เคยรู้ไหมค่ะว่า อาชีพอะไร ทำแล้วจะได้บาป อาชีพอะไร ทำแล้วจะสร้างบุญ ให้กับตัวเราและครอบครัวเรา คำตอบง่ายๆ เราก็คงคิดกันได้ แต่รู้ไหมค่ะจริงๆแล้วมีอะไรที่ซับซ้อนมากกว่านั้นค่ะ บางอาชีพทำแล้ว แม้จะร่ำรวยเร็ว ก็ไม่คุ้มกับวิบากแห่งกรรมที่เราจะต้องรอรับในวันข้างหน้าเลยยิ่งพวกเราเกิดมาด้วยการลืม ๆไปว่าเคยทำอะไรไว้ มาชาตินี้ก็ยังไม่รู้อีกว่าควรทำอะไรต่อไป ถึงจะดีกับตัวเรา เราก็ทำแบบเดิมๆอีก ชีวิตก็ไม่ไปไหน นอกจากตกต่ำต่อไป ถ้าเราจำได้เราคงเข้าใจว่า “ทำไม” ชีวิตนี้เราถึงต้องเกิดมาเป็นแบบนี้ เจอเคราะห์กรรมซัดแล้วซัดอีกขนาดนี้ หรือถ้ารู้แล้วตรวจสอบตัวเองได้ เราจะรู้และเข้าใจว่า สิ่งที่เรากำลังอยู่ในปัจจุบัน อาชีพที่เราคิดว่า ทำงาน หาเงิน ได้ง่ายๆ โดยสุจริตนั้น มันมีความหมายเกี่ยวข้องกับวิบากกรรมได้ลึกซึ้งแค่ไหน เมื่อรู้แล้ว จะตกใจค่ะ เพราะเราอาจพลาดพลั้งเข้าใจผิด เข้าใจเอาเองว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นี่มันถูกต้อง ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนนั้น ที่แท้เรากำลังสร้างบาปโดยที่เราไม่รู้ตัว หายนะในชีวิตที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพราะแรงกรรมที่เราทำนี่เอง
น่าเห็นใจนะคะ คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าอาชีพใดต้องห้ามไว้ ทั้งๆที่เป็นสิ่งที่เราชาวพุทธทุกคนควรต้องรู้ และโชคร้ายคือ บางคนอาจไม่เคยเรียนในโรงเรียน ไม่เคยมีอาจารย์แนะแนวคนไหน แนะนำอาชีพในอนาคตที่ไม่บาปให้เรา แนะนำแต่อาชีพที่เหมาะสม ทำให้เราไม่เคยรู้มาก่อนเลยค่ะว่า พระพุทธเจ้าตรัสห้ามอาชีพบางอย่างเอาไว้ หรือบางคนรู้แล้ว แต่ก็ยังทำเพราะคิดว่า นั่นคืองาน งานคือเงิน บันดาลสุข แต่ไม่รู้ว่าแถมทุกข์มาอีกเพียบ
เอาล่ะค่ะพี่น้อง งานเข้าแล้วค่ะ เข้าไปดูงานก่อนนะคะ จะได้เลือกงาน ก่อนที่งานจะเลือกเรา แล้วเราจะไม่มีสิทธิเลือกงาน 55
นิตยสารธรรมะใกล้ตัวฉบับที่ ๕๔ ประจำวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๑
จากใจ บ.ก. ใกล้ตัว
ช่วงนี้ใครกำลังรู้สึกเบื่อ ๆ งาน
เห็นทีจะต้องหันไปดูชีวิตมนุษย์เงินเดือนที่อเมริกากันดูบ้างแล้วนะคะ
พิษเศรษฐกิจตอนนี้ เริ่มทำเอาพนักงานบริษัทใหญ่โตทั้งหลาย ได้ถูกลอยแพกันบ้างแล้ว
