เมื่อพูดถึงคำว่า “ นวัตกรรม ” เราคงนึกไปถึงการสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์แปลกใหม่ หรือเป็นการพัฒนาทางเทคโนโลยี แต่ “ นวัตกรรม ” ที่จะเล่าสู่กันฟังต่อไปนี้ หมายถึง การใช้ความคิดสร้างสรรค์ ความคิดที่แปลกใหม่ เพื่อนำมาใช้ในการใช้สร้างความสุขในการทำงานร่วมกัน ดังเช่นในสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลของบริษัท พบว่า พนักงานในบริษัทมีความเครียดในการทำงาน จึงคิดที่จะหาวิธีที่จะทำให้พนักงานได้รู้สึกผ่อนคลาย
ซึ่งบริษัท ก็พยายามคิดค้นว่า สังคมของพนักงานจะมีความสุขได้อย่างไร จึงลองหาทางที่จะสร้างบรรยากาศเพื่อให้พนักงานได้มีความสุข ภายใต้การทำกิจกรรมร่วมกันแบบง่ายๆ และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรมากมาย เช่น เมื่อพนักงานรู้สึกว่าการได้มาทำงาน ในบรรยากาศที่เป็นกันเอง ไม่เป็นทางการ ระหว่างหัวหน้า ลูกน้อง หรือเพื่อนร่วมงาน ไม่จำเป็นจะต้องมีกฎระเบียบที่เคร่งครัด หรือต้องสวมเครื่องแบบมาทุกวัน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าจะอึดอัด หากวันใดได้แต่งตัวสวยๆ ตามรูปแบบที่ตนเองชอบ ก็จะมีความสุข จึงจัดให้มีกิจกรรมประจำปี ให้พนักงานทุกคน แต่งตัวตามสบายมาทำงาน แต่มีกิจกรรมการประกวด เช่นในช่วงปีก่อนหน้านี้ ให้มีกิจกรรมแต่งกายด้วยเสื้อยืดมาทำงาน พนักงานทุกคนก็พร้อมใจใส่เสื้อยืดมาทำงาน เมื่อเกิดความรู้สึกว่าการทำงานกับบริษัท เป็นเรื่องการปฎิบัติตนง่ายๆ ไม่ได้มีระเบียบพิธีรีตองอะไรมากนัก พนักงานก็รู้สึกสบายใจ ในปีต่อๆ มาก็คิดต่อว่า จะเน้นการประกวดแข่งขันกันในเรื่องใด ก็ช่วยกันคิด จัดให้มีกิจกรรมการประกวดการสวมใส่เสื้อผ้า กิจกรรมสวมใส่รองเท้า มีการคัดเลือกพนักงานที่แต่งตัวสวยเด่น หรือเป็นที่สะดุดใจแก่การพบเห็น ให้มีระบบการโหวตให้คะแนนกัน ในปีแรก ก็ได้รับความสำคัญ ในปีต่อๆมา พนักงานก็คิดกันเอง ว่าปีต่อๆไป จะเน้นจุดใดเป็นประเด็นที่น่าสนใจ ก็มีการนำเสนอกันมา เช่นเห็นว่า การนุ่งกางเกงยีนส์ ดูจะเป็นการสะดวกในการเดิน ยืน นั่ง หรือวิ่ง จึงให้ทุกคนสวมกางเกงยีนส์มาทำงาน ทุกคนมีความสุขที่ได้นุ่งยีนส์ มาทำงานทุกวัน กิจกรรม สมาร์ทยีนส์ 2005 จึงเกิดขึ้น เมื่อมีความเหมือนกันหมด คนก็จะพยายามสรรหาจุดที่เด่นหรือแปลกสะดุดตากว่าคนอื่นๆ เพื่อรอรางวัลประเภทสุดจ๊าบ... อะไรทำนองนั้น ในขณะที่ผลการทำงานก็อยู่ในระดับปกติหรือดีขึ้นมิได้ตกต่ำไปกว่าเดิมแต่อย่างใด แสดงให้เห็นว่าเมื่อคนมีความสุขก็จะเป็นบรรยากาศการทำงานที่เป็นพลังนำไปสู่ความสำเร็จได้ คนอยากจะใส่มาทำงานทุกวัน และปีต่อมา ก็นึกว่าจะมีกิจกรรมกันอย่างไรดี ในที่สุดก็โหวตว่าน่าจะเป็นการร่วมกันประกวดการสวมใส่รองเท้าดูบ้าง และมีการใช้ความคิดอีกต่อไปว่าจะประกวดการจัดและตบแต่งสถานที่ทำงานของแต่ละหน่วยงานให้ดูสวยงาม และนำมาสู่การประกวดแข่งขันกัน ส่งเสริมบรรยากาศน่าอยู่ น่าทำงาน ให้เป็นเสมือนบ้านแห่งที่สอง ผ่อนคลายหรือเปลี่ยนแปลงจากความรู้สึกว่าภายนอกอาคารคือท้องถนนที่การจราจรมีปัญหา รถติดหนัก ปัญหามลพิษไม่มีอะไรน่ารื่นรมย์ หรือยังไม่อยากจะรีบกลับบ้านทันทีเมื่อเลิกงาน แต่นั่งทำงานต่อในบรรยากาศสถานที่ทำงานที่น่าอยู่ รอสักประมาณ 6 โมงเย็นหรือมืดไปแล้ว การจราจรเริ่มดีขึ้นค่อยกลับบ้านก็จะดีกว่า อย่างในปี พ.ศ. 2549 ซึ่งเป็นปีมหามงคล ก็มีจะมีอยู่วันหนึ่งในรอบสัปดาห์ที่จะสวมเสื้อเหลืองกัน ที่ทำให้ทุกคนรู้สึกภาคภูมิใจ พนักงานรู้สึกว่า การแต่งตัวแบบง่ายๆ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย อะไรมากมาย ..........
น่าสนใจดีนะคะ........
รุ่นที่เราเรียน จะประกวดอะไรดี มีแต่คนสวยๆทั้งนั้น ลำบากใจจัง
อืมขอเสนอ ประกวดนางสาวบูรพาค่ะ