สุนทรียสนทนา : กระบวนกรหัดขับ(เคลื่อน) : หัวหน้างาน (3)


หลังจากได้เล่าการทำงานและการสอนงานของหัวหน้างาน 2 ท่านจากบันทึกที่ผ่านมา
วันนี้จะขอเล่าต่อจากการเรียนรู้ร่วมกับหัวหน้างาน ดังนี้

หัวหน้างานคนที่สาม บอกว่า การทำงานเกี่ยวกับการบริการการศึกษา ต้องทำงานในทุกขั้นตอนตั้งแต่นักศึกาเข้าถึงจบ กระบวนการให้บริการต้องมี service mind การจัดการความรู้ภายในหน่วยงาน ได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันเป็นประจำโดยผ่านการประชุม ซึ่งได้จัดให้มีการนำเสนอหัวข้อที่น่าสนใจของน้อง ๆ ในงาน เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพในการเรียนรู้ร่วมกัน รวมทั้งกล้าแสดงออก กล้าแสดงความคิดเห็นด้วย แต่ในหน่วยงานนั้น ยังไม่เข้าใจเป้าหมายหรือความต้องการอย่างแท้จริงของการจัดการความรุ้ของคณะ อยากทราบประเด็นที่ชัดเจน ชอบที่น้องออย ซึ่งเป็นกระบวนกรท่านหนึ่ง นำเสนอเรื่องการจัดการความรุ้ทำให้เข้าใจมากขึ้น ดังนั้นจึงอยากทราบประเด็นที่ชัดเจน และอยากได้วิธีการจัดการเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันในหน่วยงานอย่างเข้าใจกัน
การทำงานทุกวันนี้อยู่ภายใต้แผน จะใช้แผนเป็นหลักในการทำงาน มีการกำหนดตัวชี้วัด และทำให้ได้ตามตัวชี้วัดนั้น ๆ จะใช้การประชุมเป็นการวางแผนร่วมกัน ติดตามงาน มีปฏิทินการทำงานที่ค่อนข้างชัดเจน เรื่องจากการทำงานประสานกับนักศึกษาต้องมีเวลาในการดำเนินการ นักศึกษาจะเป็นผู้รับบริการ ในส่วนของงานส่งเสริมฯ จะมีปฏิทินไม่แน่นอน ผู้รับบริการจะเป็นอาจารย์ ซึ่งเราต้องอำนวยความสะดวกในทุกเรื่อง อย่างไรก็ตาม ทางหน่วยได้มีการสื่อสารไปยังนอกหน่วยงาน โดยมีข่าวสานวิชาการส่งให้อาจารย์ ข่าวเขียน ใช้ IT หรือเป็นเอกสารส่งให้ เป็นต้น

เด็ดสะกิดใจ
- ชีวิตวัยทำงานหนีไม่พ้นการเปลี่ยนแปลง ให้กำลังใจน้อง ๆ ขอให้สู้ ๆ อดทน
- Service Mind สำคัญมาก
- การทำงานต้องเรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์
- ต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อรับกับความเปลี่ยนแปลง

หัวหน้างานคนที่สี่ ดูแลรับผิดชอบงานทั้งผู้ที่ทำงานด้านเครื่องมือวิทยาศาสตร์ และงานวิจัยวิเทศสัมพันธ์ เป็นหัวหน้าที่อายุน้อยที่สุด แต่มีความสามารถ การทำงานเป็นที่ยอมรับจากผุ้บริหาร เธอเล่าเรื่องเกี่ยวกับการสอนงานว่า จะมีวิธีการสอนที่เหมือนแบบไม่สอน ให้เรียนรู้จากของจริง และจากเอกสารที่มีอยู่ ให้ดูรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับงานทั้งหมด เพราะงานส่วนมากมีลักษณะเป็นขั้นตอนที่ชัดเจน ไม่ค่อยมีอะไรซับซ้อน สำหรับงานที่ต้องโต้ตอบจดหมายภาษาอังกฤษ ก็เป็นความสามารถเฉพาะตัวอยู่แล้ว ต้องฝึกปฏิบัติเอง เวลาเจอปัญหาหรือข้อคำถามต้องถาม และแก้ไขปัญหาร่วมกัน การทำงานอย่าให้ผิดซ้ำ ต้องรู้จักรับผิดชอบในงาน จะมีการติดต่อประสานงานกับลูกน้องผ่าน IT เช่น ใช้ e-office, e-mail หรือ MSN เพื่อ szve พลังงาน เนื่องจากทำงานคนละที่กัน การทำงานอาจจะมีปัญหาบ้างแต่ก็ต้องคุยและหาทางแก้ร่วมกัน [ให้ลูกน้องอ่านเอง/ศึกษารายละเอียดเอง สอนให้ปฏิบัติ แยกเอกสารเอง ทำให้ดู :เรียนรู้: จำเอง]


เด็ดสะกิคใจ
- ทำงานใช้ IT ช่วย เช่น e-office , e-mail, MSN เพื่อความรวดเร็วในการทำงาน
- การทำงานอย่าให้ผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก ควรศึกษาบทเรียนจากความผิดพลาด

หัวหน้าคนที่ห้า ท่านติดภาระกิจไม่สามารถเข้าร่วมสุนทรียเสวนาในครั้งนี้ได้

สำหรับอีก 2 ท่านที่เหลือเป็นผุ้แทนจาก 2 สายวิชา (ภาควิชา) ในการประสานงานดำเนินงานในสายวิชา
ได้ ลปรร.ว่า การทำงานในสายวิชานั้นแบ่งเป็น จนท.สำนักงาน และจนท.ห้องปฏิบัติการ และต้องให้บริการอาจารย์และนักศึกษาเป็นหลัก การทำงานไม่ค่อยมีปัญหา เพราะมีแผนการทำงาน การเรียนรู้ร่วมกันอยากให้มีความต่อเนื่อง บางครั้งงานมาก clear ไม่ค่อยได้ เวลาไม่อำนวย เป็นปัญหาอย่างหนึ่งในการเรียนรู้ร่วมกัน การอยู่ด้วยกันต้องใช้ความอดทน เรียนรู้เพื่อร่วมงาน เรียนรู้หัวหน้า และผู้เกี่ยวข้องทุกคน เพื่อจะได้เข้าใจกันมากขึ้น ยอมรับในความแตกต่าง ก็จะทำงานให้ประสบผลสำเร็จได้ เกิดความภูมิใจ

เด็ดสะกิดใจ
- งานสำเร็จ ภูมิใจ
- ต้องละเอียดรอบคอบ มีการแบ่งกันตรวจงานกันก่อน (ทีม)
- รับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย

หลังจากนั้นได้โยนตัวกวนไปว่า ปัจจัยที่คิดว่าทำให้งานสำเร็จ หัวหน้าคิดอย่างไร
ได้มีการแลกเปลี่ยนและบรรยากาศผ่อนคลายมากขึ้น มีการพูด และเสริมกัน อย่างเหมาะสม
และสรุป ปัจจัยที่คิดว่าทำให้งานสำเร็จคือ


1. ผู้บริหารต้องเห็นความสำคัญ
2. การตรงต่อเวลา
3. ข้อมูลสมบูรณ์
4. มีความรับผิดชอบ
5. ศึกษางานจากผุ้มีประสบการณ์ ไม่ทราบให้ถาม
6. เรียนรุ้เรื่องกฎ ระเบียบที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
7. มี service mind
8. ยอมรับความต่างระหว่างวัย ระหว่างคนรุ่นเก่า รุ่นใหม่
9. มีปัญหาขอให้ clear ให้จบใน 1 วัน อย่าสะสม และเก็บไว้เป็นสัญญาเก่า
10. บางคนตั้งใจดี แต่หัวไม่ไป ต้องให้ทำงานอย่างอื่นที่เหมาะสม
11. คิดอะไรที่คนอื่นไม่คิด/มองต่างมุม เพื่อให้ได้สิ่งใหม่ ๆ
12. การสอนงานลูกน้องแต่ละคนมีต้นทุนไม่เหมือนกัน ต้องสอนตามที่เขาจะรับได้และมีความสุข
13. หัวหน้าไม่เหมือนกัน ต้องมีวิธีการ กระบวนการเข้าไปเรียนรู้ มี trick เล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อสร้างความเข้าใจกันได้

หลังจากนั้นได้เปิดเวทีให้น้อง ๆ กระบวนกรได้มีโอกาสเล่าสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกันกับหัวหน้า
กระบวนกร 11 คน ได้มีโอกาสพูดในสิ่งที่ตนเองตั้งเป้าหมายไว้ในใจ สิ่งที่ได้เรียนรู้ และสิ่งที่จะนำกลับไปทำต่อไป

หมายเลขบันทึก: 221898เขียนเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2008 10:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 03:17 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

พี่อึ่งอ๊อบคะ

ตามมาถามด้วยความอยากรู้อีกครั้งค่ะ

ตอนกระบวนกรพูดสิ่งที่จะนำกลับไปทำต่อไป หมายถึง ได้จากข้อสรุปจากการเสวนาหรือคะ

แล้ว หัวหน้างานเอง มีอะไรต้องกลับไปทำหลังจากที่ได้ reflect กันแล้วไหมคะ

น้องส้มจ๋า

ตอน AAR ของทีมกระบวนกร เขาจะพูดในสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ในวันนี้ที่ได้จากการเสวนาค่ะ และสิ่งที่เขาจะเอาไปทำต่อไปค่ะ

สำหรับหัวหน้างานได้คุยเปิดใจแล้ว ก็วางแผนในงานตัวเองว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับหน่วยงาน จะทำก่อนหรือจะให้ทีมกระบวนกรเข้าไปช่วย ก็จะมีการส่งเสียงมา แต่อย่างไรก็ตาม ในหน่วยงานต่าง ๆ ก็มีทีมกระบวนกรแทรกอยู่ในหน่วยอยู่แล้ว ถ้ามีการดำเนินการต่ออย่างไร กระบวนกรฝึกหัดก็จะช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่ทีมกระบวนกรเราคุยกันทุกวันพุธค่ะ ก็อาจจะมีเรื่องมาเล่า และเรียนรู้ร่วมกันค่ะ

ขอเพิ่มเติมสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ จากการพูดคุยกับหัวหน้างานในวันนั้นครับพี่อึ่ง ....

นอกจากสิ่งที่ได้รับจากที่ให้หน้างาน ทุกท่านได้กล่าวมาทั้งในเรื่่องการทำงาน การวางตัวในที่ทำงานแล้วนั้น ...

จากที่หัวหน้าได้พูดถึงการสอนงานลูกน้อง ซึ่งแต่ละท่านก็มีวิธีการที่หลากหลาย และพยายามปรับให้เหมาะสมกับผู้ที่จะถ่ายทอดงานให้ ครับ ...

พอได้ฟังแนวทางการสอนงานของหัวหน้างานแล้ว ทำให้ผมย้อนมาที่ตัวเองและคิดว่า เมื่อสิ่งที่หัวหน้างานถ่ายทอดให้เรานั้น มันเป็นความรู้ เป็นการให้โอกาส และเป็นแนวทางการทำงาน ที่จะทำใ้ห้เราเรียนรู้งานและสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แต่ทำไม ? การสอนงานให้กับลูกน้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชา จึงต้องเป็นภาระของหัวหน้างานเพียงฝ่ายเดียว บางทีถึงกลับมองว่า การที่ลูกน้องทำงานไม่มีประสิทธิภาพ เป็นเพราะหัวหน้างานไม่สอนงาน หรือวิธีการสอนงานไม่เหมาะกับลูกน้องรึเปล่า ...

ผมมองว่า ลูกน้องเองต้องพยายามที่จะเรียนรู้ สิ่งที่หัวหน้างานถ่ายทอดมาให้ได้ ต้องมีวิธีการที่จะเรียนรู้งาน ปรับตัวให้เข้ากับหัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน ปรับตัวให้เข้ากับงานที่ตัวเองต้องทำ

ที่สุดแล้วสิ่งที่จะทำให้การถ่ายทอดความรู้มีประสิทธิภาพได้ ปัจจัยสำคัญก็คือ ผู้ให้ และ ผู้รับ เมื่อผู้ให้มีความจริงใจที่จะถ่ายทอดวิชาความรู้ ผู้รับมีความตั้งใจที่จะเรียนรู้แล้ว การถ่ายทอดความรู้ก็จะประสบความสำเร็จ และส่งผลไปสู่งาน ที่จะประสบความสำเร็จตามมาด้วย ครับ ...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท