขึ้นมาก  ได้ทำกิจกรรมรวมกันในงานที่เขาได้จัดขึ้นมา  ความรู้ที่เราได้มาจะนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ในอนาคต

 

มีรูปภาพประกอบไปงานแลกเปลี่ยนสัมมนาในงาน SET in the City 2008

 

 

 

 

กลุ่มที่ 3 (1.น.ส.ธิติกานต์ จิณะเสน 49473010013,2.นายพรชัย รุ่งเรือง 49473010019,3.นายปรีชากรณ์ หมอนแบบ 49473010037,4.นายวรวุฒิ สุวรรณศิลา 49473010039,5.น.ส.เกศรินทร์ เสรีประทีป 49473010040,6.น.ส.ขจีวรรณ โชคดี 49473010044)

สรุป

               

จากการไปงาน Set in the City ที่สยามพารากอนชั้น 5 ได้หัวเรื่องที่ไปสัมมนาคือ ลดความเสี่ยง เสี่ยงการขาดทุนด้วย Stock Futuresจากหลักทรัพย์สินเอเชียมาสัมมนาครั้งนี้ โดยมีผู้สัมมนาหรือให้ความรู้คือ ดร.ธีระศักดิ์ ณ ระนอง เป็นที่ปรึกษาฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บล.สินเอชีย ได้ข้อสรุปดังนี้

               

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดอนุพันธ์ มี 3 ชนิด

                1.ฟิวเจอร์

                2.ออปชั่น

                3.ออปชั่นบนสัญญาฟิวเจอร์

                สินค้าในสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามี ตราสารทุน ตราสารหนี้ และตัวแปรอื่น ๆ ปัจจุบันตลาดอนุพันธ์ (TFEX) มีการซื้อขาย SET 50 Index Futures และ SET 50 Index Options แล้วในอนาคตจะเพิ่มอีก 2 ประเภทคือ Single Stock Futures และ Gold Futures จะแนะนำ Single Stock Futures

                Single Stock Futures (ของหุ้นรายตัว) คือ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าหุ้นรายตัวที่ตกลงซื้อขายในปัจจุบัน แต่สืบเนื่องไปอนาคต มี Tick Size 0.1 (1 สัญญาเท่ากับ 1,000 บาท)

               

สูตร ราคา Stock Futures

                ราคา Stock Futures = ราคาหุ้น + ต้นทุนในการถือหุ้น ผลประโยชน์จากการถือหุ้น

                โดยที่      ราคาหุ้น หมายถึง ราคาหุ้นอ้างอิง

                                ต้นทุนในการถือหุ้น คือ ดอกเบี้ย

                                ผลประโยชน์จากการถือหุ้น คือ เงินปันผล (ที่เกิดในช่วงที่ถือ Stock Futures จนถึงวันที่ครบอายุสัญญา)

               

ข้อดีและข้อเสียก็คือ

                ข้อดี : ลงทุนได้ทั้งยามหุ้นขาขึ้นหรือขาลง ใช้เงินลงทุนเป็นหลักประกันน้อยกว่าซื้อหุ้นโดยตรง ค่าธรรมเนียมต่ำ มีสภาพคล่องดี

                ข้อเสีย : มีอายุจำกัด มีความเสี่ยงสูง ไม่ได้รับสิทธิของการเป็นเจ้าของหุ้น

               

ขั้นตอนการลงทุนใน Stock Futures

                1.ออเดอร์ผ่านโบรกเกอร์ เปิดบัญชีซื้อขาย วางเงินประกัน ส่งคำสั่งซื้อขาย

                2.สรุปกำไรขาดทุนทุกวัน

                3.วางเพิ่มหรือถอนออกเงินประกัน ถอนเงินได้เฉพาะส่วนที่เกิน IM

                4.หมั่นตรวจสอบสถานะ

               

