20 วิธีบรรเทาอาการโรคกรดไหลย้อนหรือเกิร์ด (GERD)


...

เป็นที่ทราบกันดีว่า เมื่อโลกของเราเปลี่ยนไป รูปแบบของโรคภัยไข้เจ็บก็จะเปลี่ยนไปตามยุคสมัยด้วย

กล่าวกันว่า ยุคนี้เป็นยุคที่โรคแผลกระเพาะอาหารและแผลลำไส้จากน้ำย่อย (peptic ulcer disease / PU) ลดลง เปิดโอกาสให้คลื่นลูกใหม่คือ โรคกรดไหลย้อนหรือเจ้า "เกิร์ด (gastroesophageal reflux disease / GERD) ได้แจ้ง "เกิด" จนกลายเป็นโรคสุดฮิตแทน

...

ภาพที่ 1 > แสดงกระเพาะอาหารที่มีลักษณะเป็นถุง ภายในบรรจุอาหาร น้ำ ลม (อากาศ) และน้ำย่อยซึ่งปกติจะมีฤทธิ์เป็นกรด [ ที่มาอ้างอิงไว้ด้านล่าง ]

  • โปรดสังเกตว่า ด้านบนหลอดอาหารจะมีหูรูด (sphinctor) ซึ่งมีรูปร่างคล้าย "คอคอดขวด (bottle neck)" ทำหน้าที่เปิดให้อาหารและน้ำไหลลงได้ อากาศหรือลมไหลขึ้นได้ (เวลาเรอหรืออาเจียน)

...

  • ปกติหูรูดนี้จะไม่ยอมให้อาหาร น้ำ และกรดไหลย้อนขึ้นไปทำให้หลอดอาหารอักเสบ เนื่องจากหลอดอาหารของคนเราไม่ทนกรด (จากกระเพาะอาหาร)
  • คนที่เป็นโรคกรดไหลย้อนจะมีการ "ขย้อน" หรือไหลย้อนกลับของอาหาร น้ำ หรือน้ำย่อยจากด้านล่างขึ้นด้านบน

...

ท่านอาจารย์ ผศ.นพ.ปารยะ อาศนะเสน ผู้เชี่ยวชาญโรคหู คอ จมูก แห่งคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลได้ตีพิมพ์คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่อง "เกิร์ด / GERD" คำแนะนำนี้ตีพิมพ์โดยบริษัทเอไซ

ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟังครับ

...

ภาพที่ 1 > แสดงกระเพาะอาหารที่มีลักษณะเป็นถุง ภายในบรรจุอาหาร น้ำ ลม (อากาศ) และน้ำย่อยซึ่งปกติจะมีฤทธิ์เป็นกรด [ ที่มาอ้างอิงไว้ด้านล่าง ]

...

ปกติร่างกายคนเรามีกลไกป้องกันโรคกรดไหลย้อนจากล่างขึ้นบนหลายกลไกได้แก่

  • หลอดอาหารจะมีการบีบไล่อาหารและน้ำในทิศทางจากบนลงล่าง > ทำให้อาหาร น้ำ และน้ำย่อยไหลจากหลอดอาหารลงสู่กระเพาะอาหาร

...

  • หูรูดส่วนล่าง (บริเวณคอคอดขวดในภาพ) ของหลอดอาหาร (อยู่เหนือกระเพาะอาหารเล็กน้อย) คอยบีบตัว คล้ายๆ เชือกที่รูดปากถุงข้าวสารไว้ไม่ให้ข้าวหก
  • กระเพาะอาหารจะมีการบีบไล่อาหาร น้ำ และน้ำย่อยในทิศทางจากบนลงล่าง > ทำให้อาหาร น้ำ และน้ำย่อยไหลลงสู่ลำไส้เล็ก (อยู่ถัดจากกระเพาะอาหารลงไปด้านล่าง)

...

เรื่องของเรื่องคือ กลไกป้องกันเหล่านี้ทำงานได้น้อยลง หรือไม่ดีเท่าที่ควรในคนบางคน ซึ่งพบได้ประมาณ 1 ใน 5 จนถึง 1 ใน 6 ของประชากรทั่วไป

นั่นหมายความว่า ถ้าเราพบคน 5-6 คนจะมีคนที่มีโอกาสเป็นโรคกรดไหลย้อน 1 คน ซึ่ง 1 ในผู้โชคร้ายนี้คือ ผู้เขียนนี่เอง

...

โลกของเรามีประชากรประมาณ 6 พันกว่าล้านคน เพราะฉะนั้นถ้าเราจะเป็นโรคนี้ก็ไม่ต้องตกอกตกใจอะไร เนื่องจากมีคนป่วยเป็นเพื่อนเรามากถึงประมาณ 1,000 ล้านคน

กลไกที่โรคกรดไหลย้อนทำให้เกิดอาการต่างๆ อย่างกว้างขวางมีทั้งการทำให้เกิดการอักเสบจากกรดหรือน้ำย่อย และการกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติทำให้อวัยวะภายในเรรวน (ทำไมไปคล้ายใจคนก็ไม่ทราบเหมือนกัน)

...

