ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ประสบการณ์ชีวิต สอนให้เข้าใจได้ว่า ผู้ให้มีความสุขกว่าเป็นผู้รับ เช่นว่าผู้ที่เป็นฝ่ายรับจะเป็นทุกข์ หมายความว่า เมื่อเรารอที่จะรับ เราก็จะเกิดความทุกข์ว่า เมื่อไหร่จะมีผู้ให้ใจก็จะจดจ่อเมื่อไม่ได้ก็จะเกิดความทุกข์ ผิดกับผู้ให้ ให้เมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องรอคอย ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ไม่ต้องรอคนที่จะมาให้ ใจเราก็เป็นสุข ไม่ร้อนรน การถวายสิ่งของกับพระ เรียกว่าการทำบุญ ให้ญาติพี่น้องก็เป็นการเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ให้เพื่อนให้ผู้ร่วมงานเป็นการแบ่งปัน ให้ผู้ที่ด้อยโอกาสกว่า เช่นให้ ขอทาน ก็เป็นการให้ทาน ไม่ถือโทษโกรธกัน ก็เป็นการให้อภัย อุทิศตนในการให้ความรู้ ก็เป็นการให้ในด้านสติปัญญา จะเห็นได้ว่าการให้ไม่ต้องรอคอยวันเวลาให้ได้ทุกเวลา ให้แล้วใจก็เป็นสุข
ขอเล่าให้ฟัง ครั้งหนึ่งในชีวิตในหลายๆครั้งที่ผ่านมา เมื่อนึกขึ้นมาครั้งใดให้เกิดความอิ่มเอมใจ วันหนึ่งขณะที่ทำอาหารอยู่ในครัวซึ่งอยู่หลังบ้านส่วนด้านหน้าบ้านไม่ได้ปิดประตูรั้ว อยู่ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งดูลักษณะท่าทางการแต่งกายก็ไม่ขี้เหร่เปิดประตูรั้วเดินเข้ามาประชิดตัว เปล่าไม่ได้เข้ามาทำร้าย แต่เราก็ตกใจมาก ตอนนั้นอยู่บ้านคนเดียวด้วย ผู้หญิงคนนั้นถือแว่นตาบอกว่าขอจำนำแว่นตา หน่อยให้เท่าไหร่ก็ได้ โดยบอกเหตุผลว่ามาหาญาติขับรถมาจากนครนายก แล้วไม่เจอญาติ น้ำมันรถหมดกลับบ้านไม่ได้ ตอนแรกตอบปฎิเสธไปเพราะกลัวว่าจะถูกหลอก อาจเป็นพวกมิจฉาชีพ ดูจากสีหน้าผู้หญิงคนนั้นไม่สู้ดีนัก หลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นเดินออกไป เราก็รู้สึกไม่ดี ที่ไม่ได้ช่วยเหลือไป ก็เลยเดินสะกดลอยตามไปที่ปากซอย จึงเห็นว่ารถเขาจอดอยู่ปากซอย เด็กๆแถวนั้น ช่วยกันเข็นรถหลบเข้าข้างทาง ในรถก็เห็นผู้ชาย นั่งอยู่ที่คนขับ และมีเด็กๆอยู่ในรถคนหรือสองคน ตอนนั้นก็ค่ำๆพอดี แต่ไม่เห็นผู้หญิงคนที่นำแว่นไปจำนำ เด็กๆในรถร้องหิวข้าวหิวน้ำ ก็เลยเดินเข้าบ้านไปหยิบเงินที่มีไม่มากนักกลับมาที่รถ ไปเคาะประตูรถ ถามว่า ค่าน้ำมันรถกลับประมาณเท่าไหร่ตอนนั้นน้ำมันลิตรละประมาณ11-12 บาท เขาบอกว่า ประมาณ 150บาท เราก็เลยแบ่งเงินที่มีอยู่ไม่มากนักให้ไป 250 บาท เผื่อไว้ซื้อข้าว ให้เด็กๆ ที่อยู่ในรถซึ่งท่าทางจะหิว ผู้ชายที่อยู่ในรถขอบคุณ ใหญ่เลย และหยิบพระที่แขวนไว้หน้ารถหลายองค์ ยื่นมาให้ ก็เลยบอกว่า ไม่ต้องหรอกเก็บไว้ที่หน้ารถนั่นแหละพระจะได้คุ้มครอง มาบัดนี้เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้นแล้วให้รู้สึกอิ่มเอมใจกับการที่เราได้ให้ผู้อื่นคลายความทุกข์ส่วนเราก็เกิดความสุขกับการให้
ในการผ่านการทำงานมาหลายที่หลายทางทั้งงานราษฎร์งานรัฐ ย่อมมีทั้งผู้ที่รักผู้ชังโดยหาเหตุผลไม่ได้ ที่เรียกว่าศรศิลป์ไม่กินกัน เป็นธรรมชาติของสิ่งทั้งหลาย ทีเกิดมาในโลก สมัยที่เรายังอายุไม่มากความรักความชังความโลภความโกรธความหลง ย่อมมีการโต้ตอบซึ่งกันและกัน เป็นสิ่งที่มนุษย์พึ่งมีเป็นเรื่องปกติทั่วๆไป แต่เมื่อเวลาผ่านไป นึกคิดพิจารณา จากประสบการณ์ต่างๆ จึงทำให้คิดว่า การให้เป็นสิ่งที่ทำให้มีสุขมากกว่าการเป็นผู้รับ โดยเฉพาะการให้อภัย การให้โดยความหมายนั้นรวมถึงการให้ความเคารพ การให้เกียรติซึ่งกันและกัน ผู้น้อยให้ความเคารพผู้ใหญ่ เพื่อนร่วมงานให้เกียรติซึ่งกันและกัน เมื่อทุกคนได้รู้จักการให้ไม่เป็นผู้รับแต่เพียงอย่างเดียว ใจก็เป็นสุข สติปัญญาก็เกิด มองโลกในแง่ดี ดำรงชีวิตอย่างมีความสุข
สวัสดีค่ะคุณพวงชะบา
สวัสดีครับอาจารย์
เป็นกำลังใจให้กันและกันครับ