จะมีอายุแค่ 3 เดือนเท่านั้น

และสุดท้ายมีภาพประกอบไปงาน Set in the City ที่สยามพารากอนชั้น 5 หัวเรื่อง ลดความเสี่ยง เสี่ยงการขาดทุนด้วย Stock Futuresจากหลักทรัพย์สินเอเชียด้วย

 

 

กลุ่มที่ 6 (1.นายศุภชัย ริ้วทองชุ่ม 49473010005,2.นายทศวรรษ แก้วนิล 49473010006,3.นายคฑาวุฒิ ปานทรัพย์ 49473010008,4.นายสุวัฒน์ วิริยวงศา 49473010012,5.นายแสงอาทิตย์ มะโนราช 49473010038)

สรุปจากการไปงาน Set in the City

           

จากการไปงาน Set in the City ได้ไปสัมมนาหัวข้อเรื่อง ยิ้มรับเกรียน กับเซียนการเงิน โดยมีผู้สัมมนาคือ 1.คุณเทพ รุ่งธนาภิรมย์ 2.คุณอธิป พีชานนท์ และผู้ดำเนินรายการนี้คือ ชนิตา ประสมสุข

                ในการสัมมนาครั้งนี้ได้มีผู้ให้ความรู้ 2 คนที่กล่าวมาคือ

                1.คุณเทพ รุ่งธนาภิรมย์ จะเป็นผู้ถนัดทางด้านหลักทรัพย์ ประเภทหุ้น

                2.คุณอธิป พีชานนท์ จะเป็นผู้ถนัดทางด้านหลักทรัพย์

                ซึ่งพอสรุปในตารางได้ดังนี้

 

คำถาม

สภาพตลาด ณ ปัจจุบัน

คุณเทพ รุ่งธนาภิรมย์

มองว่าดัชนีลงไปค่อนข้างมาก เกิดจากชาวต่างชาติขายหุ้นออกไป จึงมองว่าเป็นโอกาสดี เพราะสภาพตลาดปัจจุบันราคาหุ้นค่อนข้างต่ำกว่าความเป็นจริง สภาพหุ้นปัจจุบันมีมูลค่าแค่ 0.8 เท่าของความเป็นจริง ปัญหาปีนี้ต่างจากปี 2540 เพราะเกิดจากต่างชาติมองว่าปีหน้าจะลำบาก เราควรจะลงทุนระยะยาวจะดีกว่า เพื่อหวังเงินปันผล

คุณอธิป พีชานนท์

ตอนต้นปีนั้นดูดีค่อนข้างมาก แต่เนื่องจากเกิดวิกฤตการแฮมเบอร์เกอร์จากสหรัฐอเมริกา ทำให้เกิดวิกฤตในไตรมาสที่ 3

 

คำถาม

กลยุทธในการสร้างเงินควรทำอย่างไร

คุณเทพ รุ่งธนาภิรมย์

เราควรหาความรู้ในการลงทุนทุนเสียก่อน หาได้จากหนังสือที่วางขายอยู่มากมาย หรือไปหาความรู้จากเว็บไซต์ได้ เวลานี้นักลงทุนการรับซื้อหุ้นไว้ และไม่ว่าเป็นต้องรับขาย ควรเก็บไว้ยาว ๆ เพื่อหวังเงินปันผลทุก ๆ ปี

คุณอธิป พีชานนท์

อสังหาริมทรัพย์เป็นการออมประเภทหนึ่ง เวลาเราเลือกซื้อเราต้องเลือกซื้อที่ทำเลดี ๆ กำไรมาก ๆ เราควรจะลงทุนอสังหาริมทรัพย์ประมาณ 10-50 % ของการลงทุนทั้งหมด เวลาเราขาย เราควรดูว่ากำไรมากกว่า 6 % หรือไม่ ถ้ามากกว่าก็ควรจะขาย อสังหาริมทรัพย์ไม่มีทางที่จะซื้อถูกกว่าปัจจุบัน แต่มีปัญหาที่สภาพคล่องเท่านั้น