มีบริษัทชื่อเทคครันช์ ทำรายงานเก็บข้อมูลพนักงานที่ถูกปลด (Layoff Tracker)
เปิดเผยกันเมื่อไม่กี่วันนี้เองค่ะว่า แม้แต่อุตสาหกรรมไอทีที่เคยเจิดจรัสเฟื่องฟู
แค่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ก็มีพนักงานจำนวนถึงสองหมื่นกว่าคนตกงานทันทีแล้ว
Dell กลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ปลดพนักงานออกมากที่สุด ตามมาด้วยบริษัท Xerox
เรียกว่าตอนนี้ แทบจะไม่มีคนบ่นแล้วค่ะว่า งานหนัก นายโหด เงินเดือนน้อย ฯลฯ
ตราบใดที่ยังมีงานทำ พวกเขาก็รู้สึกแล้วว่า ยังโชคดีกว่าอีกหลายคนมากนัก
เพราะฉะนั้น เราเองก็จงดีใจเถิดนะคะ ที่วันนี้ยังมีคนเห็นคุณค่า ยังมีงานให้เราทำ
สำคัญคือ ขอแค่ได้ทำงานที่สุจริต และไม่เป็นไปในทางอกุศลก็แล้วกันนะคะ
แต่ความน่ากลัวก็อยู่ตรงนี้เอง ตรงที่แต่ละคนล้วนเต็มไปด้วย "ความไม่รู้"
โรงเรียนสอนวิชาทางโลก ทักษะวิชาชีพ ตระเตรียมความรู้มากมายให้เราใช้ทำมาหากิน
แต่แทบจะไม่เคยมีใครสอนเราจริง ๆ เลยว่า
เส้นทางทำมาหากินแบบไหน ที่เรียกว่า ถางทางบาป หรือ สร้างทางบุญ
เมื่อไม่รู้ เราก็อาจเอาความฉลาดทางโลก
มาพลิกแพลงคิดหาช่องทางทำมาหากินแปลก ๆ ใหม่ ๆ
คิดทำอะไรในสิ่งที่คิดว่าเป็นการ "รวยทางลัด"
แต่ที่จริงแล้วกลับเป็น "ทางด่วนไปอบาย" ให้บ่ายหน้าลงต่ำกันได้ง่าย ๆ
ถ้าเป็นอาชีพประเภท ต้องฉ้อฉล โกงเขามา ค้าของโจร ฯลฯ อะไรแบบนั้น
ด้วยสำนึกผิดชอบชั่วดี คนส่วนใหญ่รู้กัน ทุจริตผิดบาปชัดเจน
แต่ในความก้ำกึ่งของบางอาชีพ เมื่อไม่รู้เหตุผลที่มาที่ไป ก็นับเป็นการยากที่จะตัดสินใจ
เคยมีคนกราบเรียนถามครูบาอาจารย์ครั้งหนึ่งค่ะว่า
ตัวเองมีอาชีพเป็นพวกครีเอทีฟ คิดและสร้างสรรค์งานโฆษณา
ได้รับงานมาชิ้นหนึ่งให้ทำโฆษณา 'ขายเหล้า' แบบนี้จะบาปไหม?
คุณผู้อ่านลองนึกตามดูแล้ว มีคำตอบแบบไหนให้กับตัวเองกันบ้างคะ?
ครูบาอาจารย์ท่านไม่ได้ตอบตรง ๆ ทันที เพียงแต่แนะให้ "เลี่ยง" เสีย ถ้าเลือกได้
แต่เมื่อเจ้าตัวรับงานเขามาแล้ว ก็จำต้องบอกด้วยเสียงจ๋อย ๆ ว่า "เลี่ยงไม่ได้ครับ..."
สิ่งที่ทำได้ดีที่สุด ในภาวะความจำเป็นที่ไม่มีทางออกอื่นในฐานะลูกจ้าง
ท่านก็แนะให้เขาทำไป โดยความเป็น "หน้าที่" ค่ะ
คือคิดเสียว่า เรามีความจำเป็นต้องทำ มิได้มีจิตใจร่วมยินดี
แต่ครั้นถามอีกครั้งให้แน่ใจว่าบาปไหม
คำตอบนั้นก็ยังดังออกมาหนักแน่นว่า "บาปซิ บาป..."
ฟังท่านอธิบายเหตุผลแล้วจึงเข้าใจ
เพราะมันทำอกุศลของผู้อื่นที่ยังไม่เกิด ให้เกิดขึ้น
ทำอกุศลที่เกิดแล้ว ให้รุนแรงขึ้น
หลักเกณฑ์เบื้องต้น สั้น ๆ ง่าย ๆ แค่นี้เอง
ฟังแล้วนึกถึงตัวเองค่ะ นานมาแล้ว เคยเดินตามห้างแล้วเห็นเด็ก ๆ ในชุดนักเรียน
พากันติดตู้เกม หยอดเหรียญมะรุมมะตุ้มกันไม่ว่างเว้น ก็นึกเล่น ๆ ว่า
ถ้าเราทำธุรกิจตู้เกม น่าจะกำไรดีน่าดู ลงทุนแค่นี้ เด็กนักเรียนติดกันงอมแงมชัวร์
แล้วสำนึกส่วนลึกก็อุทานขึ้นมาว่า 'มอมเมาเยาวชน...' แล้วความคิดนั้นก็ขาดไป
ที่จริงแล้ว ไม่ว่าเราจะเลือกทำมาค้าขายประกอบอาชีพอะไรก็ตามนะคะ
สิ่งหนึ่งที่ชาวพุทธทุกคนควรต้องรู้ แต่อาจไม่ค่อยได้สอนกันในโรงเรียนนักก็คือ
มีการค้าอยู่ ๕ ประเภท ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า ชาวพุทธไม่พึงกระทำ
ท่านเรียก มิจฉาวณิช คือการค้าขายที่ไม่ชอบด้วยธรรม ผิดศีลธรรม ได้แก่
๑. ค้าอาวุธ
๒. ค้ามนุษย์
๓. ค้าสัตว์สำหรับฆ่าเป็นอาหาร
๔. ค้าของเมา
๕. ค้ายาพิษ
ใครก็ตามที่ประกอบอาชีพ ๕ ประการข้างต้นนี้
ย่อมได้ชื่อว่าทำงานที่เป็นโทษ ก่อให้เกิดโทษแก่ตนเองมากมายสุดประมาณ
แม้จะร่ำรวยเร็ว ก็ไม่คุ้มกับวิบากแห่งกรรมที่จะต้องรอรับในวันข้างหน้าเลย
ย้อนกลับไปที่กรณีข้างต้นอีกสักนิด แค่เป็นคนคิดผลิตงานโฆษณาเหล้า
เท่านี้ก็เข้าข่ายบาปแล้วหรือ? ท่านก็ตอบให้ตรง ๆ ค่ะว่า
ถึงแม้จะไม่ได้ค้าขายเองโดยตรง แต่ก็ถือว่าเป็นการส่งเสริมการค้า
ทำให้การค้าขายในสิ่งนั้น ๆ รุ่งเรือง
เหล้าจะขายดีมากขึ้น คนในสังคมจำนวนมาก จะติดเหล้ามากขึ้น
อกุศลที่ยังไม่เกิด จะเกิดขึ้น อกุศลที่เกิดแล้ว จะรุนแรงยิ่งขึ้น และในวงกว้างขึ้น
ถ้าใครประกอบอาชีพที่จำเป็นต้องค้าขายเกี่ยวเนื่องด้วยสิ่งเหล่านี้
หากหลีกเลี่ยงได้ ก็เลือกเส้นทางอื่นเถิดนะคะ
เพราะการค้าทั้ง ๕ แบบนี้ ล้วนมีโอกาสตีตั๋วพาเราลงต่ำได้มากกว่าขึ้นสูงแน่นอน
แต่ก็อย่างที่ท่านบอกไว้ค่ะว่า
ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ จำเป็นต้องทำ ก็ก้มหน้าก้มตาทำไป
ถือว่าทำเพียงเพราะเป็น "หน้าที่" ไม่ได้มีแก่ใจที่จะยินดีร่วมด้วย
"แล้วก็ไปรับอกุศลเอา..."
ท่านทิ้งไว้อย่างนั้นให้สะอึกส่งท้าย ผลแห่งการกระทำนั้นไม่ได้หายไปไหนเลย
ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ถึงกับรับผลเต็มเม็ดเต็มหน่วย เสมือนมีใจร่วมด้วยเต็มร้อยก็ตาม
ใครใคร่ทำองค์มรรค ๘ ประการให้บริบูรณ์ เพื่อความเป็นอิสระทางใจอย่างแท้จริง
ก็ต้องไม่ลืมนะคะว่า สัมมาอาชีวะ หรือการเลี้ยงชีพชอบนั้น ก็เป็นองค์ประกอบสำคัญ
ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสแนะให้พึงดำเนินอย่างยิ่งยวดประการหนึ่งเช่นกัน
ที่จริงแล้ว เคล็ดลับของการที่ใครจะทำธุรกิจได้ประสบความสำเร็จ และเจริญรุ่งเรือง
ไม่ได้อยู่ที่ใครจะมีกลเม็ดเด็ดพราย หากินกับจุดอ่อนของกิเลสมนุษย์ได้มากกว่ากัน
และยังไม่ได้อยู่ที่ใครมีเงินทุน โอกาส วิสัยทัศน์ หรือจัดการบริหารเก่งกว่ากันแค่นั้น
ยังมีกฎอันเป็นความจริงที่ลึกลับและน่าประหลาดของธรรมชาติอยู่ประการหนึ่ง
คือ "เพราะให้ไป จึงได้มา" อย่างที่คุณดังตฤณเคยนิยามไว้สั้น ๆ ง่าย ๆ
ยิ่งคิดให้ออกไปมากเท่าไหร่ ยิ่งได้ตอบแทนกลับมามากเท่านั้น
เมื่อพื้นฐานของการทำกิจการงานใด ๆ
ยืนพื้นอยู่ที่การทำเพื่อผู้รับด้วยจิตอนุเคราะห์
ปรารถนาให้ผู้รับได้ประโยชน์อย่างแท้จริง
วิบากด้านดีจากการเป็น "ผู้ให้" อยู่เป็นนิตย์
ย่อมรอส่งผลกลับมาถึงคุณอยู่แล้วในวันข้างหน้าอย่างแน่นอน
ใครที่อยู่ในแวดวงธุรกิจ ทำมาค้าขายอยู่ในสายอาชีพต่าง ๆ
บางทีเราอาจต้องย้อนกลับมาถามตัวเองดูดี ๆ อีกทีนะคะ
แทนที่จะคิดถามตัวเองแต่ว่า
วันนี้ได้กำไรมาเท่าไหร่? ทำอย่างไรถึงจะได้กำไรมากขึ้นไปกว่าเดิมอีก?
ลองตั้งคำถามใหม่ให้กับตัวเองดีไหมคะว่า
วันนี้ เรา 'คิด' และ 'ทำ'
เพื่อประโยชน์สุขของลูกค้าของเราจริง ๆ แล้วหรือยัง?
โอ้บรรยายมายาวมากเลยครับ คิๆ
ก็ดีครับ เผื่อคนที่ยังไม่รู้เรื่องอาชีพที่พระพุทธเจ้าแนะว่าไม่ควรกระทำ
จริงๆ ยังมีอีกหลายอาชีพครับ อาทิ อาชีพ ถ่ายภาพแบบกึ่งนู๊ด หรือเย้ายวนกิเลสตัญหาของมนุษย์ ซึ่งแม่ชีธนพร ท่านกล่าวว่า อาชีพนี้นั้นเป็นการเย้ายวนกิเลสมนุษย์ และกล่าวเตือนอาชีพนี้ไว้
การทำบุญหนีกรรม จึงเป็นสิ่งที่ผู้คนกระทำกันมาก เพราะไม่รู้ว่าได้ทำกรรมอะไรทางกาย วาจา ใจ ไปบ้าง
ทุกๆ วันคนเราล้วนได้สร้างกรรมใหม่เกิดขึ้นทางสิ้น
ธรรมก็คือธรรม
ดูหน้าตารูปหน้าคุณ แพรภัทร แล้วก็อยู่ในระดับที่ใช้ได้ครับ มีความอิ่มเอิบ ไม่ใช่คนซีเรียส อาจเพราะบุญรักษา
คำรู้ในทางโลกนั้นไม่อาจทำให้พ้นทุกข์ได้
ยิ่งศึกษามากก็ยิ่งเป็นทุกข์ ไม่รู้หลวงพ่อรูปไหนสอนไว้ จำไม่ได้แล้ว และคงมีความหมายลึกๆ อยู่บ้าง หากวาระจิตคนเราไม่ถึง ฟังไปก็ไม่ค่อยเข้าใจ จะเข้าใจแต่ว่าชีวิตจะต้องเกิดมาทำมาหากิน หาเงิน หา ...
MR.M.
ขอร่วมอนุโมทนา ในผลบุญที่เกิดขึ้นในบันทึกนี้ด้วย เครื่องดื่มแอลกอฮอร์ ในชนบทต่างจังหวัดนั้นน่าอันตรายจริงๆ โดยเฉพาะเยาวชน
จริงครับ
ทุกวันนี้จะมีครูแนะแนวที่ไหนบ้างหนอ ที่สอนให้ศิษย์รู้จักทำงาน หาเงิน โดยไม่ผิดธรรม
เท่าที่ได้ยินได้ฟังและได้สัมผัส ส่วนมากมุ่งสอนให้หาเงิน กอบโกย มุ่งสู่ความร่ำรวยกันโดยไม่คำนึงถึงผิดชอบชั่วดี
แต่อย่างไรก็ตาม คนที่ทำงานไม่สุจริตผิดธรรมมักตกต่ำในที่สุดเสมอ ...ไม่ต้องรอชาติหน้าหรอกครับ
สาธุกับข้อูลดีๆ ที่นำมาแบ่งปันกันน่ะครับ
ก่อนอ่ืนต้องขอขอบคุณข้อมูลครับท่ีมาอ่านเจอพอดี
ก็โล่งอกไปครับลุ้นอยู่ว่าจะมีไหมก็โชคดีไม่มีเฮ้อโล่งๆ