ทัศนศึกษาดูงานในประเทศเยอรมัน ออสเตรีย ฮังการี สาธารณรัฐเช็ค


ยุโรป

วันที่ 8 กันยายน 2550

คณะผู้ร่วมเดินทางพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อทำการเช็คอินที่เคาเตอร์ของสายการบินกาต้าร์ แอร์เวร์ เสร็จแล้วตรวจและประทับตราพาสปอร์ตเพื่อเดินทางออกนอกประเทศ

เวลา 20.10 น. ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยเครื่องบินของสายการบินกาต้าร์ แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR 611 มุ่งหน้าสู่สนามบินโดฮา ประเทศกาตาร์

เวลา 23.10 น.(เวลาท้องถิ่น) ถึงสนามบินโดฮา ประเทศกาต้าร์ เพื่อเปลี่ยนเครื่องเดินทางเข้าสู่เมืองแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมัน

เวลา 01.15 น.(เวลาท้องถิ่น) ออกเดินทางจากสนามบินโดฮา ด้วยเที่ยวบินที่ QR027 สู่สนามบินแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมัน

วันที่ 9 กันยายน 2550

เวลาประมาณ 06.50 น.(เวลาท้องถิ่น) คณะทั้งหมดเดินทางถึงสนามบิน เมืองแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมัน ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และออกเดินทางต่อไปยังเมืองฟุสเซ่น ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ แต่มีความเก่าแก่และสวยงาม โดยเฉพาะสภาพบ้านเรือนที่อยู่อาศัยยังมีการอนุรักษ์รักษาไว้เป็นอย่างดี ทำให้สภาพของบ้านเมืองมีความสวยงามเหมาะแก่การท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวนอกจากนี้ทางไกด์ยังได้เล่าให้ฟังว่า ในปัจจุบันประเทศแถบยุโรปได้เริ่มให้ความสนใจกับการสร้างชุมชนให้มีความเข้มแข็ง โดยพยายามเปิดโอกาส ให้คนในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลชุมชนของตนเอง และช่วยเหลือเกื้อกูลกัน อาทิเช่น ในกรณีที่บ้านใดบ้านหนึ่งไม่อยู่บ้าน ก็จะมีการฝากบ้านไว้กับเพื่อนบ้านให้ช่วยดูแล เป็นต้น นอกจากนี้จากการสังเกตการจัดสภาพแวดล้อมของเมืองพบว่า คนในเมืองนิยมใช้รถจักรยานมาก ทางการจึงมีการส่งเสริมให้มีการจัดทำช่องทางสำหรับรถจักรยานในถนนสายต่างๆ และมีการจัดทำที่จอดรถจักรยาน ไว้ตามสถานที่เป็นแหล่งการค้า หรือแหล่งธุรกิจของเมือง และคนในประเทศเยอรมันส่วนใหญ่ เมื่อเดินทางไปพักผ่อนก็มักจะนำรถจักรยานติดท้ายรถหรือใส่ไว้บนหลังคารถไปด้วยเสมอ ซึ่งจะพบเห็นได้ทั่วไปตามถนนหนทางที่รถแล่นผ่าน

สิ่งที่ควรนำมาเป็นแนวทางในการทำงานของท้องถิ่น โดยเฉพาะเทศบาลก็คือ การรณรงค์ให้คนใช้จักรยาน ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการอนุรักษ์สภาพแวดล้อมของเมือง การประหยัดและการรณรงค์เพื่อสุขภาพอนามัยของประชาชนด้วย นอกจากนี้ในการออกแบบก่อสร้างถนนหนทางในเมือง ควรมีการออกแบบก่อสร้างช่องทางสำหรับจราจรไปพร้อมๆกันด้วย และควรออกแบบสำหรับจัดทำที่จอดจักรยานและดำเนินการก่อสร้างไว้ตามสถานที่สำคัญๆของเมือง เช่นในศูนย์ราชการ บริเวณย่านการค้า ย่านธุรกิจ และสวนสาธารณะ เป็นต้น

อีกเรื่องที่น่าสนใจก็คือ การสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน โดยเฉพาะในชุมชนเมืองควรมีการวางแผน กำหนดแนวทาง ให้คนในชุมชน ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลรักษาชุมชน และช่วยเหลือเกื้อกูลกันในชุมชน โดยฝ่ายราชการเป็นผู้ให้การสนับสนุนการทำงานของชุมชนหลังจากนั้นทางคณะก็เดินทางต่อไปเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน และเข้าชมปราสาทนอยชวานสไตน์ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขา การเดินทาง รถทัวร์ที่รับคณะของเราต้องจอดรถไว้ด้านล่างเสร็จแล้วก็ต้องซื้อตั๋วขึ้นรถที่ให้บริการรับนักท่องเที่ยวขึ้นและลงเขา เมื่อไปถึงจุดที่จอดรถบนเขา คณะนักท่องเที่ยวทั้งหมดต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณเกือบๆ 1 กิโลเมตร เพื่อเข้าชมปราสาท แต่คณะของเราต้องเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 500 เมตร เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน ซึ่งอาหารกลางนี้จะจัดให้รับประทานในร้านท้องถิ่น อาหารก็เป็นอาหารท้องถิ่น ประเภท ซุป ปลา และของหวาน 

 หลังจากรับประทานอาหรกลางวันเรียบร้อยแล้ว คณะก็เดินทางไปยังปราสาท เพื่อเข้าชมด้านในปราสาท การเข้าชมปราสาทนี้ จะต้องซื้อตั๋ว และกำหนดรอบของการเข้าชมเป็นรอบๆ โดยในแต่ละรอบจะมีเจ้าหน้าของปราสาทเป็นคนนำชมและบรรยายความเป็นมาของแต่ละห้อง สำหรับปราสาทนอยชวานไสต์นี้ ตามประวัติกล่าวว่าสร้างในสมัยของกษัตริย์ ลุดวิกที่ 2 แห่งแคว้นบาวาเรีย ซึ่ง เป็นผู้มีความหลงใหลใฝ่ฝันที่จะสร้างสรรค์ ปราสาทราชวังที่ประทับ อันสมบูรณ์แบบที่สุดขึ้นมา โดยในเขตแคว้นอัลไพน์ พระองค์ทรงสร้าง ปราสาทนอยชวานสไตน์ ส่วนความคลั่งไคล้ของ พระองค์ ต่อโลกยุคบูร์บองแห่งฝรั่งเศส ก็ได้แสดง ออกมาเป็น พระราชวังลินเดอร์โฮฟ และ พระราชวังแฮเรนคีมเซ รวมทั้งหมดเป็น
สามแห่งด้วยกัน สำหรับปราสาทหลังใหญ่สีขาวดั่งรูปเงาของกษัตริย์ลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย ประกอบด้วยยอดแหลมสะโอดสะอง ของหลังคาปราสาทต่างๆ มองดูไปแล้ว ก็ไม่น่าเชื่อว่า จะมีสิ่งก่อสร้างใหญ่โตสวยงามอย่างนี้ ตั้งอยู่กลางป่าเขาลำเนาไพร ที่ซึ่งมีสีสันแปลกแปลงแตกต่างไปในแต่ละฤดูกาลได้ปราสาทนอยชวานสไตน์ หนึ่งในปราสาทราชวัง ที่มีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือ ของกษัตริย์ลุดวิกที่ 2 ถูกสร้างขึ้นด้วยเงินทุนมหาศาล เริ่มตั้งแต่ปี1868 ถึงปี 1892 แต่ทว่า ปราสาทหลังนี้ เพิ่งได้รับขนานนามว่า "นอยชวานสไตน์" ภายหลังจากที่กษัตริย์ลุดวิกที่ 2 ได้เสด็จสวรรคตแล้วในปี 1886 ปราสาทสวยอันเป็นอนุสรณ์ให้รำลึกถึงเจ้าของแห่งนี้ ได้รับการออกแบบจัดสร้าง โดยนักออกแบบ ฉากละคร ที่เลื่องชื่อ คริสเตียน จังค์ โดยเขาใช้โครงร่างจาก ปราสาทวาร์ทบวร์ก ในแคว้นธูริงเกีย แล้วนำมาปรับแปลงให้สอดคล้อง รับเข้ากับกับแรงบันดาลใจอย่างแรงกล้า ขององค์กษัตริย์ลุดวิกที่ 2 ที่มีต่ออุปรากรของ ริชาร์ด วากเนอร์ 2 เรื่อง คือ โลเฮนกริน และ ทานน์ฮอยเซอร์ การตกแต่งภายในห้องหับต่างๆ ของตัวปราสาท ทำโดย ยูลิอุส เฮฟฟ์มานน์ ในปี 1880 ตัวปราสาทมีที่ตั้งอันน่าทึ่งบนหินผาขนาดใหญ่ยักษ์ สูงกว่า 200 เมตร เหนือออบแก่งของแม่น้ำพอลลัท นอกจากนี้ ยังมีภาพธรรมชาติและทิวทัศน์ ที่สวยงามมาก เมื่อมองจาก สะพานมาเรียน ที่ซึ่งทอดข้ามสายน้ำเชี่ยวกรากในลำธารเบื้องล่างปราสาทนอยชวานสไตน์ เวลาเปิดเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน เวลา 09.00 น. ถึง 18.00 น. ทุกวัน และ เวลา 09.00 น. ถึง20.00 น. เฉพาะวันพฤหัสฯเดือนตุลาคมถึงเดือนมีนาคม เวลา 10.00 น. ถึง 16.00 น. ทุกวันวันหยุดประจำปี วันที่ 1 มกราคม และวันที่ 24, 25 และ 31 ธันวาคมซึ่งจะมีมัคคุเทศก์ประจำนำชมห้องต่างๆ ด้วยทุกครั้งที่ไปเยี่ยมชม ปราสาทนอยชวานสไตน์ ที่ตำบลโฮเฮนชวานเกา ในแคว้นบาวาเรียของเยอรมันสำหรับเรื่องของ อัศวินหงส์ขาว ที่กษัตริย์ลุดวิกที่ 2 จึงได้คลั่งไคล้ไหลหลง จนเป็นแรงบันดาลใจ ลงทุนมหาศาลในการสร้างปราสาทนอยชวานสไตน์อันน่าทึ่งแห่งนี้ เพื่ออุทิศแด่อุปรากรเรื่องเล็กๆ เพียงเรื่องหนึ่งเท่านั้น อัศวินหงส์ขาว หรือชื่อจริงคือ โลเฮนกริน (Lohengrin) ซึ่งเป็นอุปรากรที่ประพันธ์โดย ริชาร์ด วากเนอร์ (Richard Wagner)4 นักประพันธ์เพลงและอุปรากรชาวเยอรมัน ริชาร์ด วากเนอร์ ประพันธ์ดนตรีในอุปรากรเรื่อง โลเฮนกริน เสร็จ ณ เมืองเดรสเดน เมื่อ พ.ศ.2390ในระหว่างที่ดำเนินการสร้างเรื่องนี้นั้นมีทั้งผู้ที่ประเมินคุณค่าไว้สูง และต่ำ ซึ่งในปัจจุบันไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว ในด้านดนตรี มีเพลงหลายเพลงของวากเนอร์ที่ให้ความบันดาลใจอย่างดีที่สุด บางเพลงถือว่ามีความยิ่งใหญ่อยู่ตลอดกาล เช่น เพลงเบิกโรง เพลงหงส์คู่หทัยเพลงความฝันของเอลซา และเพลงน่ารักอื่นๆ อีกหลายเพลง ที่มีความงดงามอันไร้เทียมทาน รวมทั้งเพลงมาร์ชแต่งงานของโลเฮนกริน ซึ่งมีความไพเราะเป็นที่คุ้นเคยกันดีในสมัยนี้ แต่ในสมัยแรกเริ่มนั้น เพลงนี้รู้สึกคล้ายกับว่าจะเป็นภาษาใหม่ของดนตรีทีเดียวอุปรากรเรื่อง โลเฮนกริน นี้มี 3 องก์ ริชาร์ด วากเนอร์เป็นผู้แต่งเพลงทั้งทำนองและเนื้อร้อง เปิดแสดงครั้งแรก ที่เมืองไวมาร์ เยอรมนี เมื่อ 28 สิงหาคม 2393 จัดแสดงที่เมืองวีสบาเดนเมื่อ พ.ศ. 2396 ที่นครมิวนิคและกรุงเวียนนา ออสเตรีย เมื่อ พ.ศ. 2401 ที่กรุงเบอร์ลิน เมื่อ พ.ศ.2402 ที่นครโบโลญยา อิตาลี เมื่อ พ.ศ. 2414 ได้จัดแสดงที่กรุงลอนดอนเป็นภาษาเยอรมัน เมื่อ พ.ศ.
2418 ปีเดียวกันนี้ก็ได้มีการแสดง ที่ โคเวนต์ การ์เดน กรุงลอนดอน ในภาษาอิตาเลียนด้วย และได้เปิดการแสดงเป็นภาษาอังกฤษครั้งแรก ที่โรงละครหลวง ในปี พ.ศ. 2423 จัดแสดงที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบอร์ก ในปี พ.ศ. 2418 และที่กรุงปารีส ในปี พ.ศ. 2430 ในสหรัฐอเมริกาได้เปิดการแสดงเป็นภาษาเยอรมัน ที่ ชตัดท์ เธียเตอร์ ในนครนิวยอร์ค เมื่อ 3 เมษายน 2414 เป็นภาษาอิตาเลียน เมื่อ 23มีนาคม 2407 แสดงเป็นภาษาเยอรมัน ในปี พ.. 2428 แสดงในนิวออร์ลีน เป็นภาษาอิตาเลียน เมื่อ 3 ธันวาคม  2420 เป็นภาษาฝรั่งเศส เมื่อ 4 มีนาคม 2432  เห็นได้ว่าอุปรากรเรื่องนี้ มีการแสดงบ่อยครั้งยิ่งกว่าเรื่องใดๆ ทั้งหมดของวากเนอร์

สำหรับความสวยงามของปราสาท นอกจากจะมีรูปทรง รูปแบบอันสวยงามแล้ว ภายในห้องต่างๆของปราสาท ยังมีการตบแต่งไว้อย่างสวยงามน่าประทับใจ อีกด้วย

หมายเลขบันทึก: 218406เขียนเมื่อ 23 ตุลาคม 2008 20:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 21:42 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

รับจัดกรุ๊ปทัวร์ทัศนศึกษาดูงาน ทัวร์ยุโรปตะวันออก เยอรมัน ออสเตรีย ฮังการี สาธารณรัฐเช็ค มีหลายแพคเกจให้เลือก ราคาไม่แพงค่ะ

http://www.lofttravel.com

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท