ครั้งนี้เป็นการเดินทางไปภูทับเบิกเป็นครั้งที่ 12 ใช้ช่วงเวลาในการเดินทางเดือนธันวาคม 2550 ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดรัฐธรรมนูญ ตอนนั้นอากาศกำลังหนาวได้ที่เลย ผู้ร่วมเดินทางทั้งหมด 9 คน อายุเฉลี่ยของลูกทัวร์ประมาณ 27 ปี ถือว่ายังวัยรุ่นอยู่ 555 เดินทางโดยรถตู้เหมือนอย่างเช่นเคย
การไปภูทับเบิกของอ้อมแต่ละครั้งจำต้องมีเหตุการณ์อะไรแปลกๆหรือว่าเหนือความคาดหมายเสมอ และครั้งนี้ก็เช่นเดียวกันที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน 2 อย่างพร้อมๆกัน
เหตุการณ์ที่ 1เมื่อพวกเราได้เดินทางท่องเที่ยวบนเขาค้อมาแล้ว 1 วัน เราก็ได้เดินทางต่อมายังภูทับเบิกทุกอย่างผ่านไปด้วยความสนุกสนานเฮฮา แต่เมื่อมาถึงที่พัก ปรากฏว่าที่พักที่พวกเราจองไว้นั้นได้ถูกยกเลิกเนื่องจากวันนั้นมีข้าราชการระดับสูงเข้าพักวันเดียวกัน (ฮือ...ความยุติธรรมไม่มีในโลก) ทำไงหล่ะที่นี้เศร้าหล่ะซิ แล้วก็ไม่มีใครเตรียมเต้นท์มาด้วย ซึ่งช่วงวันหยุดแบบนี้ที่พักที่อื่นไม่มีแน่นอนเพราะนักท่องเที่ยวเยอะมากๆ พวกเราจึงให้ลุกจ่า หรือจ่าแดงนั่นเอง ให้หาที่พักให้ที ลุงจ่าเขาใจดีมากๆก็ช่วยหาที่พักให้ ไม่นานพวกเราก็ได้คำตอบว่ามีที่พักแล้ว ให้ไปติดต่อที่ "ครัวลุงนิด" จำชื่อลุงนิดแกไว้ให้แม่นๆเลยนะคะเพราะพี่แกมีทีเด็ดเพียบเลย
เมื่อไปติดต่อที่ครัวลุงนิด เราก็ได้พบกับลุงนิดแกก็ตัวเล็กๆท่าทางใจดี ลุงแกก็ขับมอไซต์นำทางเพื่อให้พวกเราขับตามไปยังบ้านพัก โอ้ว...แม่เจ้า นี่เรียกว่าบ้านพักเหรอเนี๊ยะ มันคือเถียงนาแถวบ้านเราดีๆนี่เอง เพียงแต่เถียงนานี้ตั้งอยู่กลางไร่กะหล่ำ ไม่ได้ตั้งอยู่ในนาข้าว แต่ทำไงได้หล่ะ ยังไงคงต้องพักที่นี่แหล่ะ แต่พอพวกเราเดินดูรอบๆบ้าน ในบ้าน ปรากฏว่าไม่มีไฟฟ้าค้าบบบพี่น้อง ต้องจุดเทียนเท่านั้น สภาพบ้านค่อนข้างแย่ น่ากลัวด้วย เราจึงตั้งชื่อให้ที่นี่ว่า โกสเฮาส์ (Ghost House) พวกเราก็มองหน้ากันแบบเอาไงดีๆๆ แต่แล้วก็ต้องของเช่าเต้นท์เพิ่มเพราะไม่กล้านอนในบ้าน (เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้) อ่ะหาเจอหล่ะเห็นแต่หลังคา
ภาพนี้แหล่ะค่ะที่อยู่ข้างหลังพี่ๆ 2 ท่านนี้แหล่ะคือที่พักของพวกเรา ทีเด็ดของลุงนิดยังไม่หมดแค่นี้พอเริ่มเย็นๆพระอาทิตย์อากาศยิ่งเริ่มหนาวมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเราจึงช่วยกันหาฝืนมาก่อกองไฟ และก็แคมป์ปิ้งกัน ลุงนิดแกยังไม่เลิกค่ะ แกขับมอไซต์เข้ามาแล้วบอกว่าฟืนที่เอามาก่อไฟน่ะ
"ท่อนใหญ่ 20 บาท ท่อนเล็ก 10 บาท"
เฮ้ยไรเนี๊ยะแค่นี้ก็เก็บตังค์ด้วย แต่ดีหน่อยที่เพื่อนๆพี่ๆทุกคนมองเป็นตลก ก็เลยหัวเราะกันใหญ่เลยว่าทำไมลุงแกงกจัง ระหว่างที่พี่ๆทำอาหารเราก็ออกมาถ่ายรูปแก้เซ็ง เห็นครอบครัวชาวเขากำลังเก็บกะหล่ำก็เลยนึกสนุดขอร่วมแจมกะเขาบ้าง
ตอนแรกกะแจมแบบขำๆ ที่ไหนได้พี่เขาให้ทำจริง ขอบอกว่าหนักมากกะหล่ำ 1 ถุง = 10 กิโล แล้วรู้ไหมค่ะว่ากิโลละ 3 บาทเท่านั้นเอง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุด คือ พ่อค้าคนกลาง
และแล้วคืนนั้นพวกเราก็นอนในเต้นท์ท่ามกลางความหนาว และเราก็ใช้ฟื้นลุงนิดหมดไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้ แต่ที่รู้คือ พอเช้ามาพวกเราก็ขึ้นไปทำบุญบนวัด ---ไม่ได้จ่ายค่าฟืน-- แอบสะใจ5555
เหตุการณ์ที่ 2 เมื่อพวกเรามาถึงวัดป่าภูทับเบิก ก็เตรียมตัวทำบุญถวายสังฆทาน และก็ได้เจอกับคุณนัดคนขับรถตู้ที่มากับพวกเราครั้งที่ผ่านมา คุณนัดได้แนะนำให้รู้จักกับพ่อแม่บุญธรรมและบอกว่า "นี้แหล่ะน้องอ้อมที่พาผมมาเจอที่นี้" พ่อแม่บุญธรรมของคุณนัดก็ขอบใจที่ทำให้พวกเขาได้มาทำบุญและได้มีโอกาสเจอกันในครั้งนี้กับเราที่นี้ และพวกเราก็ได้ร่วมแจกผ้าห่ม ขนม ของใช้ ให้แก่ชาวบ้านที่มารอรับ
พวกเราได้เห็นเด็กๆมารอรับกันเต็มไปหมด ท่าทางมีความสุข พวกเราเองก็รู้สึกดีไม่น้อย ถือว่าเป็นความสุขที่ไม่อาจหาซื้อได้จากที่ไหน และการเที่ยวครั้งนี้ก็ทำให้รู้ว่าทุกสิ่งที่อย่างเกิดขึ้นได้เสมอ อย่าคาดหวังว่าอะไรจะสวยงามไปหมด แต่ให้สนุกกับสิ่งที่เราเจอ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
+++และนี้ก็เป็นอีกประสบการณ์นึงที่จะอยู่ในใจตลอดไป+++
สวัสดีค่ะ
* กิจกรรมภูทับเบิกสุดยอดค่ะ
* สนุกและได้บุญด้วย
* ลุงนิดใจใหญ่....ขอชมเชยค่ะ
แล้วจะหาเวลาและโอกาส จะไปทับเบิกกับอ้อมซักครั้ง
น่าจะมันส์พิลึก
แต่ไม่อาวโกสต์เฮาส์นะ
หนูก็อยากไปกับพี่ตุ่นค่ะ
กลัวพี่ตุ่นจะรับไม่ได้555
เขียนได้สุดยอดดดด พุ่นแหล่วววว
ขอบอกว่า ทริป นี้มันสุดๆๆคะ (ผู้ร่วมชะตาชีวิตทริปนี้)
น่าสนุกจัง อยู่เพชรฯแท้ๆ ยังไม่ได้ไปเที่ยวเลยหาเวลาว่างไม่ค่อยได้สักทีเลย