 

 

คำถาม

เวลาเลือกซื้อจะต้องดูอย่างไร

คุณเทพ รุ่งธนาภิรมย์

1.ธุรกิจบริษัทดีหรือไม่

2.เจ้าของดีและมีจรรยาบรรณ

3.ผลประกอบการที่ผ่านมาดีหรือไม่

4.แนวโน้มธุรกิจเป็นอย่างไร

5.ต้องถามโบรกเกอร์ว่า P/Ratio เป็นอย่างไร

คุณอธิป พีชานนท์

1.ดูที่อยู่อาศัยว่าเป็นคนอื่นทำอยู่เยอะหรือไม่

2.ดูทำเลว่าทันสมัยหรือไม่ เช่นโครงการรัฐบาลมีรถไฟฟ้ามาหรือไม่ เป็นต้น

3.แนวโน้มการขยายตัวของภาคเอกชน

4.ดูเป้าหมายหรือว่าผู้เช่าต้องการแบบไหน

5.เราต้องมีความรู้เกี่ยวกับที่นั่น ๆ ด้วย

 

                สรุปอีกทีว่าการจะลงทุนอะไรก็แล้วแต่ ควรศึกษาก่อนที่จะลงทุนเท่านั้น และที่สำคัญคนวัยเกรียนจะต้องมีรากฐานทางธุรกิจและฐานะของตัวเองดีด้วย จะได้ไม่ลำบากลูกหลานที่ต้องมาเลี้ยงดูตัวของคนวัยเกรียนเอง สามารถเลี้ยงตัวเองได้มีความสุข ด้วยไม่ทำให้ผู้อื่นเดือนร้อน

 

                สุดท้ายนี้ก็มีรูปภาพประกอบงาน Set in the City นี้ด้วยของกลุ่มที่ 6

กลุ่ม B_T - Generation [รหัส 14,26,28,33,34,46]

งาน SET IN  THE CITY

สถานที่จัดงาน Royal Paragon Hall

หัวข้อสัมนา เรื่อง แนวโน้มหุ้นไทยปี 2009

โดยมุมมองนักลงทุน

  • คุณไพบูลย์ นลินทรางกูร

ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บล.ทิสโก้

  • คุณวรภัค ธันยาวงศ์

กรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธนาคาร เจ.พี.มอร์แกน และ บล.เจพีมอร์แกน

  • คุณอนุสรา วิไลพิชญ์

นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ (ไทย)

พูดคุยเรื่องต่างดังต่อไปนี้

การเมือง  รัฐบาลต้องสร้างความน่าเชื่อถือแก่นักลงทุนโดยทีมเศรษฐกิจของภาครัฐ ต้องเข้ามาร่วมมือสร้างความน่าเชื่อถือและแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด ส่วนมากภาครัฐบาลมีนโยบายที่ดีแต่ไม่สามารถที่จะนำมาพึงปฎิบัติได้อย่างจริง และยิ่งในปัจจุบันภาครัฐบาลต้องสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ลงทุนต่างๆในเรื่องของการเมือง เพราะ นักลงทุนกลัวความเสี่ยงที่มักจะมีผลมาจากการเมือง

ต่างชาติ  เริ่มเข้าใจการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่วุ่นวายภายในประเทศ แต่สิ่งที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติกล้าที่จะเสี่ยงมาลงทุนในประเทศไทย คือ ภาคเอกชนที่แข็งแกร่งของประเทศไทย

สิ่งที่นักลงทุนต้องการ  อยากเห็นการเมืองที่ชัดเจน คือ รัฐบาลที่เข้มแข็งไม่เปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีบ่อยจนจำชื่อไม่ได้

อุตสาหกรรมที่น่าสนใจ  กลุ่มพลังงาน เพราะ มีความเสี่ยงน้อยมากแล้วยังประชาชนต้องการตลอด เช่น น้ำมัน เพราะ มีราคาที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ธนาคารพาณิชย์ต่างๆที่ให้ผลตอบแทนได้ดี

สิ่งที่ชาวต่างชาติสนใจ  แบงค์ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ เช่น  SCB การไฟฟ้า การประปา  ปตท-สผ โรงกลั่น ปิโตรเคมี เป็นต้น

ประธานาธิบดีคนใหม่ โอบาม่า ที่จะผลมีต่อชาวโลก 

  • โอบาม่าไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว แต่อาจจะแค่แก้จากหนักเป็นแค่เบาได้
  • วิกฤตเศรษฐกิจถีงแม้อาจจะแค่ ผ่อนคลายลงแต่ดีกว่าไม่ดีขึ้นเลย

สรุป  จากการได้เข้าร่วมสัมมนา เรื่อง แนวโน้มหุ้นไทย 2009ทำให้สมาชิกในกลุ่ม B T - Generation ได้รับความรู้ความเข้าใจเรื่องของผลกระทบต่างๆที่เป็นตัวแปรที่สำคัญในการทำให้ หุ้นหรือระบบเศรษฐกิจเจริญเติบโต โดยมุมมองของนักลงทุนจาก 3 สถาบัน นอกจากความรู้ที่ได้รับแล้วยังได้รับรู้การทำงานร่วมกันในกลุ่ม นอกสถานที่ตลอดจนเปิดทัศนคติใหม่ให้แก่ตนเอง

<div><embed src="http://widget-4d.slide.com/widgets/themepic.swf" type="application/x-shockwave-flash" quality="high" scale="noscale" salign="l" wmode="transparent" flashvars="cy=h5&il=1&channel=3386706919783641677&site=widget-4d.slide.com" style="width:450px;height:375px" name="flashticker" align="middle"/><div style="width:450px;text-align:left;"><a href="http://www.slide.com/pivot?cy=h5&at=un&id=3386706919783641677&map=A" target="_blank"><img src="http://widget-4d.slide.com/z1/3386706919783641677/h5_t016_v000_s0un_f00/images/xslide1.gif" border="0" ismap="ismap" /></a> <a href="http://www.slide.com/pivot?cy=h5&at=un&id=3386706919783641677&map=B" target="_blank"><img src="http://widget-4d.slide.com/z2/3386706919783641677/h5_t016_v000_s0un_f00/images/xslide4.gif" border="0" ismap="ismap" /></a> <a href="http://www.slide.com/pivot?cy=h5&at=un&id=3386706919783641677&map=G" target="_blank"><img src="http://widget-4d.slide.com/z4/3386706919783641677/h5_t016_v000_s0un_f00/images/xslide42.gif" border="0" ismap="ismap" /></a></div></div>

<div><embed src="http://widget-81.slide.com/widgets/themepic.swf" type="application/x-shockwave-flash" quality="high" scale="noscale" salign="l" wmode="transparent" flashvars="cy=h5&il=1&channel=3386706919783641729&site=widget-81.slide.com" style="width:450px;height:375px" name="flashticker" align="middle"/><div style="width:450px;text-align:left;"><a href="http://www.slide.com/pivot?cy=h5&at=un&id=3386706919783641729&map=A" target="_blank"><img src="http://widget-81.slide.com/z1/3386706919783641729/h5_t016_v000_s0un_f00/images/xslide1.gif" border="0" ismap="ismap" /></a> <a href="http://www.slide.com/pivot?cy=h5&at=un&id=3386706919783641729&map=B" target="_blank"><img src="http://widget-81.slide.com/z2/3386706919783641729/h5_t016_v000_s0un_f00/images/xslide4.gif" border="0" ismap="ismap" /></a> <a href="http://www.slide.com/pivot?cy=h5&at=un&id=3386706919783641729&map=G" target="_blank"><img src="http://widget-81.slide.com/z4/3386706919783641729/h5_t016_v000_s0un_f00/images/xslide42.gif" border="0" ismap="ismap" /></a></div></div>

