ยังจำคำพูดหนึ่งจากผู้แนะนำที่ฉันเคยทำงานในแวดวงธุรกิจที่ว่า
"ถ้าคุณอยากปลอดภัยก็ต้องพยายามหาเกราะป้องกันตนเอง
โดยพยายามหาจุดด้อยของคนรอบข้างแล้วนำสิ่งนั้นมาโจมตี
แล้วจะทำให้เราเข้มแข็งขึ้น"
(ฉันไม่ได้แนะนำ แต่กำลังบอกให้ดูถึงผลที่เกิดจากคำแนะนำนี้)
ผู้แนะนำเธอสามารถทำได้กระมัง
แต่สำหรับฉันทำไม่ได้
เพราะคิดเสมอว่า เราสุขใจหรือที่ทำร้ายจิตใจคนรอบข้างของเรา
นี่ขนาดเราโดนกระทำยังทุกข์ใจขนาดนี้
ในทางกลับกันถ้าเราทำร้ายเขาด้วยวิธีการใดก็ตาม
เขาก็ต้องทุกข์ใจเหมือนเรา
และฉันก็โดนสิ่งที่เธอแนะนำฉันย้อนกลับมาเล่นงานกระมัง
ฉันมีจุดด้อยในเรื่องรักษาอารมณ์
และนั่นโดนมองเห็นเด่นชัด
และนั่นโดนโจมตีเสมอ
และนั่นคือสาเหตุที่ผู้ใหญ่ใจดีให้ฉันหลีกหนีออกจากสถานที่นี้ออกไป
และนั่นคือสาเหตุที่สำคัญที่ทำให้เกิดบทเรียน
และนั่นคือสาเหตุให้ค้นพบการตื่นให้กลับมามองตนเองอย่างจริงจัง
ในครั้งนี้ฉันกลับมานั่งนึกถึงสิ่งที่เธอเคยแนะนำ
พยายามนึกว่าเธอแนะนำให้โจมตีด้วยเจตนาอะไร
ขอเจาะจงแต่เฉพาะเจตนาของการโจมตีเพื่อการอยู่รอด
ถ้า "เจตนาดี" ก็จะทำให้คนที่โดนโจมตีนั้นมีการพัฒนาที่ดีขึ้น
แต่ถ้า "เจตนาร้าย" คนที่โดนโจมตีก็จะยิ่งแย่ไปด้วย
ในครั้งนั้นฉันรับได้ในเจตนาร้าย เพราะเธอแนะนำการโจมตีให้ฉัน
แต่ฉันไม่ทำเพราะทำไม่ได้
แต่นั่นเป็นภาพมายาไปเสียแล้วว่าฉันกำลังกระทำกับคนรอบข้าง
เพราะจุดด้อยของฉันในเรื่องอารมณ์แสดงออกมาแล้ว
เพราะฉันเอาสิ่งที่เธอแนะนำมาแบกเอาไว้
เพราะฉันไม่รู้จักคำว่า "ปล่อยวาง" เสียแล้ว
เพราะฉันคิดว่าฉันกำลังโดนกระทำ
เพราะฉันคิดว่าฉันไม่สามารถเป็นผู้กระทำได้
กลับมาดูที่ "เจตนา" ว่าฉันดูที่อะไร ณ ขณะนั้น
ถ้าต่างฝ่ายต่างคิดตรงกันว่า
นั่นคือ "เจตนาดี" ก็จะส่งผลดีทั้งสองฝ่าย
แต่ถ้า "เจตนาร้าย" หล่ะ
อะไรคือการแสดงออกถึงเจตนาข้อนี้
"อยู่ที่วิธีการแล้วกระมัง"
และนั่นคือสติของทั้งผู้แนะนำ ผู้กระทำ และ ผู้ถูกกระทำ
แต่โชคดีจังที่ในครั้งนั้นฉันยังไม่พบอย่างถ่องแท้
ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่ตื่นได้ อย่าง ณ ขณะนี้
ฉันเคยย่ำแย่อย่างมาก กับสภาวะของคนที่เคยโดนโจมตี
* ฉันเคยผูกใจเจ็บ เพราะคิดว่าโดนกระทำ
นั่นคือส่งผลโดยตรงกับคนรอบข้าง
* ฉันเคยคิดถือดีจนไม่รู้ว่านั่นคือการทำร้ายตนเอง
เพราะคิดว่านั่นคือสิ่งด้อยของตนเองจริงๆ
นั่นคือส่งผลโดยตรงกับคนที่โดนโจมตี คือ ฉัน
ณ ปัจจุบัน เธอคนนั้นยังคงคอยแนะนำวิธีโจมตีกับคนรอบข้างของเธออยู่เสมอ
จนฉันไม่รู้หรอกว่า คนรอบข้างจะคิดโจมตีเธอกลับบ้างหรือไม่
แต่คิดว่าคงไม่กล้าเพราะเธอมีวัตถุเป็นข้อแลกเปลี่ยน
แต่ถ้าไม่มีวัตถุเป็นเงื่อนไขเสียแล้ว คงจะจากมาเช่นฉัน
ฉันได้แต่ภาวนาว่า เธอน่าจะหยุดตัวเองได้แล้ว
แล้วย้อนมาอยู่กับตนเองบ้าง
ถ้าคนเหล่านี้มีหลักธรรมะในใจที่ว่า
"พึงมองที่การกระทำของตนเอง"
เขาเหล่านี้ก็คงไม่ทำร้ายกัน
และคงจะพยายามส่งเสริมกันอย่างเป็นกัลยาณมิตร
แต่จะมีหรือในสังคมนี้
มันเป็นสังคมอุดมคติสำหรับสังคมยุคใหม่แล้วกระมัง
ใช่แล้วค่ะ อาจารย์
เพราะตอนนี้ตัวเองอยู่ได้เพราะมีกัลยาณมิตรที่ดีอยู่ข้างกายค่ะ
ในสังคมปัจจุบัน ยังมีคนดีๆอยู่อีกเยอะครับ เพียงแต่บังเอิญว่าคนที่เราพบเจอนั้น แสดงออกมาในทางที่ขัดใจกับเราบ้าง เพียงแต่เราเปิดใจรับ แผ่เมตตาให้เขาบ้าง เราบังคับคนอื่นไม่ได้ แต่เราสามารถควบคุมจิตของเราเองได้หากเรามีสติ
มาให้กำลังใจครับผม
ขอบพระคุณมากค่ะ คุณ hall
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกว่าพี่จะรู้ว่า นั่นคือการขัดใจเรา
เมื่อพี่ออกจากจุดนั้นแล้ว
ทำให้พี่เจ็บปวดกับเหตุการณ์นั้นมาก กว่าจะรักษาใจตัวเองได้
ใช้เวลาหลายปีทีเดียว แม้ปัจจุบันมันก็ยังเป็นตะกอน
ระลึกไว้เสมอว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเบื้องบนต้องการให้พี่เรียนรู้
เพื่อจะได้มาเจอเส้นทางแห่งสติปัญญาด้วยตนเอง