เมื่อผมถูกนำชื่อ ดร. ไปขาย


หลายเหตุการณ์รอบตัว ดร.ป๊อป วุ่นวาย เมื่อใจผมคิดว่า "วุ่นวาย" หากมองย้อนตัวเองในทางที่เหมาะสมก็พบว่า ดร. สร้างประโยชน์ที่เป็นจิตสาธารณะ

สองสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ มีหลายหน่วยงานนำชื่อผมไปโฆษณาในการช่วยเหลือจัดระบบ รร. เด็กพิเศษ หลายครั้งที่หน่วยงานเหล่านั้นนำเทคนิค "การปรับแนวคิดของผู้ปกครองเด็กพิเศษในเรื่องทักษะชีวิต" ที่ผมถ่ายทอดมุมหนึ่งจาก R2R2D ของทีมคลินิกกิจกรรมบำบัด ม.มหิดล เท่านั้น

ผมพยายามมองทั้งแง่บวกลบแล้ว บางครั้ง การใช้ ดร. นำหน้า เป็นดาบสองคม เมื่อผมถ่ายทอดความรู้ด้วยเป้าหมายเพื่อการพัฒนา "กระบวนการคิดและทัศนคติเชิง" ผ่านกิจกรรมบำบัดที่มีคุณค่า หากเวลานั้นผู้ฟังและผู้กระหายธุรกิจจากการโครงการเชิญ ดร. ป๊อป ไปเป็นวิทยากร ไม่เข้าใจเป้าหมายของผม ผลลัพธ์ที่ผมคาดหวังไว้จึงไม่ได้ผลอย่างต่อเนื่องนัก เช่น ช่วยสร้างทีมอาสาสมัครให้คำปรึกษาทักษะชีวิตแก่หน่วยงานหนึ่ง เน้นกรอบความคิดเบื้องต้น แต่ไม่ได้เป็นการฝึกให้เป็นนักกิจกรรมบำบัด กลายเป็นว่า อาสาสมัครเหล่านั้นออกไปเป็นแอบอ้างเป็นนักกิจกรรมบำบัดเสียเอง ให้ความรู้ชาวบ้านในเรื่องทักษะชีวิตบางส่วน แถมปรับเปลี่ยน/แต่งเติมองค์ความรู้จนไม่เห็น "เอกลักษณ์ของกิจกรรมบำบัดที่มีคุณค่า" อย่างที่ผมตั้งใจ

ผมเสียใจที่ไม่ทันระวังว่าเอกสารหรือเทคนิคที่เผยแพร่ออกสู่สาธารณชนนั้นจะถูก "มือที่สาม" นำไปใช้ต่ออย่างวุ่นวายได้ โชคดีนิดหนึ่งที่ความรู้เหล่านั้นเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งที่ไม่เป็นอันตรายต่อชีวิต

ผมได้อ่านหนังสือ "เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน...ของดังตฤน" และได้อ่าน Blog ที่น่าสนใจจาก อ.วิจารณ์ ดร.พี่โอ๋ และคุณเอก เช่น

http://gotoknow.org/blog/thaikm/221158
http://gotoknow.org/blog/mhsresearch/208770
http://gotoknow.org/blog/mhsresearch/203879
http://gotoknow.org/blog/chemlab/221473
http://gotoknow.org/blog/chemlab/220812

ทำให้ผม "ต้องมีสติกับตัวเองมากขึ้น" และวิเคราะห์ให้จงหนักถึงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในงานประจำและในการใช้เวลาว่าง ให้ความรู้นั้นถูกนำไปประยุกต์ใช้ในกลุ่มเป้าหมายที่พร้อมจริงๆ หรือกลุ่มใดไม่พร้อมก็ต้องหากลยุทธ์ของการพัฒนาองค์ความรู้อย่างเป็นกัลยาณมิตรสู่จิตสาธารณะอย่างยั่งยืนครับ ผมคิดเช่นนี้ทำให้มีกำลังใจที่จะใช้คำว่า ดร. ป๊อป พัฒนาองค์ความรู้ของสาธารณชนอย่างรอบคอบและเหมาะสมตามบริทของกลุ่มชนครับ

บริบทของกลุ่มชนที่ว่านี้ ผมประทับใจมากที่ได้รับเชิญไปสอนนักศึกษากายภาพบำบัด ม.วลัยลักษณ์ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวาน ตื่นเช้าตี 3 บินออก 6 โมงเช้า สอน 9-11 โมง บินกลับมาแบบนั่งรอนานมากเพราะฝกตกชุกจนเครื่องลงไม่ได้ แต่ทันงานแต่งงานเพื่อนรักที่ กทม. ก่อน 1 ทุ่ม

ความประทับใจที่ว่าคือ การเรียนการสอนในวิธีที่ทำให้นักศึกษาคิดและประยุกต์ไปใช้ต่อในชุมชน ผมประเมินจากการให้นักศึกษาตั้งคำถามแก่ผม เมื่อสอนบรรยายและปฏิบัติจบ นักศึกษาสรุปความรู้ที่ได้รับและคิดได้เห็นภาพพร้อมถามให้ชวนคิดวิเคราะห์มากขึ้น เช่น หากไม่มีทีมผู้เชี่ยวชาญครบในการรักษาเด็กที่มีการกลืนผิดปกติ แล้วนักกายภาพบำบัดจะทำอย่างไร คำถามเหล่านี้ทำให้ผมเรียนรู้จากนักศึกษามากขึ้นเพราะเป็นประเด็นที่เราไม่ได้สอนและต้องคิดไปมาหลายตลบว่าจะตอบให้นำไปปฏิบัติได้จริงอย่างไร นอกจากนี้นักศึกษาเมื่อรู้ว่าผมมีนัดให้คำปรึกษากรณีตัวอย่างหนึ่งราย นักศึกษาลงมาสังเกตการณ์อย่างสงบและสนใจ ทั้งๆที่เลิกสอนแล้ว เป็นการใช้เวลาว่างเรียนรู้อย่างไม่รู้จบและมีคุณค่ายิ่งครับสำหรับนักศึกษากลุ่มนี้

ผมประทับใจเพราะคิดว่า "สอนถูกคน" และ "สอนถูกเวลาและโอกาสให้คนที่เรียนนำไปใช้ต่ออย่างสร้างสรรค์" มิต้องกลัวเลยว่าจะมีการนำชื่อ ดร. ป๊อป ไปขายหรือแอบอ้างแต่อย่างใด

ขอบคุณที่ยังมีเหตุการณ์ให้ผมได้คิดและมีสติในการพัฒนาตนเองก่อนที่จะถ่ายทอดความรู้ในการให้คนอื่นๆ เรียนรู้และพัฒนาตัวเขาเองครับ

ปล. สุดท้ายผมใช้เวลาว่างแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับพี่น้องที่ได้ใช้ชีวิตของการเรียน ดร. ด้วยกันที่ Perth แม้ว่าทุกคนจะงานยุ่ง แต่ความเป็น "กัลยาณมิตร" ระหว่าง ดร.พี่โอ๋ ดร. พี่จี ดร. น้องเชี่ยว และดร. เกด ในระหว่างทานอาหารเย็นเต็มไปด้วยการได้รับข้อคิดชีวิตและกำลังใจอย่างดีเยี่ยมในชีวิต ดร. ป๊อป ครับ

หมายเลขบันทึก: 221888เขียนเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2008 10:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:50 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สู้ๆค่าพี่ป๊อบ

ชอบคำนี้จัง ..มีสติกับตัวเองมากขึ้น...

หลายครั้งที่ลืมนึกถึงมัน ทำให้เราต้อง เขว ไป เขวมา

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท