ผมทำงานในบทบาทของงานส่งเสริมการเกษตร ซึ่งมักจะตกเป็นจำเลยของสังคมทุกครั้งหากมีปัญหาเกี่ยวกับการผลิตทางการเกษตร แม้ว่าเราจะไม่ได้เป็นผู้กระทำโดยตรง เช่น
* พืชบางชนิดมีผลผลิตล้นตลาด-ขาดตลาด
* สินค้าการเกษตรมีราคาถูก-แพง
* เกษตรกรมีการใช้สารเคมีมาก
* ฯลฯ มากมาย
การที่ถูกตำหนิหรือว่ากล่าวอย่างใด พวกเราก็คงไม่คิดที่จะโต้แย้ง เพราะมันคงไม่เกิดประโยชน์หรือผลดีอะไรขึ้นมา ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าส่วนมากปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากพวกเราเลยแม้แต่นิดเดียว
ในการผลิตพืชเพื่อให้มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อมก็เช่นเดียวกัน ปัจจุบันมีหลายหน่วยงานหันมาสนใจ และทำงานเกี่ยวกับการรณรงค์เพื่อให้เกษตรกรลด ละ เลิกใช้สารเคมีกันมาก เหตุผลก็คือเพื่อความปลอดภัยอะไรประมาณนั้น ไม่เว้นแม้แต่หน่วยงานส่งเสริมการเกษตรของพวกเราก็จะมีโครงการต่างๆ มากมายที่เกี่ยวข้องกับการจะทำให้มีการผลิตพืชที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน
ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่ดี เป็นวิธีการที่ดี แต่หากจะให้สำเร็จ ส่งผลไปถึงการเลิกใช้สารเคมีของเกษตรกรกันทั้งหมดนั้นน่าจะเป็นไปได้ยาก แม้เราจะทุ่มเททรัพยากรกันหมดทั้งประเทศที่มีอยู่ในขณะนี้เลยก็ตาม เหตุผลก็คือการทำงานปัจจุบัน เราทำงานกันแบบแยกส่วน ทำกับบางกลุ่ม บางหน่วยงานเท่านั้น ต้นตอและสาเหตุที่แท้จริงไม่ได้รับการแก้ไข หากคิดอีกมุมหนึ่ง แบบตรงกันข้าม…มองต่างมุม ก็จะพบเห็นว่าสิ่งที่อยู่นั้นมีจุดอ่อนและสมควรได้รับการแก้ไขในหลายประเด็น
มองปัญหาแต่ด้านของคนปลูกแต่ไม่ได้มองในด้านของคนกิน-คนซื้อเลย
เราจะพบเห็นโดยทั่วไปว่าคนปลูกต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ ใช้สารนี้ดี สารนี้ไม่ดี ฯลฯ แต่เราไม่เคยรณรงค์เพื่อชักจูงให้คนกิน-คนซื้อเลยว่าควรทำอย่างไร เลือกซื้อเฉพาะสินค้าแบบไหน ประเด็นนี้ผมมีข้อมูลยืนยันจากการไปสอบถามคนปลูกผัก และปลูกพืชทั่วไปหลายพื้นที่ว่าพวกเขาไม่อยากใช้กันอยู่แล้วสารเคมี หรือบางคนไม่ใช้แต่กลับพบว่าคนซื้อไม่ซื้อผลผลิตของเขาเพราะใบไม่สวย ไม่อวบ…อิอิ
เราไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุที่แท้จริง
ประเด็นนี้ผมคิดเองนะครับ (บางทีอาจจะทำไม่ได้) สิ่งที่ผมมองก็คือ ในเมื่อเราก็รู้กันอยู่แล้วว่าสารเคมีบางชนิดไม่ปลอดภัย และสารเคมีเหล่านั้นล้วนนำเข้าจากต่างประเทศ…ทำไมเราไม่งดการนำเข้า เท่านี้ก็จะแก้ปัญหาได้ ระยะแรกอาจมีปัญหาบ้าง แต่เชื่อว่าในระยะยาวเราน่าจะสามารถปรับตัวได้ หรือว่ามันกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เหมือนรู้ว่าบุหรี่-เหล้าไม่ดี แต่กลับมีการตั้งโรงงานกันอย่างถูกต้อง แถมบางอย่างรัฐเสียเองเป็นผู้ผลิต-จำหน่าย
แค่ 2 ประเด็นนี้ก็พอจะทุเลาหรือแก้ปัญหาเรื่องเหล่านี้ไปได้ ยังมีอีกหลายช่องทางหากเราเอาจริงเอาจังกับมันแล้วปัญหาเรื่องการผลิตพืชให้มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมก็คงจะลดลงได้บ้าง
คิดเล่นๆ ครับ เพราะในทุกๆ ปัญหาย่อมจะต้องมีทางออกเสมอ และในการมองทุกสิ่งทุกอย่างเราคงไม่มองแต่เพียงมุมเดียว-ด้านเดียว เพราะจะทำให้เรามองได้ไม่ครอบคลุม และสุดท้ายก็จะแก้ไขอะไรไม่ได้ ผมก็ได้แต่สะท้อนมุมมองเล็กๆ น้อย ตามประสาของคนเล็กคนน้อยในระบบ ที่ได้ประสบพบมาจากการลงพื้นที่ซึ่งมักจะพบว่า เพียงส่วนของเรานั้นแก้ปัญหาเหล่านี้ยากที่จะมำเร็จ ต้องร่วมกันคิด-ทำ 360 องศาจากทุกๆ ฝ่าย
บันทึกมาให้ได้แลกเปลี่ยนกันเท่านั้นจริงๆ ครับ ท่านผู้ผ่านมาจะเพิ่มเติมก็ขอเชิญเลยครับ
วีรยุทธ สมป่าสัก 1 ตุลาคม 2551
เรียนท่านสิงห๋ป่าสัก เพื่อนรักนักพัฒนา
จะปลูกอะไรสักอย่าง กว่าจะได้ผลผลลิต ก็ยากอยู่เหมือนกันนะค่ะ
ฉะนั้น ก้ควรเห็นคุณค่าอย่ากินทิ้งกินขว้าง อิอิ ขอบคุณค่ะ