อาการที่พบบ่อยจากโรคเกิร์ดหรือกรดไหลย้อนขึ้นหลอดอาหาร คอหอย หรือช่องปากได้แก่

  • ปวดแสบร้อนบริเวณหน้าอก > ฝรั่งจึงเรียกว่า 'heartburn' หรือร้อนเหมือนไฟลนหัวใจ เนื่องจากกรดไปทำให้หลอดอาหารอักเสบ

...

  • รู้สึกคล้ายมีก้อนจุกอยู่ในคอ เนื่องจากบางคนกรดไหลย้อนสูงหน่อย ทำให้กล่องเสียง หรือคอหอยอักเสบเลย
  • กลืนลำบากติดๆ ขัดๆ หรือกลืนเจ็บ เนื่องจากกรดไปทำให้หลอดอาหารอักเสบ แต่ถ้ากลืนอะไรไม่ลงนี่... ต้องรีบไปปรึกษาหมอใกล้บ้าน เนื่องจากอาจเป็นอาการของเนื้องอกในหลอดอาหารได้

...

  • เจ็บคอ แสบปาก แสบลิ้นเรื้อรัง โดยเฉพาะตอนเช้า เนื่องจากเวลานอนกรดจะไหลย้อนได้มากกว่าเวลาอื่นๆ
  • บางคนได้รสขมของน้ำดี หรือรสเปรี้ยวของกรด เนื่องจากกรดไหลย้อนสูงมากๆ > ถ้ากรดไหลย้อนมากจริงๆ อาจทำให้ฟันสึกกร่อน เสียวฟัน หรือฟันผุได้

...

อาการที่พบบ่อยจากโรคเกิร์ดหรือกรดไหลย้อนขึ้นกล่องเสียงได้แก่

  • เสียงแหบ โดยเฉพาะเสียงแหบตอนเช้า

...

  • ไอเรื้อรัง หรือหายใจไม่ออกตอนกลลางคืน
  • เป็นโรคปอดอักเสบบ่อยๆ > ข้อนี้พบในคนที่กรดไหลย้อนมากจนเอ่อล้นเข้าไปในหลอดลม

...

ทีนี้วิธีสู้ภัยพิบัติจากโรคกรดไหลย้อนหรือเจ้าเกิร์ดได้แก่

(1). ทำใจ

  • ไม่ว่าจะมีภัยพิบัติใดเกิดขึ้น... ขั้นแรกคือ ต้องทำใจให้ได้ เช่น ปลอบใจตัวเองว่า ไม่เป็นไร

...

  • คนในโลก 6 พันล้านคนเป็นโรคนี้ตั้ง 1 พันล้านคน เป็นแล้วโลกก็จะไม่ทำให้โลกแตกอะไร
  • ควรหัดตั้งสติให้ได้ว่า โรคนี้ถึงจะ "ไม่หาย" แต่คนเกือบทั้งหมดก็ไม่ได้ตายด้วยโรคนี้

...

  • คนที่ตายด้วยโรคนี้ (เกิร์ดหรือกรดไหลย้อน) มีน้อยมากๆ คือ หลอดอาหารบางคนอักเสบเรื้อรัง กลายเป็นมะเร็งหลอดอาหาร แต่ก็พบน้อยมากๆ ไม่อย่างนั้นเพื่อนๆ "ร่วมโรค" ของเราอีก 1 พันล้านคนคงจะตายเรียบไปหมดแล้ว
  • พอทำใจได้แล้วจะได้ตั้งใจอยู่กับมันให้ได้ และตั้งหน้าตั้งตาปรับเปลี่ยนแบบแผนการใช้ชีวิต (ไลฟ์สไตล์ / lifestyle) ให้เรื่องหนักกลายเป็นเรื่องเบาต่อไป

...

(2). ลดความอ้วน

  • ถ้าอ้วน > ควรหาทางลดน้ำหนัก เนื่องจากไขมันในช่องท้อง และไขมันรอบพุงต่างก็มีส่วนเพิ่มแรงดันในช่องท้อง ทำให้กรดไหลย้อนได้ง่ายขึ้น

...

(3). ลดเครียด

  • ถ้าเครียดง่าย > ควรหาทางลดความเครียด เช่น ออกแรง-ออกกำลังเป็นประจำ ฝึกหายใจช้าๆ ไม่เกิน 10 ครั้งต่อนาที วันละ 15 นาที ฝึกไทเกก-ไทชิ มวยจีน โยคะ ฯลฯ

...

  • เวลาดู TV ไทยต้องมีรีโมตไว้ใกล้ตัว > พอเห็นข่าวร้ายๆ เช่น ข่าวพวกประท้วงทั้ง 2 ฝ่าย ข่าว 3 จังหวัดภาคใต้ ข่าวชายแดนเขมร ฯลฯ จะได้รีบปิด TV หรือเปลี่ยนช่องทันที
  • ถ้ารู้ตัวว่า ขวัญอ่อน... อย่าไปดูข่าวการเมืองมากเกิน เพราะความเครียดจะทำให้เกิดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารออกมามากขึ้นได้

...

(4). เลิกบุหรี่

  • ถ้าสูบบุหรี่... ควรเลิกบุหรี่ เนื่องจากบุหรี่เพิ่มการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร

...

  • ถ้าไม่สูบบุหรี่... อย่าสูบเลยครับ
  • คนที่ไม่สูบบุหรี่มีโอกาสอายุยืนกว่าคนสูบบุหรี่ประมาณ 12 ปี แถมยังลดโอกาสป่วยหนักก่อนตายอีกประมาณ 1 ปี 8 เดือน เช่น ลดความเสี่ยง (โอกาส) เป็นโรคถุงลมโป่งพอง ซึ่งอาจถูกเจาะคอ ใส่เครื่องช่วยหายใจก่อนตาย ฯลฯ

...

(5). ไม่สวมเสื้อผ้าคับ

  • การสวมเสื้อผ้าคับเพิ่มความดันในช่องท้อง ทำให้กรดไหลย้อนขึ้นเบื้องบนได้ง่ายขึ้น

...

(6). ระวังท้องผูก

  • การเบ่งอะไรนานๆ โดยเฉพาะเบ่งถ่ายอุจจาระเวลาท้องผูก มีส่วนเพิ่มแรงดันในช่องท้อง ทำให้กรดไหลย้อนขึ้นเบื้องบนได้ง่ายขึ้น

...

  • วิธีป้องกันท้องผูกที่ดีคือ กินเส้นใย(ไฟเบอร์)จากพืชผักให้มากพอทุกวัน ดื่มน้ำให้มากพอ และออกแรง-ออกกำลังเป็นประจำ

...

(7). ระวังโรคไอ

  • โรคอะไรก็ได้ที่ทำให้ไอเรื้อรังจะทำให้กรดไหลย้อนขึ้นเบื้องบนได้ง่ายขึ้น เนื่องจากแรงดันในช่องท้องจะเพิ่มขึ้นมากเวลาไอ

...

(8). ไม่กินอิ่มเกิน

  • คนที่เป็นโรคกรดไหลย้อนหรือเกิร์ดควรแบ่งอาหารเป็นมื้อเล็กหน่อย วันละหลายๆ มื้อ เช่น วันละ 4-5 มื้อ ฯลฯ

...

  • การกินอาหารมื้อใหญ่ๆ โดยเฉพาะการไปงานเลี้ยงหรือกินฟรี จะทำให้อาหาร น้ำ และลมในกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้นมาก ผลคือ กรดไหลย้อนขึ้นเบื้องบนมาก

...

(9). ไม่กินข้าวคำน้ำคำ

  • การกินข้าวคำน้ำคำ หรือการดื่มน้ำตามหลังอาหารแทบทุกคำจะทำให้ปริมาณอาหาร น้ำ และน้ำย่อยในกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น ผลคือ กรดไหลย้อนขึ้นเบื้องบนมาก

...

  • ถ้าเป็นไปได้... ควรกินอาหารแค่พออิ่ม อย่าให้อิ่มเกิน อิ่มแล้วรอสักพัก 10-15 นาทีค่อยดื่มน้ำตาม

...

(10). ไม่กินไปพูดไป

  • การกินไปพูดไปจะทำให้เผลอกลืนลม(อากาศ)เข้าไปพร้อมอาหาร ทำให้ปริมาณอาหาร น้ำ และลมรวมกันมากเกิน ผลคือ กรดไหลย้อนขึ้นเบื้องบนมาก

...

(11). มื้อค่ำคำเล็กๆ

  • อาหารมื้อเย็นหรือมื้อค่ำควรฝึกกินคำเล็กๆ กินช้าๆ เคี้ยวให้ละเอียด และกินให้เร็วขึ้น เช่น ถ้ากินตอน 2 ทุ่มควรเปลี่ยนเป็น 1 ทุ่ม ฯลฯ และเปลี่ยนเวลากินข้าวเย็นให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ จนอาการทุเลาลง

...

  • การกินอาหารใกล้เวลานอนจะทำให้อาหารที่ตกค้างอยู่ในกระเพาะอาหาร น้ำ และน้ำย่อยไหลย้อนขึ้นเบื้องบนได้ง่าย เนื่องจากหลอดอาหารจะเปลี่ยนแกนจากแนวตั้งเป็นแนวนอน

...

  • เปรียบคล้ายขวดน้ำ... ถ้าเปลี่ยนจากแนวตั้งเป็นแนวนอนแล้ว น้ำจะไหลออกจากขวดได้ง่ายขึ้น
  • ยิ่งถ้าไม่กินข้าวเย็นแบบพระได้ยิ่งดี เพราะโรคเกิร์ดไม่ถูกกับข้าวเย็น และที่เสี่ยงแบบสุดๆ คือ มื้อดึก ซึ่งควรงดไปเลย

...

ภาพที่ 2 > แสดงแนวแกนของหลอดอาหารในท่านอน

  • การนอนหลังอาหารทันทีทำให้กรดไหลย้อนได้ง่าย เปรียบคล้ายการเอียงขวดใส่น้ำให้อยู่ในแนวราบ น้ำจะหกได้ง่าย
  • ทางที่ดีคือ ควรกินอาหารก่อนนอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง และไม่ควรดื่มน้ำมากๆ ก่อนนอนเช่นกัน

...

(12). ยืน เดิน หรือนั่งหลังอาหาร

  • การก้มตัว โดยเฉพาะการยกของหนักมีส่วนทำให้กรดไหลย้อนได้ง่าย

ภาพที่ 3 > แสดงแนวแกนของหลอดอาหารในท่าก้มตัวไปข้างหน้า

  • การก้มตัวไปข้างหน้า หรือเอี้ยวตัวไปด้านข้างหลังอาหารทันทีทำให้กรดไหลย้อนได้ง่าย เปรียบคล้ายการเอียงขวดใส่น้ำให้อยู่ในแนวราบ น้ำจะหกได้ง่าย

...

(13). ไม่ยกของหนัก

  • การยกของหนักหลังอาหารทันทีจะทำให้แรงดันในช่องท้องเพิ่มขึ้นมาก ผลคือ กรดไหลย้อนขึ้นเบื้องบนได้ง่ายขึ้นมาก

ภาพที่ 4 > แสดงการยกของหนักหลังอาหาร

  • การยกของหนักทำให้แรงดันในช่องท้องเพิ่มขึ้น ทำให้กรดไหลย้อนขึ้นเบื้องบนได้ง่ายขึ้น ทางที่ปลอดภัยกว่าคือ ไม่ยกของหนักภายใน 2 ชั่วโมงแรกหลังอาหาร

...

(14). กินอาหารไขมันต่ำ

  • อาหารไขมันสูง โดยเฉพาะอาหารประเภท "ผัดๆ ทอดๆ" หรืออาหารที่มีน้ำมันมาก เช่น กินสลัดผักแบบเทน้ำสลัดโชกหยาดเยิ้ม หรือกินแกงกะทิมากๆ ฯลฯ มีส่วนทำให้กรดไหลย้อนขึ้นเบื้องบนได้ง่ายขึ้น

...

(15). หลีกเลี่ยงอาหารบางอย่าง

  • อาหารบางอย่างอาจทำให้กรดไหลย้อนขึ้นเบื้องบนได้ง่ายขึ้น พวกเราที่เป็นโรคเกิร์ดควรสังเกตว่า เราถูกกับอาหารอะไร ไม่ถูกกับอาหารอะไร จดบันทึกไว้ ต่อไปจะได้ปรับเปลี่ยนได้ ฯลฯ

...

  • อาหารที่ไม่ถูกหรือแสลงกับโรคก็ควรกินแต่น้อย ไม่ต้องถึงกับงดจนเป็นศูนย์ เดี๋ยวชีวิตจะไม่มีความสุข
  • หลักการคือ ขอให้ชีวิตเรามีความสุขที่ได้มีโดยชอบธรรม ไม่ไปคดโกง ไม่ไปเบียดเบียนใคร และขอให้แสวงหาความสุขที่ได้โดยชอบธรรมนี้แต่พอดี ไม่เสพสุขมากจนทำให้ตัวเรา หรือคนอื่นเดือดร้อน

...

  • อาหารที่อาการทำให้โรคเกิร์ดหรือกรดไหลย้อนแย่ลงได้แก่ หัวหอม กระเทียม มะเขือเทศ อาหารจานด่วน(ฟาสต์ฟูด) ชอคโกแลต ถั่ว ลูกอม เนย ไข่ นม หรืออาหารรสจัดบางอย่าง
  • ถ้าดื่มนม... ควรเปลี่ยนนมเป็นนมไขมันต่ำ หรือนมไม่มีไขมัน

...

(16). ไม่ดื่มน้ำคราวละมากเกิน

  • การดื่มน้ำคราวละมากๆ เช่น 4-5 แก้วรวดเดียว ฯลฯ จะทำให้ปริมาตรอาหาร น้ำ และน้ำย่อยในกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น ทำให้กรดไหลย้อนขึ้นเบื้องบนได้ง่าย

...

(17). ไม่ดื่มเครื่องดื่มมากเกิน

  • ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มมากเกินด้วยเหตุผลเดียวกับข้อ (16) เครื่องดื่มที่อาจทำให้กรดไหลย้อนได้ง่ายคือ กาแฟ ชา น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง แอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์ ไวน์ สาโท ฯลฯ

...

(18). ลดน้ำอัดลม

  • น้ำอัดลมทำให้ปริมาตรของลม(อากาศ)และน้ำในกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น ผลคือ กรดไหลย้อนขึ้นเบื้องบนได้ง่ายขึ้น นอกจากนั้นยังทำให้อ้วนง่ายด้วย

...

(19). ลดน้ำผลไม้

  • น้ำผลไม้มีน้ำตาลมาก ทำให้อิ่มได้น้อย ทำให้ปริมาตรของลม(อากาศ)และน้ำในกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น ผลคือ กรดไหลย้อนขึ้นเบื้องบนได้ง่ายขึ้น นอกจากนั้นยังทำให้อ้วนง่ายด้วย

...

(20). นอนหัวสูง

  • นอนหัวสูงในที่นี้ไม่ใช่หนุนหมอนหลายๆ ใบ เนื่องจากการหนุนหมอนหลายๆ ใบจะทำให้ปวดคอได้ง่าย

...

  • วิธีที่ดีกว่าคือ การหาแผ่นไม้หรือแผ่นโลหะที่แข็งแรงมั่นคงมารองขาเตียงด้านหัวให้สูงขึ้น 6-10 นิ้ว เพื่อให้หลอดอาหารอยู่ในแนวตั้งมากขึ้นดังภาพ

ภาพที่ 5 > แสดงการใช้ของแข็งหนุนหัวเตียง

  • การรองหัวเตียงทำให้หลอดอาหารอยู่ในแนวนอนน้อยลง แนวตั้งเพิ่มขึ้น ทำให้กรดไหลย้อนขึ้นเบื้องบนได้น้อยลง
  • ถ้าเป็นไปได้... ควรหาอะไรป้องกันไม่ให้ลำตัวลื่นไหลตกไปด้านปลายเตียงด้วยจึงจะดี

...

ถ้าทำทุกวิธีแล้วอะไรๆ ยังไม่ดีขึ้น เรียนเสนอให้ปรึกษาหมอ เภสัชกร พยาบาล หรือหมออนามัยใกล้บ้าน เพื่อพิจารณาใช้ยาลดกรด (ทำให้การหลั่งกรดลดลง) และยาเสริมการทำงานของหูรูดหลอดอาหาร (ทำให้กรดไหลย้อนได้น้อยลง)

ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ

...

 

 

 

ที่มา                                                  

...

  • ขอขอบพระคุณ > ท่านอาจารย์ ผศ.นพ. ปารยะ อาศนะเสน ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล > แผ่นพับเรื่อง "ภาวะกรดหรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นไปในหลอดอาหารส่วนบนอย่างผิดปกติ (Gastroesophageal Reflux Disease: GERD)" > พิมพ์โดยบริษัท เอไซ (ประเทศไทย) มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ([email protected]).

...

  • ข้อมูลและการอ้างอิงในบล็อก "บ้านสุขภาพ" เป็นไปเพื่อส่งเสริมสุขภาพ และป้องกันโรค ไม่ใช่รักษาโรค
  • ท่านที่มีโรคประจำตัว หรือมีความเสี่ยงต่อโรคสูง... ควรปรึกษาแพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล เภสัชกร หรือหมออนามัยที่ดูแลท่านก่อนนำข้อมูลไปใช้

...

  • ขอขอบพระคุณ > อ.นพ.ศิริชัย ภัทรนุธาพร สสจ.ลำปาง + อ.นพ.โอฬาร ยิ่งเสรี ผอ.รพ.ห้างฉัตร + อ.อรพินท์ บุญเสริม + อ.อนุพงษ์ แก้วมา + อ.ณรงค์ ม่วงตานี > สนับสนุนเทคนิค iT. 
  • นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ ศูนย์แพทย์ชุมชน (CMU) แม่สัน-เมืองยาว โรงพยาบาลห้างฉัตร ลำปาง > 16 ตุลาคม 2551.

...

หมายเลขบันทึก: 217060เขียนเมื่อ 16 ตุลาคม 2008 22:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน 2012 01:00 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)

ต้องขอขอบพระคุณ คุณหมอมากๆ อีกครั้งนะคะ ดิฉันยังไม่ปิดเครื่องก็มีคำตอบจากคุณหมอมาให้อย่างทันใจจริงๆ นับว่าท่านเป็นผู้ใจบุญ และมีเมตตาธรรมกับเพื่อนมนุษย์มากดิฉันพึ่งทราบว่าขมปากเพราะอะไร มีอาการนี้มานานแล้วค่ะ เมื่อประมาณ 30 นาทีที่ผ่านมาก็มีอาการแสบหน้าอกก็คงจะเป็นกรดย้อนเหมือนไปสุมทรวงเลยนะคะ ที่คุณหมอบอกมา คงทำไม่ได้ก็เรื่องเคลียดนะคะ ก็จะพยายามจะได้มีสุขภาพดีไปนานๆ พร้อมกับทำใจไปด้วยนะคะ ขอให้คุณหมอมีสุขภาพดีเช่นกันค่ะ

- สวัสดีค่ะ คุณหมอ

- เป็นโรคที่เพิ่งรู้จัก และได้ยินบ่อยๆ เมื่อไม่นานมานี้แหละค่ะ ตอนแรกคิดว่า เป็นโรคที่คนเป็นคิดไปเองซะอีกค่ะ

-ขอบคุณค่ะ

-สวัสดีค่ะ คุณหมอ นพ.วัลลภ

-เป็นแบบที่คุณหมอบอกค่ะ

-แต่คุณหมอที่รักษาจะให้ทานยาก่อนอาหาร ชื่อmiracid 20 mg.1 เม็ด และทานmagesto tab(T.G3)1 หลังอาหาร

-และแนะนำให้ออกกำลังกาย ทานอาหารมื้อเย็นก่อน 6 โมงเย็น ค่ะ

-งดนำอัดลม และกาแฟ

-ขอบพระคุณค่ะ ที่ให้ความรู้เรื่องกรดย้อนกลับ(GERD)

สวัสดีครับ

ขอบคุณคุณหมอมากครับ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เป็นโรคนี้ครับ ผมสังเกตุว่าเริ่มเป็นเมื่อตอนที่ผมเครียดกับงานกับชีวิตมากๆ เป็นมาประมาณสามปีแล้ว อาการแสบร้อนที่ทรวงอกเฉพาะตอนนอนครับ

ตอนแรกที่เป็นก็กังวลมากกลัวจะไม่หาย เพราะเวลาเป็นมันทรมาณครับ มาทุเลาและเกือบจะไม่เป็นเลยตั้งแต่ประมาณสามเดือนมานี้เอง โดยใช้วิธีปล่อยกายปล่อยใจให้สบายผ่อนคลายกับทุกสิ่ง ร่วมกับการหายใจลึกยาวครับ

ขอขอบคุณ... คุณ napa 

  • อย่าเพิ่งตกใจเพราะเครียดนิดๆ หน่อยๆ ครับ
  • พวกเราเกือบทุกคนเครียดกันทั้งนั้น
  • ต่างกันอยู่ที่ว่า ใครจะทำใจเก่งกว่ากันมากกว่า
นิตยสาร Time เพิ่งตีพิมพ์ว่า ทหารอเมริกันที่ไปรบในสงครามอาฟกานิสถาน-อิรัก อาการหนักกว่าคนไทยเยอะแยะเลย ทั้งเครียด ทั้งฆ่าตัวตายสารพัด...

 

ขอขอบคุณ... คุณ tiva

  • คนเราเป็นโรคอะไรๆ มากมาย
  • โลกเรานี่... คนที่ไม่ค่อยป่วย "ไม่ค่อยมี" ครับ

ขอแสดงความยินดีกับคุณ krutoi ครับ

  • อาจารย์โชคดีมากๆ เพราะได้อาจารย์หมอที่ใส่ใจ ให้คำแนะนำ 
  • หมอที่ให้คำแนะนำนับว่า ช่วยเหลือคนไข้อย่างมาก เพราะจะต้องใช้เวลา และความพยายามเพิ่มขึ้นมากๆ

ขอขอบคุณประสบการณ์ตรงจากคุณดินดอนครับ... 

  • คำแนะนำของคุณมีคุณค่าต่อพวกเรามากๆ 

ที่เป็นอยู่ได้รู้มาบ้างนิดหน่อยจากคุณหมอที่ทำการรักษา แต่พอได้อ่านข้อความของคุณหมอวัลลภ แล้วได้ทราบอะไรที่ยังไม่ทราบอีกหลายอย่าง ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดี ๆ ค่ะ

ขอขอบคุณ... คุณ Oh!

  • ถ้าเรื่องนี้มีประโยชน์...
  • คงต้องยกความดีให้ท่านอาจารย์ปารยะ และบริษัทเอไซที่ทำแผ่นพับนี้ไว้ก่อนเลยครับ

ผมมีอาการดังนี้ครับ ก่อนที่จะแน่นหน้าอกทั้งสองข้าง แขนจะชาปวดกล้ามเนื้อ(อาการปวดแบบปวดเมื่อย)เหมือนจะหมดแรง แล้วอาการมันจะลามขึ้นมาแน่นที่หน้าอก หายใจไม่ออกและเจ็บหน้าอกทั้งสองข้าง ใต้คางเกร็งเอามือจับดูเหมือนมีลักษณะการเกร็งของกล้ามเนื้อใต้คาง และเหงื่อแตกเต็มหน้าผากเหมือนออกกำลังกาย มีอาการอย่างนี้ประมาณ 5-8 นาทีแล้วก็จะหายไป เป็นอยู่ 2 วัน วันแรกเป็น 3 ครั้ง ตี 2 และ ตี 5 และ 6 โมงเช้า โดยเป็นหลังจากการทานเบียร์ และไปหาหมอที่รพ. หมอบอกว่าน่าจะเป็น กรดไหลย้อน เพราะตรวจคลื่นหัวใจก็ปกติจึงให้ยามาทาน เป็นตัวยานี้ครับ

1. DOMPERIDONE (MOTILIUM(L)) 10m.g.

2. LOSEC MUPS

วันต่อมาไม่เป็นอะไร แต่หลังจากนั้น1วันมีอาการอีก เป็น 5 ครั้ง เว้นระยะห่างแต่ละครั้ง 1 ชม. จาก 5 โมงเย็น ถึง 4 ทุ่ม จึงอยากถาม คุณหมอวัลลภว่า ทำไมโรคกรดไหลย้อนของผมจึงไม่เหมือนกับที่อ่านในนี้เลย ของผมรู้สึกว่าอาการจะรุนแรงมากกว่าที่อ่านมานี้ครับ

เป็นไปได้ไหมว่าจะไม่ใช่โรคกรดไหลย้อน

ขอขอบคุณ... คุณฤทธิ์

  • โรคกรดไหลย้อนมีอาการไม่ค่อยจำเพาะ คือ โรคอื่นบางทีก็มีอาการแบบนี้ หรืออาการแบบนี้บางทีก็เป็นโรคอื่นได้

คนไข้ทุกรายที่มีอาการแน่นหน้าอก...

  • ควรได้รับการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ หรือรับไว้ในโรงพยาบาล 1 วัน (ถ้าเป็นไปได้)
  • เพื่อแยกว่า เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันหรือไม่

ถ้าอะไรๆ ยังไม่ชัดเจน...

  • อาจต้องขอความเห็นจากหมอโรคหัวใจ ว่า จะต้องตรวจอะไรเพิ่มหรือไม่ เช่น ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจตอนออกกำลัง ฯลฯ

เรียนเสนอว่า

  • ควรปรึกษาหมอโรคหัวใจ หรืออาจารย์หมออายุรแพทย์ โดยเล่าเรื่องเจ็บหน้าอกร้าวไปคางไปด้วย
  • เรื่องเร่งด่วนคือ น่าจะหยุดเบียร์

เบียร์ทำให้โรคเลยร้ายลง

  • ถ้าเป็นโรคกรดไหลย้อน > เบียร์ทำให้เกิดลมในท้อง ทั้งน้ำทั้งลมจะทำให้กรดไหลย้อนรุนแรง และผลการรักษาจะไม่ดี ถ้าไม่เลิกเบียร์
  • ถ้าเป็นโรคหัวใจ > เบียร์ทำให้น้ำและลมในท้องมากขึ้น ทำให้เลือดจากช่องท้องไหลเวียนช้าลง (จากแรงดันในช่องท้องมากขึ้น) อาการโรคหัวใจจะแย่ลง
  • ถ้าเป็นโรคตับอ่อนอักเสบ > บางทีอาการปวดท้องทะลุหลังก็ไม่ชัดเจน แต่เบียร์หรือเหล้าเป็นปัจจัยกระตุ้นที่รุนแรงมาก

สวัสดีค่ะคุณหมอ

ราณีก็เป็นผู้โชคร้ายคนหนึ่ง อิอิ แบบว่าอ่านบันทึกนี้จึงรู้ว่าเป็นโรคนี้หรือเปล่า เพราะต้องเข้าโรงพยาบาลมาแล้วด้วยโรคนี้ คลื่นไส้เหมือนจะอาเจียน ตอนแรกก็ไอ เหมือนมีอะไรจุก หลังๆ คลื่นไส้หนักมาก  บางครั้งอาเจียนเลย และจุกอยู่ที่อก หมอบอกว่ากรดในกระเพาะสูงเกิน ลามมาถึงหลัง ทำอะไรไม่ได้เลย ไม่หายง่ายๆ เลย ไม่รู้ใช่โรคเดียวกันหรือเปล่าค่ะ ขอบคุณบันทึกของคุณหมอมากที่ทำให้หันกลับมาดูแลตัวเองด้วย (จริง ๆ ก็โดนหมอที่ไปหาดุเหมือนกัน แบบรู้จักกันเขาเลยดุได้เนื่องจากเป็นหลายรอบ และหนักขึ้นเรื่อย ๆ)

ขอขอบคุณ... คุณ Ranee

  • ไม่ต้องตกใจครับ
  • คนในโลก 5 คนจะมีโรคนี้ประมาณ 1 คน
  • อาการมากบ้างน้อยบ้าง
  • ผมก็เป็น...
  • ถ้าใช้ยาไปอย่างเดียว ผลการรักษาจะไม่ดีเท่าการปรับเปลี่ยนตัวเราไปด้วย

ไม่ทราบว่าจะเป็นโรคนี้หรือเปล่าคะ เพราะมีอาการยอกหน้าอก แสบลำคอ และหน้าอกจากกรด รวมถึงปวดท้องด้วย เวลาทานอาหารไปสักพัก จะมีน้ำย่อยออกมาเอ่อล้นอยู่ที่ลำคอตลอด ท้องบวมเลยค่ะ บางครั้งทรมานมากจนต้องดื่มน้ำ และอาเจียนเอาน้ำย่อยออกมาบ้างก็จะค่อยยังชั่วนิดหน่อยค่ะ ตอนนี้เหมือนเป็นหนักมาก ทรมานสุด ๆ เลยค่ะ เป็นมาเกือบสองเดือนแล้วค่ะ เป็นทั้งวันเลย แต่ก่อน ยังมีเวลาเป็น ๆ หาย ๆ แล้วก็มีอาการอีกอย่างค่ะ คือพอน้ำย่อยล้นมาก ๆ เข้าหูเลยพลอยมีเสียงวิ๊ง ๆ ผ่านมาเป็นระยะ ๆ แล้วก็หายค่ะ

บล็อก "บ้านสุขภาพ" ไม่มีนโยบายในการวินิจฉัย หรือรักษาโรคออนไลน์ครับ เราเน้นส่งเสริมสุขภาพ และป้องกันโรค

ตอนนี้เป็นอยู่เหมือนกันครับ ไปมาหลางโรงบาลแล้วครับก็ยังไม่หายเลยครับ มันทรมานมากๆเลยครับ ทานอาหารอะไรไม่ได้เลย แถมยังแน่น จุก ที่หน้าอกอยู่ตลอดเวลาเลยครับ รบกวนคุณหมอช่วยแนะนำหน่อยครับ....ขอบคุณครับ

ง่ายที่สุดคือ ทำตามคำแนะนำของท่านอาจารย์ปารยะ และหายาลดกรด เช่น omeprazole (โอมีพราโซล) มากินก่อนอาหารครึ่งชั่วโมง เช้า-เย็น ฯลฯ หรือจะกินก่อนนอน (ควรห่างจากมื้ออาหาร 3 ชั่วโมงขึ้นไป ถ้าเป็นหลังอาหาร) ครั้งเดียว 2 เม็ดก็ได้

  • ยานี้มีที่สถานีอนามัย เม็ดละ 1 บาทกว่าๆ เท่านั้นเอง (ถ้าลงทะเบียนรักษาที่สถานีอนามัย หรือโรงพยาบาลชุมชนไม่เสียค่ารักษาครับ)

ถ้ากินแล้วยังมีอาการให้ลองกินยาลดกรดเสริม ถ้าไม่ดีต้องปรึกษาหมอใกล้บ้าน

  • นี่เป็นคำแนะนำกว้างๆ ไม่ใช่การวินิจฉัยหรือคำแนะนำในการรักษาโรคออนไลน์
  • ไม่ว่าจะเป็นโรคอะไร... ควรปรึกษาหมอใกล้บ้านเสมอ

ผมมีอาการจุกแถวหน้าอกบริเวณลิ้นปี่แต่ไม่
ค่อยบ่อยครับ และมีเลอเปรี้ยวบางครั้ง และมี
อาการเจ็บที่โคนลิ้นและลิ้นเป็นสีขาวช่วงเป็น
ช่วงแรกๆลิ้นเป็นดวงกลมเหมือนร้อนในเป็นๆ
หายๆครับไปหาหมอ คอ หู จมูกหมอท่านบอกว่าเป็นกรดไหลย้อนแต่ตอนนี้อาการลิ้นเป็นดวงเหมือนร้อนในหายแล้วก็
จะเหลือแต่อาการจุกอกกับเลอเปรื้ยวและลิ้นขาวคุณหมอที่ผมไปตรวจบอกว่าอาการลิ้นขาวเป็นเพราะกรดที่ไหลย้อนออกมากลัดลิ้นเราคือผมยังไม่ค่อยเข้าใจและคิดมากเรื่องลิ้นขาวว่าจะเกี่ยวกับกรดไหลย้อนรึปล่าวอยากให้
คุณหมอช่วยไขข้อข้องใจให้หน่อยครับ ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะคุณหมอ

ดิฉันมีอาการเหมือนมีอะไรมาติดที่คอ แล้วก็เรอบ่อย หลังทานอาหารก็จะอาเจียนเป็นประจำค่ะ แต่ไม่มีอาการแน่นหรือแสบหน้าอก นี่คืออาการกรดไหลย้อนหรือป่าวค่ะ

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท