การนำพาในกระบวนการเรียนรู้ที่ยโสธร


“ตอนผมอยู่ที่โรงพยาบาล เวลาผมพูด พี่ๆลุงๆ ป้าๆ ไม่เคยรับฟังผมอย่างนี้มาก่อนเลย”

นำพาการเรียนรู้ในโครงการการพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาลด้วยความรัก

13-14 พฤศจิกายน 2551

ผู้เข้าร่วมประชุมโรงพยาบาลทุกระดับในสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยโสธร จำนวน 10 โรงพยาบาล ประมาณ 120 คน

การนำพาในกระบวนการเรียนรู้ที่ยโสธร ทีมเรายังใช้กลุ่มการเรียนรู้ โดยการพูดคุยของสมาชิกที่ใช้ world café ในการขับเคลื่อนการเรียนรู้ที่เน้นสุนทรียสนทนา ทำให้สมาชิกเกิดความรู้สึกเป็นกันเองและได้พูดคุยกันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตอนผมอยู่ที่โรงพยาบาล เวลาผมพูด พี่ๆลุงๆ ป้าๆ ไม่เคยรับฟังผมอย่างนี้มาก่อนเลย เป็นคำพูดของหมอท่านหนึ่งที่ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลชุมชน รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าเพิ่มมากขึ้น และได้เห็นคุณค่าของคนอื่นผ่านการพูดคุย การฟังอย่างนี้ แบบสุนทรียสนทนา นี้เป็นความรู้สึกและคำพูดของสมาชิกที่ร่วมวงสุนทรียสนทนาของทีมเราที่จังหวัดยโสธร บางครั้งเราก็ทำงานของเราให้แล้วเสร็จไปวันๆที่ผ่านไปในบางเวลาก็รู้สึกเหนื่อยอยากหยุดพักจากภาระงานที่ทำอยู่ มีอยู่คืนหนึ่งผมอยู่เวรและต้องเฝ้าระวังการให้ยาผู้ป่วยทุกชั่วโมงพร้อมทั้งตรวจดูอาการของผู้ป่วยผมไม่ทราบว่าผู้ป่วยจะรับทราบหรือรับรู้การกระทำของผมหรือไม่ เวลาดูเขา ได้เรียก ได้สัมผัสเขย่าตัวบ้างเพื่อดูปฏิกริยา เหมือนว่าบางครั้งผู้ป่วยก็รู้ตัวดี บางครั้งก็ไม่รู้ เราก็เฝ้าระวังอย่างระมัดระวังการใช้ยามากขึ้น ผมเหนื่อยล้ามากเมื่อถึงเช้า แต่ภาระงานในตอนเช้าก็ต้องทำ แทบไม่ได้หลับเลยเมื่อคืน เกือบจะยืนไม่ไหว แล้วก็กลับมาเยี่ยมผู้ป่วยรายเมื่อคืนนี้ที่หอผู้ป่วย พอมาถึงผมทักทายผู้ป่วยตามปรกติ ซึ่งตอนนี้มีภรรยาอยู่ด้วย แม่หมอนี้แหละที่ได้ช่วยชีวิตพ่อให้กลับมาอีก เมื่อคืนหมอมาดูพ่อทั้งคืนเลย แม้ว่าจะเป็นข้อความสั้นแต่ก็ทำให้หัวใจผมมันพองโตขึ้นมาทันที ผมรู้ว่าผู้ป่วยรับรู้และรู้ว่าผมเหนื่อย พลังมาจากที่ไหนไม่รู้ ผมรู้แต่ว่าวันนั้นทั้งวันผมทำงานถึงสองทุมผมได้โดยไม่ได้หยุดพักเลย และทุกครั้งที่ผมรู้สึกเหนื่อยก็นึกถึงผู้ป่วยนี้แหละก็เป็นพลังให้ผม หมออีท่านหนึ่งที่ได้เอาใจใส่ผู้ป่วยและได้เล่าเรื่องราวดีๆให้พวกเราได้รับฟัง

          ผมได้เกริ่นนำการนำพาการเรียนรู้ในครั้งนี้ที่มีวัตถุประสงค์อยู่ 2-3 ประการ

ผมมองว่าการพัฒนาคุณภาพของเราที่ผ่านมาเราใช้ระบบการสั่งการ ดรงพยาบาลใช้การสั่งการเป็นหลักมิได้ให้คนได้เห็นคุณค่าในตัวเองและได้ใช้ศักยภาพของตนเองให้เต็มที่ ที่การทำทุกอย่างที่ได้ทำต้องออกมาจากใจที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกดีๆ ความคุ้นเคย ความรัก เมตตา ความเข้าใจและเห็นค่าในตัวเอง (self transformative) และผู้อื่นในส่วนนี้จะทำให้การพัฒนาคุณภาพขององค์กรเกิดมาจากพลังองค์กรที่แท้จริง(organization transformative) ทำอย่างนี้น่าจะเกิดความยั่งยืนการพัฒนาในองค์กร ประการที่สอง ทีมเรามองว่าความสำเร็จนั้นทุกท่านต้องเรียนรู้ที่รับฟังซึ่งกันและกัน ผ่านเวทีการสนทนาแบบสุนทรีย ที่เริ่มแรกกติกาเรานำพาให้ใช้อย่างเข้มงวดแต่พอผ่านครึ่งวันไปได้ ทุกคนก็ผ่อนคลายมากขึ้น การสนทนาแบบที่เรานำพาตอนแรกๆดูเหมือนว่าจะเป็นทางการ เมื่อผ่านไปครึ่งวันทุกคนมองว่ามันไม่เป็นทางการ และความไม่เป็นทางการที่ทุกคนเคารพความเป็นมนุษย์ของกันและกันแบ่งปันเวลา (พื้นที่) อย่างเท่าเทียม เสมอภาคอย่างความเป็นมนุษย์ทุกอย่างก็เดินไปได้ด้วยดี ประการถัดมาผมบอกว่าทีมเรามิได้มุ่งหมายจะเอาอะไร หรือองค์ความรู้มาให้ทุกท่าน แต่เราจะเข้ามาเรียนรู้การจัดกระบวนการเรียนรู้ของทุกท่านที่เรามีฐานคิดของเราว่า ความมีคุณค่ามีอยู่ในทุกๆคน ที่ทุกคนมีประสบการณ์ ทีมเราจะสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ และเพื่อท่านจะได้นำเอาสิ่งดีๆที่มีอยู่ในแต่ละท่านออกมาแบ่งปันกัน โดยทีมเราจะทำให้ทุกท่านหันหน้าเข้ามาคุยกันแบบคนธรรมดา ตรงนี้ที่ผมได้แจ้งให้สมาชิกได้ทราบก่อนที่ทีมเราจะเริ่มนำพาการเรียนรู้

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

คำสำคัญ (Tags): #hhc
หมายเลขบันทึก: 223260เขียนเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2008 08:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 03:24 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

        “การพูดคุยกันของมนุษย์เป็นหนทางในการก่อให่เกิดปัจจัยที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่เก่าแก่ที่สุด และง่ายดายที่สุด ทั้งในระดับบุคคล ชุมชน องค์กร และระดับโลก หากเรานั่งลงเพื่อคุยกันถึงสิ่งที่พวกเราให้ความสำคัญ เราจะกลับมามีชีวิต ชีวา กระตือรือร้นที่จะแบ่งปันสิ่งที่เราพบเห็น สิ่งที่รู้สึก ขณะเดียวกันก็รับฟังประสบการณ์และความรู้สึกของผู้อื่น” (มาร์กาเร็ต เจ.วีตเลย์)

         ในช่วงเวลานี้ทุกท่านได้เห็นยุคที่โลกเต็มไปด้วยความเลวร้ายของมนุษย์ที่มีพื้นฐานที่เต็มเปี่ยมด้วยความกรุณา และได้ถูกตัดขาดออก โดยหันมาใช้ความรุนแรง ความเกลียวกลาด หยาบคายและกดขี่ผู้อื่น แต่เราก็พบเห็นจากปรากฏการณ์ว่ามีมนุษย์เราบางคนยังคงไว้ในความกรุณาแม้ว่าเขาจะอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเพียงใดก็ตาม การสร้างให้พวกเราเข้าใจกันเป็นหนทางนำไปสู้เป้าหมายที่แท้จริงของมนุษย์เรา อาศัยการสื่อสารด้วยความรักที่ใส่ใจในเรื่องการพูด และการฟังอย่างลึกซึ้ง การหันกลับมาคุยกันใหม่อีกครั้งมิใช้เรื่องง่ายนักและเป็นสิ่งท้าทายของผู้ที่มีอคติ ทุกคนที่ได้เดินทางจากความเป็นผู้คนธรรมดาออกไปอย่างยาวไกล แต่ก็ง่ายเพียงแต่เรากลับมาอยู่ ณ ที่ที่เรารู้สึกว่าเราเป็นคนธรรมดาเฉกเช่นคนอื่นๆที่เราเห็นทั้งคุณค่า และความสำคัญในตัวเองที่ทุกคนล้วนมีอยู่ทั้งสิ้น ตลอดจนอยู่ในพื้นที่ สิ่งแวดล้อมที่มีความปลอดภัยของพวกเราทุกคนก็จะทำให้เราหันหน้าเข้ามาคุยกันใหม่อีกครั้งหนึ่งและครั้งนี้จะทำให้เกิดเกลียวสัมพันธ์ที่ยึดเหนี่ยวพวกเราเอาไว้

       สิ่งที่เป็นความหวังอย่างแท้จริงก็คือพวกเราต่างมีเครื่องมือในการปลุกเร้าความดีงานที่มีอยู่ในตัวของทุกๆคน เราก็พบเสมอว่าในอดีตที่ผ่านมามีแต่คนอื่นให้เราฟังแต่ไม่มีใครฟังเราเลยนับตั้งแต่วัยเรียนในระดับต่างๆจนเมื่อเรามาทำงาน เราก็ถูกสอนให้เงียบและฟังคนอื่นจนบางครั้งเรารู้สึกว่าเราโดดเดี่ยว แปลกหน้า และไร้ตัวตน ไม่มีพื้นที่ให้ได้พูดเลยทั้งที่เราก็มีความต้องการ และความรู้สึก เมื่อมาเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเราเลยอยากพูดและให้คนอื่นฟัง พูดอย่างที่เราอยากฟังเท่านั้นและให้คู่สนทนาตอบคำถามเราเป็นข้อๆ จนกว่าเราคิดว่าได้ข้อสรุปเพื่อนำไปทำอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วจบกัน ทั้งที่ยังมีผู้คนอยากจะพูดคุยให้เราได้รับรู้ และบางที่ดูเหมือนว่าจะรับฟัง และเห็นแค่ข้อความที่เขาสื่อสารมาเท่านั้น หากเรายังอยู่ในกรอบนี้ก็ถือว่ายังดี เราต้องฝึกที่จะรับฟังคนอื่น ฟังอย่างลึกซึ้งรับรู้ทั้งความรู้สึกและความต้องการ พร้อมทั้งแสดงออกอย่างจริงใจให้ผู้คนเห็นว่ายังมีความกรุณายังมีอยู่ในหัวใจของความเป็นมนุษย์อยู่ในตัวเรา

                 .................................................

   กลับมาอ่านอีกรอบ  เพื่อระลึก ความทรงจำที่ดีๆ ในวันอบรม และเตือนตัวเองในเรื่อง  สิ่งที่จะนำมาทำ เมือกลับมาถึงโรงพยาบาล คือการชวน เพื่อน ๆ มาทำสิ่งดีๆกัน  

         เรื่องราวดีๆที่มีอยู่ ความทรงจำดีๆทุกครั้งที่เราหวนคิดมันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เกิดพลัง  พลังตรงนี้มนุษย์สามารถสร้างขึ้นมาได้อย่างที่อาจารย์สร้างขึ้นพร้อมนำออกมาใช้ ผู้คนที่ได้ยินหากเขาได้เรียนรู้และฟังอย่างลึกซึ้งจะเกิดกระบวนการทางความคิด ที่สำคัญที่สุดก็คือหากเกิดจินตนาการในแต่ละคนได้ และก็เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ของทุกๆคน

         ทุกอย่างที่เราเล่าสู่กนฟังนี้มีอยู่แล้วหากไม่นำออกมาใช้ก็จะสูญเปล่าในทางกลับกันเมื่อมีการนำมาใช้บ่อยๆก็จะเกิดพลังแห่งความดีงามที่ได้แพร่ออกไป(เช่นเดียวกับเชื้อโรค) ตรงนี้เป็นความงดงามที่เรามาช่วยกันส่งเสริมให้เกิดขึ้นมากๆในสังคมเรา

         เราต้องก้าวพ้นจากการอยู่รอดมาสู่การอยู่ร่วมและอยู่อย่างมีความหมาย ที่นี้มีอยู่เต็มเปี่ยมของพวกเราทุกคนส่งเสริมนำจากทุกคนออกมาใช้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท