...ปล่อยให้กายร้อนไปเถอะ ตราบเท่าที่ใจเราเย็นสบาย... เป็นข้อความประทับใจตอนหนึ่งจากหนังสือ “หิมะกลางฤดูร้อน” เขียนโดย “พระโชติกะ” แปลโดย มณฑาทิพย์ คุณวัฒนา
หนังสือเล่มนี้มีกัลยาณมิตรบอกว่าจะให้ยืมอ่านเพราะพี่เขาอ่านแล้วรู้สึกดีมากๆ แต่ต้องรอก่อนเพราะพี่เขายังอ่านไม่จบ พอดีหลายวันก่อนไปเดินเล่นร้านหนังสือ เห็นวางแนะนำอยู่หน้าร้านก็เลยตัดสินใจว่าไม่รอแล้ว ซื้ออ่านเองดีกว่า และเป็นครั้งแรกที่ซื้อหนังสือโดยที่ไม่ได้เปิดอ่านคำนำหรือข้อความใดๆ ในหนังสือก่อนเลยแม้ซักนิด เพราะว่ามีคนการันตีมาแล้ว
ผู้เขียนใช้เวลาอ่านหนังสือเล่มนี้ตอนก่อนเข้านอน อ่านอยู่ 3 คืน อ่านทวนไปทวนมา อ่านไป คิดไป ทำให้ได้ความกระจ่างหลายๆ อย่างทั้งในเรื่องของการปฏิบัติธรรม และการดำเนินชีวิตที่เหลืออยู่... เมื่ออ่านเนื้อหาจบผู้เขียนจึงย้อนกลับมาอ่านหน้า “คำนิยม” และเห็นด้วยกับท่านที่บอกว่าหนังสือเล่มนี้ต้องใช้ “ใจ” อ่าน และขณะอ่านก็น่าจะได้ใช้โอกาสนี้พิจารณาใจตนเองตามไปด้วย ...ชีวิตที่มากธุระและวุ่นวายยุ่งเหยิงเป็นชีวิตที่ตื้นเขินจริงๆ ยามที่ต้องวุ่นวายอยู่กับธุระมากๆ คุณไม่มีเวลาแม้แต่จะเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง (หน้า 166) …ก่อนลงนอนคุณเคยทบทวนการกระทำของคุณตลอดวันที่ผ่านมาทั้งกุศลและอกุศลบ้างหรือไม่ เคยตั้งปณิธานที่จะหลีกเลี่ยงไม่ทำอกุศลอีกในวันข้างหน้าบ้างหรือไม่ (หน้า 201)…นับวันคนเราก็เริ่มคล้ายกับเสื้อผ้าสำเร็จรูปเข้าไปทุกที โขกพิมพ์เดียวกันออกมาหมด ราคาถูก ไร้ความแตกต่าง และอยู่ในความนิยมได้เพียงสั้นๆ อาตมาชอบสิ่งที่ตัดเย็บขึ้นตามสั่ง (เสื้อผ้า) เปี่ยมด้วยรสนิยมและคุณภาพ (ซึ่งสำคัญยิ่ง) และใช้งานได้คงทน (หน้า 216)...
ในบางวันที่มีอันต้องออกไปเดินอยู่กลางแดดจ้า เมื่อก่อนนี้ก็จะรีบๆ เดินพร้อมกับบ่นในใจไปตลอดทางว่าร้อนๆๆๆ ผลที่ได้คือกว่าจะถึงที่หมายก็ทั้งเหนื่อยทั้งร้อนเหงื่อไหลท่วม แต่มาระยะหลังนี้ผู้เขียนมักจะท่องในใจว่า “ใจเย็น กายก็เย็น ๆ ๆ” แล้วก็ยิ้มกับตัวเองไปด้วย จนเคยมีคนทักว่าเดินกลางแดดเหมือนกำลังเดิมชมสวนดอกไม้ แต่มันทำให้รู้สึกเย็นสบายขึ้นได้จริงๆ นะ (แต่ไม่รับประกันเรื่องการเกิดฝ้าและถูกแดดเผา) J
ปลาทูแม่กลอง
9 พฤศจิกายน 2551
ใจเย็น กายก็เย็น ๆ ๆ
ขอบคุณค่ะ
มีแต่สิ่งดีๆในทุกๆวัน นะคะ