ความพอเพียงสร้างสุขได้ดียิ่ง


รายได้ที่เกิดขึ้น จากความพอเพียง ความพอประมาณ

    เหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในเมืองไทยวันนี้ ถ้าคิดให้ดี คิดให้เป็นบวก จะทำให้อารมณ์ดี และจิตใจสบายขึ้น  เพราะสัจจธรรมคำว่า เป็นธรรมดา และคำว่า เป็นเช่นนั้นเอง ที่พระอาจารย์พุทธทาส ได้เอ่ยอยู่เสมอ

      เมื่อปลายปี 2550 ได้ไปร่วมสัมมนา ในเวทีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง ได้ฟังสาระและประเด็นสำคัญจากท่านศาตรจารย์ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ตั้งแต่วันนั้นมาก็เริ่มมองเห็นความชัดเจน ในเรื่องของความพอเพียง มากขึ้น และพยายามทำความเข้าใจ จากคำว่า พอประมาณ การมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกัน ให้เกิดขึ้นให้ได้ภายใต้กรอบของศีลธรรม คุณธรรม และจริยธรรม 

       ต้องยอมรับว่าตนเองได้รับรู้คำว่าเศรษฐกิจพอเพียงมานานแล้ว แต่มันเป็นเพียงความรับรู้อย่างเดียวคือรับฟัง  เข้าร่วมเวทีเสวนา ไปศึกษาดูงาน อ่านข้อเขียน อ่านบทความ แต่สิ่งเหล่านั้นมันเป็นการสร้างความเข้าใจเบื้องต้น เป็นการสร้างความตระหนักให้เกิดขึ้น    การเรียนรู้ต้องเกิดขึ้นจากการปฏิบัติเท่านั้น 

       จึงได้เริ่มแกะประเด็นที่อาจารย์เกษมวัฒนชัย กล่าวไว้ ประเด็นแรกคือประเด็นเรื่องความพอประมาณ เราจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าอะไรคือความพอประมาณถ้าหากว่าเราไม่ได้เก็บข้อมูลการดำรงชีพของตนเองให้ชัด  ประมาณ 3 เดือนที่ได้เก็บข้อมูล ทำให้มองภาพความเป็นตัวของตัวเองได้ชัดเจนขึ้น จากข้อมูลรายรับและรายจ่าย ทำให้เห็นว่า  ณ วันนี้ชีวิตของเราตกอยู่ภายใต้ กลไกของเทคโนโลยี ที่เราไม่มีวันหนีมันพ้น ถ้าหากใครหนีเทคโนโลยีก็จะตกขอบทันที  ภาวะหนี้สิน หลีกไม่ได้ ขืนหลีกก็ถูกฟ้องหรือเกิดปัญหาตามมามากมาย เพราะหนี้สินที่เกิดขึ้นมันพอกพูนมาเนิ่นนานเหลือเกิน เมื่อเริ่มมีงานทำ มีเงินเข้ามา จิตใจก็เริ่มอยากจะให้กายได้รับความสะดวกสะบาย  สมัยโน้นไม่มีบัตรเครดิต แต่ก็เริ่มต้นกันด้วยการรวมทีมรวมเงิน ซื้อของมาใช้กัน หมุนเวียนกันเดือนละชิ้น ไม่ว่าจะเป็นทีวี ตู้เย็น  ที่นอน หรือเตียงนอน เงินได้รายเดือนก็ถูกแบ่ง ต่อมาก็เริ่มมีสินค้าเงินผ่อน สิ่งแรกที่เริ่มผ่อนก็คือมอร์เตอร์ไซด์  และก็รถยนต์ ตามลำดับ ต้องการมีที่ดินก็ไปกู้สหกรณ์กู้ธนาคารมาซื้ออีก จึงได้มีที่ดินมาจนถึงทุกวันนี้  นั่นแหละครับคือที่มาของหนี้สิน

        พอมาดูค่าใช้จ่ายของเด็กของลูกหลานที่ต้องจ่ายประจำวัน เราเคยจ่ายให้พวกเขาวันละ 50 บาทต่อคน หากเราจะลดค่าใช้จ่ายตรงนี้ให้เหลือเพียงคนละ 40 บาทคงทำไม่ได้แน่ พอมาดูค่าน้ำมันรถยนต์   ในชนบท ณ วันนี้ ไม่มีรถประจำทางไปสู่ตลาด เพราะทุกบ้าน มีรถยนต์ มีมอร์เตอร์ไซด์ รถโดยสารรถประจำทางที่เคยวิ่งเป็นประจำหดหายไปจากท้องถนนในชุมชน โดยปริยาย คงเหลือเพียง รถประจำทางสายหลักจากในตลาด วิ่งเข้าสู่ตัวเมือง  มองมาทางด้านงานบุญงานกุศล ก็ปรากฏว่าเป็นรายจ่ายที่มากพอสมควร แล้วเราจะลดก็คงไม่ได้ และจะหลีกก็หลีกไม่พ้น   ในเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง ณ วันนี้ หากเราเริ่มต้นจากการพูดคำว่า อยู่อย่างพอเพียงโดยช่วยกันลดรายจ่าย ผู้ฟังก็จะเริ่มต้นมึน พร้อมกับคำพูดของเราทันที และเริ่มเดินไปหาเรื่องอื่นที่พอฟังแล้วสบายหู   เราจึงต้องเริ่มต้นที่คำว่ามาสร้างรายได้กันดีกว่า ผู้ร่วมสนทนา ก็จะพอมีความหวังอะไรบางอย่างบ้างในการร่วมสนทนากับเรา   รายได้ที่จะเกิดขึ้นจากความพอเพียง ความพอประมาณ จะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีบุคคลที่สอง ที่สาม  เพราะรายได้จะเกิดขึ้นได้ ต้องมีผู้รับ และมีผู้ให้ และรายได้  เป็นทั้งรูปธรรมและนามธรรม  

         หลักเหตุและผล จะต้องเชื่อมโยงจากการรู้จักตนเอง และรู้ให้ได้ว่าความพอประมาณคืออะไร  ท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ พรุ่งนี้ค่อยอ่านต่อนะครับพอดีมีภาระกิจ

      (เขียนต่อเพิ่มเติมเมื่อ 25 ตค.2551)     ขอโทษครับมาช้าไปหน่อย  ได้รับข้อคิดเห็นจากคุณครูอ้อย แซ่เฮ เมล์ถึงผมเพื่อร่วมเวทีเสวนาเป็นท่านแรก รู้สึกอบอุ่นจากความเห็นของครูอ้อยประเด็นแรกที่ว่าความพอเพียงของคนไม่มีวันเท่ากันได้ เป็นสิ่งที่จริงแท้แน่นอน  เพราะคนเรานั้นถูกแบ่งระดับ แบ่งชนชั้นกันโดยพฤตินัยอยู่แล้ว  ในอินเดีย มีการแบ่งวรรณะ  เป็นสี่วรรณะ แต่ละวรรณะก็มีความพอเพียงไม่เท่ากัน      แล้วในประเทศต่างๆยังแบ่งเป็นสากล ให้เห็นอีกว่ามีคนชั้นสูง คนชั้นกลาง และคนชั้นรากหญ้า  ในวงการธุรกิจ  แบ่งให้เห็นว่า คนที่เป็นเจ้าของเป็นผู้บริหารนั้นเป็นคนชั้นสูง ได้รับสมญานามว่ากลุ่มไฮโซ  กลุ่มพนักงานมีระดับหน่อยก็อยู่ในระดับกลาง และกลุ่มลูกจ้างแรงงานอยู่ระดับฐานล่าง   ในแวดวงการศึกษาแวดวงราชการ ก็ยังแบ่งกันอีกระหว่างกลุ่มผู้บริหารระดับสูง ผู้บริหารระดับกลาง กลุ่มนักวิชาการ กลุ่มพนักงาน     แต่ในทางพระพุทธศาสนานั้นเน้นให้ทุกคนเห็นคุณค่าของความเป็นมนุษย์ แต่ ในคราบความ เป็นมนุษย์นั้น  จำแนกบุคคลออกเป็น  4 ประเภท โดยใช้การเรียนรู้ของแต่ละคน เป็นตัวชี้วัด   ซึ่งประกอบไปด้วย คนประเภทบัวพ้นน้ำ ประเภทบัวปริ่มน้ำ บัวใต้น้ำ และบัวใต้เลนหรือโคลนตม ดังนั้นในวรรณะหรือในชนชั้นที่แบ่งกันไว้ไม่ว่าจะเป็น วรรณะกษัตริย์ วรรณะพราหมณ์ วรรณะแพท และวรรณะสูทร หรือจะเป็นคนชั้นระดับสูง ระดับกลาง หรือระดับรากหญ้า  บัว 4 เหล่าจะมีผสมปนเปอยู่ในทุกระดับชนชั้น เอ่ ประเด็นที่ว่าความพอเพียงไม่เท่าเทียมกัน   เขียนสนับสนุนครูอ้อยเสียยืดยาว

          ประเด็นที่สองครูอ้อย บอกว่าร้านเสริมสวย ไม่ค่อยได้สตางค์จากครู ผมดูแล้วรู้สึกว่าครูแม้จะบอกว่าวัยเลขห้าแล้วน่ะ แต่ก็ยังดูดีอยู่มาก แสดงว่าครูมีความรอบรู้ในการดูแลสุขภาพกาย สุขภาพผิว รู้จักเลือกอาหารบริโภค หรืออย่างน้อยก็รู้จักเลือกซื้อเลือกใช้ของดีที่เหมาะสมกับสภาพของตนเอง แต่ว่าคนที่ไปร้านเสริมสวย บางคนก็ชอบไปนั่งคุยเพื่อหาเพื่อนใหม่ หรือไปหาความสุขเล็กๆน้อยน้อยที่พอจะหาได้นะครับ  ในเรื่องเสื้อผ้านั้นผมเองก็เหมือนกับครูตรงที่ ชอบหรือพอใจชุดใหนแล้วก็ใส่จนกระทั่งขาด และขาดแล้วก็ยังซ่อมใส่อีก แต่ถ้าชุดใหนไม่ค่อยถูกใจก็ใส่ไปตัดหญ้า เข้าป่าเข้าสวน ไม่ค่อยได้เก็บไว้ ถือว่าคุ้มค่าดี       

           ส่วนของใช้ในการประกอบอาชีพ หรือของใช้ส่วนตัวนั้น ทุกคนอยากจะใช้จนมันพังไปละครับ  แต่ วันนี้พวกเราถุกเทคโนโลยี ครอบงำโดยสิ้นเชิง ผมยกตัวอย่างเครื่องตัดหญ้าแบบสายสะพาย ณ วันนี้ที่วางขายอยู่กลาดเกลื่อน  มีทั้งยี่ห้อญี่ปุ่นแท้ซึ่งราคาเหยียบหมื่นบาท ของไต้หวัน ราคา 4-5 พันบาท ของจีนแดงราคา 2-3 พันบาท คนที่นำไปใช้ เมื่อใช้ไปสักระยะหนึ่งก็จะพบ ความแตกต่างตามคุณภาพจากแต่ละ แหล่งผลิต   ของญี่ปุ่นใช้ทนนาน  ส่วนเครื่องที่ผลิตจากไต้หวัน ราคาพอไปกันได้กับเงินในกระเป๋า แต่เมื่อนำไปใช้ไม่กี่ครั้ง ก็ต้องนำไปโรงซ่อม  หวลมาดูเทคโนโลยีในอาคาร และเป็นเทคโนโลยีที่เราต้องสัมผัส ต้องใช้ไกล้ตัว ผมซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่เครื่องรุ่นเก่าราคาแพง เกือบ 3 หมื่นบาท สมัย 10 ปีที่แล้วนำมาใช้พิมพ์งาน รับงานข้อมูลมาทำที่บ้าน  สมัยนั้นยังไม่มีอินเตอร์เนต เพราะไม่ได้อยู่ในเมืองใหญ่  จึงไม่ค่อยได้ซ่อมแซมอะไรมากนัก  พอมาระยะหลัง มีระบบอินเตอร์เนทใช้ ต้องหาซื้อโมเด็ม ต้องซื้ออุปกรณ์อะไรต่อมิอะไรอีกจิปาถะตามแต่ช่างจะแนะนำ ช่วงนั้นช่างคอมพิวเตอร์ดูดเงินในกระเป๋าไปหลายบาท  พอใช้ไปสักระยะหนึ่ง นั่งเล่นเนตก็เกิดอาการผิดปกติก่อความรำคาญบ่อยๆ เช่นเกิดปัญหาจากสันญานโทรศัพท์ขาดหายบ้าง การเชื่อมต่อหลุดบ้าง  เสียอารมณ์อย่างมาก  ต้องไปปรึกษาช่างปรับปรุงใหม่ อีกบ่อยมาก มา ณ วันนี้ นั่งพิมพ์งาน ตอนกลางคืน ก็ไถลไปเปิด ดูหนังฟังเสียงเพลง อยู่ๆโปรแกรมมันเกิดรวนขึ้นมา ไปปรึกษาช่างอีก ช่างบอกว่ามีไวรัสและถามว่าเปิดเนตดูอะไรบ้างผมบอกว่าดูเยอะ   เลยติดตั้งโปรแกรมไวรัสตัวใหม่ เราก็มั่นใจว่าคงจะไม่มีปัญหาอีกแล้ว แต่ไม่ถึงสองอาทิตย์ก็รวนอีก ไปพบช่างๆก็บอกว่าเหมือนเดิม และก็ถามถึงช่องทีวีที่ผมดู ผมก็บอกไปหลายช่อง  มีอยู่ช่องหนึ่งเมื่อช่างบอกว่าคนที่เข้าไปดูช่องนั้นแหละมาหาเขาหลายรายแล้วด้วยอาการเดียวกัน ผมเลยถึงบางอ้อในใจ  เพราะเขาคงจะมีการพัฒนาโปรแกรมสั่งงานไวรัสให้สามารถทำลายโปรแกรมของผู้ที่เปิดรายการทีวีชองนั้นผ่านเนตได้ตลอดเวลา ไม่ขอบอกว่าผมเปิดช่องใหนดู  

            ที่ผมเล่าท้าวความไป ก็เพราะอยากจะให้เห็นว่าความพอเพียงของทุกคนไม่เท่ากันจริง ณ วันนี้ เด็กนักเรียนในชนบท ในสวน ในไร่ ที่พ่อแม่พอจะมีเงิน นอกเหนือจากซื้อโทรศัพท์มือถือ บ้านละ 2 เครื่องแล้ว ก็ยังต้องมีคอมพิวเตอร์ให้ลูกได้ใช้ เพราะทนออดอ้อนลูกไม่ได้ แต่บางบ้านที่เขาไม่สนใจแม้มีเงินพอที่จะซื้อได้เขาก็ไม่ซื้อ หรืออาจจะเป็นเพราะลูกไม่เห็นความจำเป็น 

          ความพอประมาณนั้น เป็นพื้นฐานของการสร้างชีวิตพอเพียง ความพอประมาณ ไม่ได้บ่งบอกว่า  เป็นเรื่องของการรู้จักพอเพียงอย่างเดียว  แต่ความพอประมาณน่าจะหมายถึงสิ่งที่เราทำแล้ว ต้องไม่เดือดร้อนต่อตนเองและผู้อื่นรวมถึงสิ่งแวดล้อมรอบตัว  ความพอประมาณไม่ได้หมายถึงเรื่องทรัพย์สมบัติหรือเงินทองเพียงอย่างเดียว แต่ความพอประมาณจะต้องเกิดขึ้นจากจิตที่มีมโนธรรมสำนึก   ผมจะยกตัวอย่างประเด็นที่กล่าวไว้ว่าหากเราพูดถึงเรื่องรายจ่าย ณ วันนี้ จะทำให้เพื่อนร่วมวง รู้สึกมึนเพราะวิธีลดรายจ่าย ในวันนี้ มองไปด้านใหนรู้สึกว่ามันจะตันไปเสียหมด ผมนั่งคุยกับเพื่อนบ้านท่านหนึ่ง ที่ดูจากภายนอกแล้วเป็นคนที่อดออม ประหยัดและสมถะ แต่เมื่อราคาผลผลิต ปาล์มน้ำมัน ลดลงจาก ราคากิโลกรัมละ 5 บาท เหลือเพียงกิโลกรัมละ 2 บาท 50 สตางค์ ผมมองเห็นแต่สีหน้าที่มีแต่แวววิตกกังวล รอยยิ้มที่เคยเปิดกว้าง วันนี้เขายิ้ม แบบปูเลี่ยน คือยิ้มหงอยๆ ไม่ต้องถามว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้น สำหรับคนชนบท ชาวสวนชาวไร่ ความทุกข์ต่างๆมันเกิดจากความคล้ายกัน และการได้ระบายออกมากับเพื่อนบ้านโดยเฉพาะบุคคลที่เขานับถือและชอบพอ จะช่วยปรับทุกข์ให้เขาได้ในระดับหนึ่ง  เหตุการณ์เขาระบายให้ฟัง  ก็คงไม่พ้นภาวะเหตุการณบ้านเมืองขณะนี้ และภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ เงินหมุนเวียนในครอบครัวขาดสภาพคล่อง ลูกที่ไปเรียนในเมือง ต้องเรียนพิเศษ ต้องทำกิจกรรมต่างๆซึ่งล้วนแต่ต้องใช้เงินทั้งนั้น เงินที่ออมไว้บ้างเผื่อใช้ในยามเจ็บไข้ได้ป่วยก็เริ่มทะยอยออกมาใช้

        ก่อนหน้านี้ช่วงที่ราคาผลผลิตดี ยังพอมีเงินหมุนเวียนก็พูดกันไป หัวเราะกันไปว่า  ลูกๆมันเรียนมาก เหลือเกิน วันเสาว์อาทิตย์ก็ทำกิจกรรม ปิดเทอมก็เข้าค่าย ถ้าหากลูกมีเวลามาช่วยดูแลสวนบ้างก็ยังดี และที่สำคัญคือเงินที่ต้องนำไปจ้างลูกจ้าง  ลูกก็จะได้รับแทน แถมจะได้มากกว่าอีก อย่างน้อยเรือกสวนไร่นา ณ วันนี้ก็เหมือนกับเป็นของลูกอยู่แล้ว เงินทองก็ไม่รั่วไหล   ความคิดของเขานี่แหละเป็นความคิดด้านการสร้างรายได้  แต่เพราะว่าเขาคิดอยู่เพียงคนเดียว  ลูกของเขาไม่ได้ร่วมรับรู้ด้วย จึงเข้าข่ายประเด็น  ของครูอ้อย ที่ว่า ความพอเพียงนั้น ทุกคนต้องเข้าใจกัน และไปด้วยกันได้  เมื่อคิดอยู่คนเดียว แม่บ้านของเขาไม่ได้ร่วมคิด   ลูกก็ไม่ได้รับรู้แนวคิด  ที่สำคัญคือ ทุกคนไม่ได้มีส่วนร่วมในการเรียนรู้สภาพความเป็นจริงในครอบครัว ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเอง อันนี้เป็นเพียงเกร็ดเล็กน้อยน้อย จากครอบครัวเดียว  ลองคิดถึงสภาพในชุมชนที่มีหลายครัวเรือน ต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างทำ  ภาพของงานพัฒนาความมั่นคงของคนในชุมชน   ณ วันนี้ คงจะชัดเจนแล้วว่ามีสภาพเป็นอย่างไร ใครที่คิดอยู่คนเดียวก็เปรียบเสมือนน้ำน้อยที่ต้องแพ้ไฟเป็นธรรมดา เพราะฉนั้นจึงต้องสร้างฝายเก็บน้ำ จัดหาน้ำเพิ่มเติม  ก็คือการพูดคุย สร้างความเข้าใจใน เรื่องความพอเพียงให้กับเพื่อนฝูงให้กับลูกหลานมากๆเข้าไว้ 

       ข้อสุดท้ายครูอ้อยได้กล่าวสนับสนุนว่า เรื่องของรายได้นั้นเป็นสิ่งที่ดี  และผมขอเน้นเพิ่มเติมว่า  รายได้ที่เราต้องคิดให้มากๆนั้น ต้องเป็นรายได้ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในชีวิตของคนเรา คือรายได้ทั้งที่เป็นตัวเงิน   กับรายได้ที่เป็นนามธรรม  คือการเพิ่มขึ้นของความสุขจากระบบสุขภาพ ซึ่งประกอบไปด้วยสิ่งที่เป็นปัจจัยก่อให้ร่างกายสมบูรณ์ สิ่งที่เป็นปัจจัยก่อให้เกิดจิตวิญญาณที่สมบูรณ์(สติ ปัญญา ความระลึกชอบ)   สุดท้ายก็คือทรัพยากรแวดล้อมตัวเราสมบูรณ์ 

       ท้ายสุดคุณครูบอกว่า ไม่ควรหารายได้จากการพนัน ก็ถูกต้องที่สุด เพราะการพนันเป็นองค์ประกอบหนึ่งของอบายมุข และอบายยมุขเป็นปัจจัยที่ทำลายความพอเพียงลงอย่างง่ายดาย     แต่อบายมุขก็ สามารถ ขยายความ  ของคำว่าพอประมาณให้ชัดเจนได้มากขึ้น  เมื่อสมัยผมอยู่ในวัยหนุ่มแตกพานเริ่มทำงานใหม่ๆมีเงินเดือนใช้จ่าย ความสุขก็คือการได้ร่วมวงไพบูลย์กับเพื่อนฝูง ในทุกๆเรื่องที่ผู้ชายวัยหนุ่มชอบประพฤติกัน  วันนั้นจำได้ว่ารับเงินเดือนใหม่ๆก็นัดกันไปร่วมก้วนชุมนุมกันเหมือนเดิม และท้ายที่สุดก็ล้อมวงกันเล่นการพนันไฮโลว์ ปรากฏว่าเงินเดือนในกระเป๋าตัวเองหมดเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่บาทเดียว ต้องขอยืมเพื่อนฝูง พอประทังความหิวไปได้กว่าจะครบเดือน  ทำให้รู้ว่าการพนันนั้นสร้างความรู้สึกไม่รู้จักพอ  ไม่มีความเป็นเพื่อนในวงพนัน และท้ายที่สุด ทำให้เกิดความคิดแวบหนึ่งว่า ขณะนั้นเราอยู่คนเดียวความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นเกิดขึ้นกับตนเองไม่ได้ทำให้ผู้หนึ่งผู้ใดเดือดร้อน  ถ้าหากเรามีครอบครัวแล้วจะเกิดอะไรขึ้น เราตอบคำถามแก่คนในครอบครัวว่าอย่างไร ในขณะนั้นไม่ได้อยู่กับพ่อแม่  เพราะอยู่ในที่พักของทางราชการ  อาหารบางมื้อหรือหลายๆมื้อสามารถไปแบ่งปันแทะเล็มจากโรงครัวโรงอาหารได้ เพราะสนิทสนมกับพนักงานในโรงครัวแทบทุกคน    ประสบการณ์ครั้งนั้นแม้จะดูหนักหนาในพฤติกรรมของตนเอง แต่มิใช่ว่าผมจะไม่แตะต้องการพนันอีกเลย นานๆครั้งผมจะเล่นเพียงเพื่อได้สนุกเล็กน้อยๆ และจะเล่นไม่เกินหนึ่งร้อยบาท ถ้าหากได้เงินสองร้อยบาทก็จะหยุดเล่น แต่ถ้าหากหมดหนึ่งร้อยบาทที่กำหนดไว้ ก็จะเลิกไปเลยไม่เล่นต่อ เพราะฉนั้นจึงสามารถไปนั่งในงานศพญาติ หรือร่วมสนุกกับเพื่อนฝูงโดยไม่ต้องปลีกวิเวก และเมื่อนานๆไปทุกคนก็รู้ว่าเรานิสัยเป็นอย่างนั้น  คือเล่นเพื่อสนุกโดยมิได้คาดหวังอะไร และไม่ได้ก่อให้เกิดทุกข์ทั้งของตนเองและผู้อื่น  เพราะฉนั้นความพอเพียงมันต้องเกิดจากความตระหนัก ความสำนึก และถูกฝังไว้ในจิตวิญญาน ความพอประมาณในครอบครัวนั้น  จะสร้างให้เกิดได้ต้องรวมใจของคนในครอบครัว และรวมพลังความคิดทั้งครอบครัวปลูกจิตสำนึกสร้างสรรวิถีชีวิตใหม่   หลักเหตุผลในการสร้างรายได้ การสร้างภูมิต้านทานให้แก่ชีวิต ก็จะสานใยเชื่อมโยงต่อไปเรื่อยเรื่อยครับ รอทุกท่านแสดงความคิดเห็นจากประสบการณ์ของท่าน เพื่อจะได้ร่วมวงเสวนากันต่อไปเรื่อยครับ  

หมายเลขบันทึก: 217651เขียนเมื่อ 20 ตุลาคม 2008 04:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 02:51 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

สวัสดีค่ะ

  • ความพอเพียง ของ แต่ละคน ของแต่ครอบครัว ของแต่ละสังคม และของแต่ละประเทศชาติ  ไม่เท่ากันค่ะ
  • ครูอ้อย คนหนึ่งล่ะที่ยึดมั่นกับความพอเพียงมาตั้งนานแล้วค่ะ  หมายถึง ประหยัดน่ะค่ะ  ครูอ้อยเป็นผู้หญิงที่ไม่แต่งตัวฟุ้งเฟ้อ  ในแต่ละปี  ร้ายเสริมสวยจะได้เงินครูอ้อยไม่กี่บาทล่ะค่ะ
  • ของใช้ของครูอ้อย ก็ใช้จนพังแล้ว  จึงคิดหาซื้อใหม่ค่ะ 
  • ในครอบครัว  ต้องมีความพอเพียงเหมือนกันด้วยนะคะ  หากคนหนึ่งพอเพียง แต่อีกหลายคนในครอบครัวไม่พอเพียง  ก็ไปด้วยกันไม่ได้..ในสงคม  ในประเทศชาติ ก็เช่นเดียวกันค่ะ
  • ต้องมีการตรอมใจตายไปข้างหนึ่งแน่  งานนี้  น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ แน่นอน  สำหรับใจครอบครัว ส่วนในประเทศ ก็เศรษฐกิจย่ำแย่
  • เห็นด้วยนะคะ  ที่ต้องคิดหารายได้ มาช่วยด้วย  แต่ต้องไม่ใช่..เล่นการพนัน  นอกจากจะไม่ได้ แล้วยังเสีย ลุกลามมาถึง คนในครอบครัวด้วย เดือดร้อนกันไปหมดค่ะ

ขอบคุณค่ะ  จะเข้ามา ระบายแบบพอเพียงอีกนะคะ  ขอบคุณมากค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท