ทั้งนี้
แนวทางการจัดการความรู้ของกรมส่งเสริมการเกษตร เป็นเพียงแนวทางกว้าง ๆ
ที่สามารถปรับปรุงให้เหมาะกับสถานการณ์ได้
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
โดยระหว่างการดำเนินงานจะมีคณะทำงานเป็นสื่อกลางในการนำข้อมูลระหว่างหน่วยงานมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้
แล้วนำไปปรับปรุงให้เหมาะสม
ขณะเดียวกันคณะทำงานในหน่วยงานก็มีเวทีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจ
และปรับปรุงกระบวนการอย่างสม่ำเสมอ
ช่องทางการสื่อสารที่สามารถแลกเปลี่ยนให้สะดวก คือ ผ่านช่องทาง
Website KM WebPage ของกรมส่งเสริมการเกษตร
จากการดำเนินงาน KM
ที่ผ่านมาประมาณ (ถึงเดือนสิงหาคม 2548) พอสรุปโดยแยกเป็น 2 ส่วนคือ
การดำเนินงานของจังวัดนำร่อง และการดำเนินงานของส่วนกลางดังนี้
คือ
การดำเนินงานของจังหวัดนำร่อง
ทุกจังหวัดได้ดำเนินการสร้างความรู้
ความเข้าใจในการดำเนินงานจัดการความรู้แก่บุคลากรขององค์กรแล้ว
ยังดำเนินงานตามกระบวนการจัดการความรู้โดยใช้เครื่องมือชุดธารปัญญา
มีการกำหนดวิสัยทัศน์ในการจัดการความรู้ร่วมกัน
มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสังเคราะห์เป็นองค์ความรู้ของจังหวัดเอง
ซึ่งสามารถบูรณาการการดำเนินงานร่วมกับงานอื่น ๆ
และมีการประยุกต์ใช้เทคนิค
และวิธีการที่หลากหลายตามประสบการณ์ที่มีอยู่
และเห็นว่าการสกัดความรู้เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนางาน และคน
สามารถทำให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
สุรัตน์ สงวนทรัพย์
ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนางานเกษตรชลประทานและพื้นที่เร่งรัด
กองพัฒนาการพื้นที่เฉพาะ เล่าว่า
“ได้เริ่มกระบวนการจัดการความรู้ในจังหวัดนำร่อง คือ จังหวัดอ่างทอง
โดยได้เลือกกลุ่มแม่บ้านในการทำการจัดการความรู้
เมื่อมีการเริ่มกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ทำให้ไม่สามารถดำเนินการต่อได้ เนื่องจากจังหวัดอ่างทอง มี 7 อำเภอ มี
73 กลุ่มแม่บ้าน มาทำการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ตามโมเดลธารปัญญา
แต่กลุ่มแม่บ้านมีจำนวนมากถึง 73 กลุ่ม ซึ่งจำนวนที่มากเกินไป
จึงทำให้ไม่รู้ว่าจะแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้เชี่ยวชาญกลุ่มไหน
การแลกเปลี่ยนจึงต้องปรับกลยุทธ์คือเลือกกลุ่มแม่บ้าน 1 กลุ่ม/ 1
อำเภอ ซึ่งรวมแล้วจะเหลือเพียง 7 กลุ่ม โดยมีวิธีการในการแลกเปลี่ยน
ให้กลุ่มแม่บ้านผู้ที่รับข้อมูลเป็นผู้เสนอข้อมูลของตนเองขึ้นมาก่อน
และให้กลุ่มแม่บ้านที่พร้อมจะให้ความรู้
นำเสนอข้อมูลของตนเองภายหลัง”
“เมื่อทำการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ไปด้วย กระทั่งแลกเปลี่ยนครบ 2 ชั่วโมง
ทำให้ได้เห็นกลุ่มที่สามารถนำความรู้ของกลุ่มอื่นไปปรับใช้ในกลุ่มของตนเอง
เช่น
กลุ่มแม่บ้านแต่ละกลุ่มได้มีการแลกเปลี่ยนสินค้าเพื่อเป็นการฝากขาย
และตัวอย่างคือ การถ่ายทอดเทคโนโลยี กลุ่มที่ผลิตข้าวแต๋น
มีปัญหาในเรื่องของสภาพแวดล้อมในพื้นที่เช่น
ไม่มีแดดที่จะใช้ตากข้าวแต๋น ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งก็ทำเรื่องกล้วยอบ
ก็ให้กลุ่มที่ทำข้าวแต๋น นำสินค้ามาอบในเครื่องของกลุ่มกล้วยอบ
ซึ่งสามารถใช้แทนการตากแดดอย่างได้ผล”
ขณะที่มีกลุ่มที่ทำเรื่องข้าวสารมีปัญหาในเรื่องการเก็บข้าวแล้วมอดกัดกิน
ซึ่งมีกลุ่มที่ทำเรื่องบรรจุภัณฑ์สูญญากาศ
ก็สามารถเชื่อมต่อกับกลุ่มข้าว
จนสามารถจัดการกับปัญหามอดกัดกินข้าวได้ คุณสุรัตน์กล่าว
ทั้งนี้
ผู้บริหารที่ทำหน้าที่ Chief Knowledge Officer (CKO)
ของจังหวัดนำร่องมีส่วนสำคัญที่ให้การสนับสนุนส่งเสริมให้เกิดการจัดการความรู้ในองค์กรอย่างจริงจัง
ทั้งในด้านการให้คำแนะนำปรึกษา
สนับสนุนงบประมาณและมีส่วนร่วมในการดำเนินงานทุกขั้นตอน
การดำเนินงานของส่วนกลาง
คณะทำงานการบริหารจัดการความรู้ได้จัดทำ KM-Webpage
เพื่อเป็นช่องทางในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการประชาสัมพันธ์ซึ่งเริ่มเปิดใช้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม
2548
และคณะทำงานปฏิบัติงานและสนับสนุนการดำเนินงานของจังหวัดนำร่องอย่างต่อเนื่อง
เช่น ร่วมกิจกรรมและเรียนรู้การดำเนินงานของจังหวัด
จัดเวทีเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างจังหวัดให้คำแนะนำ/ปรึกษาสนับสนุนข้อมูล
ณัฐวัตร
เตชะสาน นักวิชาการเกษตร 7 ว หนึ่งในคณะทำงานส่วนกลาง อธิบายว่า
“ประเด็นส่งเสริมการเกษตร เหมือนการส่งเสริมการจัดการความรู้
ซึ่งคณะทำงานได้ทำหน้าที่เป็นบทบาททั้งคุณประสานและคุณลิขิต
ที่ช่วยส่งเสริมเกษตรกร ได้ทำการจัดการความรู้ในเรื่องการพัฒนาอาชีพ
ซึ่งการจัดการความรู้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานมาก จริง ๆ
แล้วกรมส่งเสริมการเกษตรมีการแลกเปลี่ยนกันอยู่บ้างแล้ว
ไมว่าจะเป็นในรูปแบบโรงเรียนเกษตรกร
ที่เรียนรู้กันเน้นประเด็นในเรื่องพืช ศัตรูพืช
แต่อาจจะไม่มีการเรียนรู้ที่เป็นระบบเครื่องมือเหมือนอย่างที่ สคส.
ได้แนะนำมาให้
ซึ่งกรมฯ
ก็กำหนดเรื่องนี้ขึ้นมา มีคณะทำงานบริหารการจัดการความรู้
และมีการปรึกษาและหาแนวทางในการดำเนินงาน
คณะทำงานเห็นแล้วว่าการจัดการความรู้ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่สำหรับกรมส่งเสริมการเกษตร
แต่ในเรื่องของกระบวนการยังไม่มีการความชัดเจนว่าจะออกมาในรูปแบบใด
จึงมีการเลือกสรรจังหวัดนำร่องขึ้นมาทดลองจัดการความรู้ให้กับเจ้าหน้าที่และเกษตรกร”
ขณะที่ อุดม
รัตนปราการ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร 7 ว กล่าวว่า
การจัดการความรู้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ซึ่งการดำเนินงานของกรมฯ มี 2 ส่วน
ทั้งในระดับเจ้าหน้าที่และระดับเกษตรกร หากวิเคราะห์ตามโมเดล ปลาทู
ก็จะมีการแชร์ความรู้และประสบการณ์กัน แต่จุดอ่อนที่ผ่านมา คือ
ไม่ได้กำหนดเป้าหมายไว้ให้ชัดเจน
ซึ่งโดยกระบวนการแล้วเจ้าหน้าที่มีความเข้าใจกระบวนการจัดการความรู้ดี
แต่ภาพของการเดินไปสู่กระบวนการสรุปบทเรียนอาจจะยังเป็นปัญหาอยู่
ซึ่งสำหรับเจ้าหน้าที่จะเน้นหนักไปที่การเรียนรู้ในเชิงวิชาการเกษตร
ซึ่งไม่เน้นหนักในทางเทคนิคการส่งเสริมซึ่งขณะนี้บางจุดเจ้าหน้าที่มี่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเรื่องของวิธีการส่งเสริมว่าจะทำอย่างไร
ให้เกษตรกรยอมรับ
ใครได้ปฏิบัติแล้วมีความสำเร็จเป็นรูปธรรมก็นำมาเล่าให้ที่ประชุมฟัง
นอกจากนี้ยังร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินงาน KM กับหน่วยงานอื่น ๆ
โดยเฉพาะสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม (สคส.)
ซึ่งเป็นที่ปรึกษาการดำเนินงานและสนับสนุนการเชื่อมโยงเครือข่ายกับหน่วยงานอื่น
ๆ มาตั้งแต่ต้น
ถึงแม้ว่ากรมส่งเสริมการเกษตรจะดำเนินการส่งเสริมด้านการเกษตรเพื่อพัฒนาอาชีพเกษตรในรูปแบบของโรงเรียนเกษตรกรอยู่บ้างแล้ว
แต่การเปิดรับรูปแบบใหม่ที่มีความชัดเจนในเรื่องการจัดการความรู้
เพื่อพัฒนางาน คน
องค์กรก็นับได้ว่าเป็นการประสานองค์ความรู้ที่จะช่วยให้งานนั้นสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้
กรมส่งเสริมการเกษตร ได้ใช้รูปแบบ การเชื่อมโยงความรู้เดิม
ให้เข้ากับความรู้ใหม่ และกำลังขับเคลื่อนงานส่งเสริมการเกษตร
โดยอาศัยเครือข่าย 9 จังหวัดนำร่องเป็นตัวอย่างของการจัดการความรู้
ที่จะช่วยขยายฐานของการจัดการความรู้ที่จะทำให้การส่งเสริมการเกษตรขับเคลื่อนงานของตนเองได้อย่างอัตโนมัติ
ธุวนันท์
พานิชโยทัย ผอ.กลุ่มงานวิจัยและพัฒนาระบบส่งเสริมการเกษตร
กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โทร.02-5799524 / 02-5790121-7 ต่อ 250,291
โทรสาร. 02-5799524 / 02-5793940
E-Mail : [email protected]
ไม่มีความเห็น