 

กลุ่ม B_T - Generation [รหัส 14,26,28,33,34,46]

งาน SET IN  THE CITY

สถานที่จัดงาน Royal Paragon Hall

หัวข้อสัมมนา เรื่อง แนวโน้มหุ้นไทยปี 2009

โดยมุมมองนักลงทุน

·         คุณไพบูลย์ นลินทรางกูร

ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บล.ทิสโก้

·         คุณวรภัค ธันยาวงศ์

กรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธนาคาร เจ.พี.มอร์แกน และ บล.เจพีมอร์แกน

·         คุณอนุสรา วิไลพิชญ์

นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ (ไทย)

พูดคุยเรื่องต่างดังต่อไปนี้

การเมือง  รัฐบาลต้องสร้างความน่าเชื่อถือแก่นักลงทุนโดยทีมเศรษฐกิจของภาครัฐ ต้องเข้ามาร่วมมือสร้างความน่าเชื่อถือและแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด ส่วนมากภาครัฐบาลมีนโยบายที่ดีแต่ไม่สามารถที่จะนำมาพึงปฎิบัติได้อย่างจริง และยิ่งในปัจจุบันภาครัฐบาลต้องสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ลงทุนต่างๆในเรื่องของการเมือง เพราะ นักลงทุนกลัวความเสี่ยงที่มักจะมีผลมาจากการเมือง

ต่างชาติ  เริ่มเข้าใจการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่วุ่นวายภายในประเทศ แต่สิ่งที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติกล้าที่จะเสี่ยงมาลงทุนในประเทศไทย คือ ภาคเอกชนที่แข็งแกร่งของประเทศไทย

สิ่งที่นักลงทุนต้องการ  อยากเห็นการเมืองที่ชัดเจน คือ รัฐบาลที่เข้มแข็งไม่เปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีบ่อยจนจำชื่อไม่ได้

อุตสาหกรรมที่น่าสนใจ  กลุ่มพลังงาน เพราะ มีความเสี่ยงน้อยมากแล้วยังประชาชนต้องการตลอด เช่น น้ำมัน เพราะ มีราคาที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ธนาคารพาณิชย์ต่างๆที่ให้ผลตอบแทนได้ดี

สิ่งที่ชาวต่างชาติสนใจ  แบงค์ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ เช่น  SCB การไฟฟ้า การประปา  ปตท-สผ โรงกลั่น ปิโตรเคมี เป็นต้น

ประธานาธิบดีคนใหม่ โอบาม่า ที่จะผลมีต่อชาวโลก 

·         โอบาม่าไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว แต่อาจจะแค่แก้จากหนักเป็นแค่เบาได้

·         วิกฤตเศรษฐกิจถีงแม้อาจจะแค่ ผ่อนคลายลงแต่ดีกว่าไม่ดีขึ้นเลย

สรุป  จากการได้เข้าร่วมสัมมนา เรื่อง แนวโน้มหุ้นไทย 2009ทำให้สมาชิกในกลุ่ม B T - Generation ได้รับความรู้ความเข้าใจเรื่องของผลกระทบต่างๆที่เป็นตัวแปรที่สำคัญในการทำให้ หุ้นหรือระบบเศรษฐกิจเจริญเติบโต โดยมุมมองของนักลงทุนจาก 3 สถาบัน นอกจากความรู้ที่ได้รับแล้วยังได้รับรู้การทำงานร่วมกันในกลุ่ม นอกสถานที่ตลอดจนเปิดทัศนคติใหม่ให้แก่ตนเอง

สุดท้ายนี้มีรูปภาพประกอบ

กลุ่ม 3 Power of Economics รหัส 02,03,04,29 ( เศรษฐศาสตร์ธุรกิจ )

สรุปการไปฟังสัมมนางาน Set in the City

เรื่อง ผลสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทยประจำปี 2551

 

โดย คุณชาญชัย   จารุวัสตร์

( ผู้อำนวยการ สถาบันกรรมการบริษัทไทย )

 

 

    เริ่มดำเนินโครงการในปี 2544 และทำการสำรวจมาแล้วรวม 5 ครั้ง ซึ่งวัตถุประสงค์ในการจัดทำผลสำรวจนี้ก็เพื่อวัดและติดตามผลการพัฒนา CG ของบริษัทจดทะเบียนไทยโดยรวม และเพื่อนเป็นข้อมูลสำหรับองกรค์กำกับดูแลในการกำหนดนโยบายและกฎระเบียบด้านการกำกับดูแลกิจการ ซึ่งนอกจากนี้ยังจัดทำ Company Report สำหรับบริษัทที่ต้องการทราบผลของบริษัทเป็นการเฉพาะ และยังได้ใช้เป็นเกณฑ์เบื้องต้นใรการคัดเลือก SET AWARDS และ Board of the Year Awards

 

 

วิธีการสำรวจ

  • สำรวจในมุมมองของผู้ลงทุนที่เข้าถึงข้อมูลเฉพาะที่เปิดเผย เช่น

        - รายงานปะจำปี

        - หนังสือนัดประชุมและรายงานประชุมผู้ถือหุ้น

        - ข้อมุลอื่นๆที่เปิดเผยต่อสาธารณชน เช่น เว็บไซต์ ข้อบังคับบริษัท

        - ฐานข้อมูลการเปรียบเทียบปรับ/ลงโทษจาก ตลท. และ ก.ล.ต.

        - ข้อมูลบางส่วนจากการประเมิน AGM ของ ก.ล.ต. และสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย

  • ไม่ได้ประเมินจากการสำรวจความคิดเห็น (Opinion Survey)
  • ไม่ได้ประเมินการปฏิบัติดังเช่นการจัดอันดับของ TRIS

 

หลักเกณฑ์การสำรวจ

อิงหลักการ OECD และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

  1. การสร้างกรอบโครงสร้างของการกำกับดูแลกิจการที่มีประสิทธิผล
  2. สิทธิของผู้ถือหุ้น (Rights of Shareholders)
  3. การปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียมกัน (Equitable Treatment Shareholders)
  4. การคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Role of Stakeholders)
  5. การเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใส (Disclosure and Transparency)
  6. ความรับผิดชอบของคณะกรรมการ (Board Responsibilities)

 

วิเคราะห์จุดอ่อน : SET 100

  • การมีโครงการธุริจที่เกี่ยวโยงกันมาก (Economic Group)
  • เปิดเผยโครงการผู้ถือหุ้นไม่ชัดเจน
  • ประธานกรรมการไม่ใช่กรรมการอิสระ
  • บริษัทที่ยังได้คะแนนต่ำกว่าร้อยละ 70 ควรปรับปรุงในหมวดความรับผิดชอบของคณะกรรมการที่ได้คะแนนต่ำกว่าคะแนนเฉลี่ยของบริษัททั้งหมดค่อนข้างมาก

 

วิเคราะห์จุดอ่อน : Medium Cap./Small Cap.

  • การเปิดโอกาสให้เสนอวาระการประชุมผู้ถือหุ้นล่วงหน้า
  • การเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นของประธานคณะอนุกรรมการชุดย่อย
  • การจัดให้มีช่องทางให้ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วยได้เสียติดต่อ/ร้องเรียนต่อคณะกรรมการ
  • การจัดตั้งหน่วยงานผู้ลงทุนสัมพันธ์ และการให้ข้อมุลในการติดต่อไม่ชัดเจน
  • การจัดทำนโยบายการกำกับดูแลกิจการเป็นลายลักษณ์อักษร
  • การประเมินผลงานคณะกรรมการและผู้บริหาร
  • การจัดตั้งคณะอนุกรรมการชุดย่อย

 

ประเด็นสำคัญที่มีผลต่อการสำรวจ

 

  • ปฏิบัติตามเกณฑ์หรือพัฒนาให้ได้มาตรฐานสากลที่ดีกว่า
  • หากปฏิบัติแล้ว ต้องเปิดเผยข้อมูลอย่างครบถ้วน ชัดเจน และเป็นรูปธรรมด้วยช่องทางที่หลากหลาย
  • ศึกษาตัวอย่างของการปฏิบัติที่ดีและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

บทสรุป

  • ผลสำรวจโดยรวมดีขึ้นทุกปี ทั้งๆที่มีหลักเกณฑ์เพิ่มและเข้มงวดขึ้น
  • บริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่มีรูปแบบของการกำกับดูแลกิจการตามมาตรฐานสากล
  • ขนาดองกรค์มิได้เป็นอุปสรรคของการได้รับการประเมินที่ดี-ดีมาก แต่ยังมีอีกจำนวนมากที่มีโอกาสพัฒนาให้ดีขึ้น
  • ต้องมุ่งเน้นปรับปรุงในหมวดการคำนึงถึงบทบาทของผู้มีส่วนได้เสีย และความรับผิดชอบของคณะกรรมการ

 

 

 

 

 

..................

กลุ่ม 4 สะหวีวี่วี (รหัสนักศึกษา 07,09,16,22,23,24)

ลงทุนช่วงตลาดผันผวน

        ตลาดหุ้นทั่วโลกคาดว่าจะปรับตัวลงต่อเพราะเศรษฐกิจทั่วโลกถดถ่อยยาวนาน ดัชนีหุ้นไทยคาดว่าจะซื้อขายในรอบ 350 - 500 จุดจากปัจจุบันถึงช่วงไตรมาส 1ปีข้างหน้าไทยยังเป็นลักษณะการเก็งกำไรโดยการซื้อและขายหุ้นตามการแกว่งไกวของดัชนีในระยะสั้นมากกว่าพื้นฐานหุ้น 

ตลาดหุ้นสหรัฐ:จะอยู่ภาวะอึมครึมไปอีก 2-3ปี ดัชนีน่าจะทรงตัว ตลาดหุ้น

จีน:แม้ว่าเศรษฐกิจจะชลอตัว แต่เชื่อว่าประเทศจีนจะมีแรงขับเคลื่อนแข็งแร่งกว่าประเทศอื่นเมื่อเปรียบกัน

สรุปก็คือ : การที่หุ้นขายใกล้เคียงกรอบด้านล่างของ pER บ่งชี้ให้เห็นว่าภาวะการซื้อขายยังคงยำแย่ ตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นตลาดของนักเก็งกำไร ซึ่งนักลงทุนจะซื้อหุ้นตามการแกว่งตัวของดัชนีในระยะสั้นมากกว่า แนะให้เก็งกำไรตามการแกว่งตัวในกรอบ 350-500 จุด นับแต่ปัจจุบันถึงไตรมาส 1ปีหน้า

1 ขายหุ้นออกไปก่อนเพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือครองเงินสด (มากกว่า80%)หากดัชนีปรับตัวในกรอบ 350-400จุดจากข่าวร้ายและความเสี่ยงนอกประเทศ

2 ทยอยสะสมหุ้นขนาดใหญ่และหุ้นที่มีความว่องไวต่อดัชนีสูงบางตัวหากตลาดปรับตัวลงแรง และคาดว่าใกล้ถึงจุดต่ำสุด โดยการการลดสัดส่วนการถือครองเงินสดเช่นเหลือ 20%

3 ขายหุ้นออกไปเรื่อยๆ ในทุกระดับที่ดัชนีฟื้นตัวเช่น 20-25 จุดก็ขายหุ้นออกไปราว 20% ไปจนใกล้ระดับ 500 จุดเป็นต้นhttp://photos4.hi5.com/0069/127/943/yH44s2127943-01.jpg

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท