BM.chaiwut
พระมหาชัยวุธ โภชนุกูล ฉายา ฐานุตฺตโม

ม็อบมาคันทิยา


ม็อบมาคันทิยา

วันนี้ไปร่วมทำบุญครบรอบ ๕๐ วันของอดีตเจ้าอาวาสวัดคอหงษ์ หาดใหญ่ ก็ได้คุยกับเพื่อนสหธัมมิกหลายรูป... เมื่อพาดพิงการเมือง สหธัมมิกรูปหนึ่งก็เล่าว่า กลุ่มคนที่ไปตะโกนด่าท่านนายกฯ คนใหม่นั้น มีผู้เรียกว่า ม็อบมาคันทิยา ... พอผู้เขียนได้ฟังก็เข้าใจทันที พลางวิจารณ์ว่า ผู้ที่เปรียบเปรยอย่างนี้ได้น่าจะเป็นมหาเปรียญ แต่จะมาจากนอกวัดหรือในวัด ข้อนั้นมิใช่ประเด็นที่ผู้เขียนสนใจ... ขณะที่สหธัมมิกอีกรูปก็บอกว่าเอาเรื่องนี้ไปเขียนได้ ดังนั้น คืนนี้ก็จะเล่าพอได้ใจความ...

สำหรับผู้จะเป็นมหาเปรียญชั้นต้นระดับ ป.ธ.๓ ได้ต้องแปล คัมภีร์ธัมมปทัฎฐกถา หรือที่เรียกกันว่า นิทานธรรมบท มีจำนวน ๘ เล่ม ซึ่งรวมนิทานไว้ร้อยกว่าเรื่องสั้นบ้างยาวบ้าง โดยเรื่องที่ยาวที่สุดคือ สามาวดี ซึ่งเป็นเรื่องแรกในเล่มที่ ๒ (ทุติโย ภาโค) ซึ่งมักจะเป็นเรื่องที่ครูบาลีนำมาให้นักเรียนหัดแปลเป็นเรื่องแรก และผู้เขียนก็เช่นเดียวกัน กล่าวได้ว่าวิชาแปลบาลีภาคปฏิบัติก็มีเรื่องสามาวดีนี้แหละเป็นครู... ม็อบมาคันทิยา ก็เป็นเหตุการณ์ที่อยู่ในเรื่องนี้ ผู้สนใจต้องการจะอ่านก็ คลิกที่นี้ แต่แนะนำว่าค่อยหาเวลาว่างอ่าน เพราะเรื่องนี้ยาวมาก อาจต้องใช้เวลาเกินกว่าชั่วโมงกว่าจะจบ ตอนนี้ก็อ่านเฉพาะประเด็นย่อที่นี้ก่อน...

ในเรื่องสามาวดีนี้ พระนางสามาวดี เป็นอัครมเหสีของพระเจ้าอุเทน ซึ่งพระองค์มีอัครมเหสีอยู่หลายพระนาง และในบรรดาอัครมเหสีเหล่านั้นรวม พระนางมาคันทิยา ไว้ด้วย... ที่เกิดม็อบขึ้นในเรื่องนี้ก็เพราะว่า พระนางมาคันทิยาเกิดความอิจฉาริษยาพระนางสามาวดี จึงได้ผูกเรื่องราวต่างๆ นานา ใส่ร้ายพระนางสามาวดี รวมทั้งการจ้างคนให้ไปคอยด่าพระนางสามาวดีด้วย... ซึ่งวิธีการของพระนางมาคันทิยาในนิทานครั้งกระโน้น อาจทำนองเดียวกับการก่อม็อบ ปลุกม็อบ หรือม็อบรับจ้างในยุคสมัยนี้ และอาจเรียกได้ตามชื่อของผู้บ่งการว่า ม็อบมาคันทิยา ...

นอกจากเหตุการณ์ม็อบมาคันทิยาแล้ว ในเรื่องนี้ก็ยังมีพระพุทธดำรัสที่ตรัสถึงผลกรรมของผู้ที่ประทุษร้ายต่อผู้อื่นที่ไม่มีความผิดไว้ด้วยว่าจะเป็นไปอย่างไร... ซึ่งประเด็นนี้ผู้เขียนก็คิดว่า การใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นที่ไม่มีความผิด ด้วยการสร้างข่าวลือให้เค้าเกิดความเสียหาย หรือด้วยการจ้างคนไปด่า ทำนองเดียวกับม็อบมาคันทิยาในเรื่องนี้ ก็จัดอยู่ในการประทุษร้ายต่อผู้ไม่มีความผิดด้วยเช่นกัน... ดังนั้น จึงขออัญเชิญคำแปลมาไว้ที่นี้

  • ผู้ประทุษร้ายในท่านผู้ไม่ประทุษร้าย หาอาชญามิได้ ด้วยอาชญา
  • ย่อมพลันถึงฐานะ ๑๐ อย่างใดอย่างหนึ่งทีเดียว 
  • คือ พึงถึงเวทนาอันหยาบ ๑
  • ความเสื่อม ๑
  • ความแตกแห่งสรีระ ๑
  • ความเจ็บไข้อย่างหนัก ๑
  • ความฟุ้งซ่านแห่งจิต ๑
  • ความขัดข้องแต่พระราชา ๑
  • ความกล่าวตู่อย่างทารุณ ๑
  • ความเสื่อมรอบแห่งหมู่ญาติ ๑
  • ความย่อยยับแห่งโภคะ ๑
  • อีกประการหนึ่ง ไฟป่าย่อมไหม้เรือนของผู้นั้น 
  • เพราะความแตกแห่งกาย เขาผู้มีปัญญาทราม ย่อมเข้าถึงนรก.

 

สังคมไทยปัจจุบันมีข่าวลือ มีการใส่ร้ายป้ายสี มีการปลุกม็อบ มีม็อบรับจ้าง ฯลฯ ซึ่งจริงบ้างเท็จบ้างเพื่อหวังผลประโยชน์ส่วนตัวหรือทางการเมือง... ผู้เขียนก็ไม่อาจยืนยันหรือคัดค้านได้ว่าฝ่ายใดถูกหรือผิด แต่สำหรับผู้ที่ประทุษร้ายต่อผู้ที่ไม่มีความผิดนั้น ถ้ากลัวเวรกรรม ไม่อยากจะประสบผลกรรมสนอง ๑๐ ประการเหล่านี้ ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ก็ควรหยุดคิดทบทวนอีกครั้ง...

เพราะ ผู้เขียนรู้สึกว่าเวรกรรมบางอย่างนั้นไม่ต้องรอชาติหน้า อาจเห็นผลทันตาในชาตินี้... 

 

หมายเลขบันทึก: 213107เขียนเมื่อ 30 กันยายน 2008 23:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 พฤษภาคม 2012 13:13 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

นมัสการพระคุณ เจ้า

ขอบคุณอาหารสมอง "อาคันทิยา"

ขออนุญาตินำไปขยาย ใช้ในเวทีชุมชนครับ

นมัสการพระคุณเจ้า อ่านแล้ว ก็ได้แง่คิดนะครับ กวิน อ่าน โลกทีปนี ของ พระธรรมธีราชมหามุนี (วิลาส ญาณวโร ป.ธ.9) มีอยู่บทหนึ่งท่านกล่าวถึง ไฟในนรก ที่ว่ามีพรานมาขอดื่มน้ำ ที่กุฎิพระเถระ แต่มองไม่เห็นน้ำในโอ่งเพราะบาปกรรมบังตา พระเถระทราบด้วยญาณว่า พรานผู้นี้ตายไปต้องตกนรก จึงชวนให้บวชบำเพ็ญความเพียร ต่อมานายพรานยอมบวชเป็นสามเณร แต่เมื่อนายพรานบวชแล้วก็เห็นภาพสัตว์ที่ตนได้ฆ่าจิตใจไม่สงบจึงจะขอสึก พระเถระ ท่านจึงบอกว่าก่อนสึกให้ไปตัดต้นไม้กิ่งไม้ รอบๆอารามเสียก่อนแล้วจึงสึก  สามเณรตัดกิ่งไม้ที่รกครึ้มรอบๆ อารามเสร็จแล้วพระเถระท่านก็มาสั่งว่าทำไมไม่เผากิ่งไม้เหล่านั้นเสียเล่า สามเณรบอกว่ากิ่งไม้มันยังสดอยู่ ต้องรอให้แห้งก่อน พระเถระจึงแสดงฤทธิ์ แหวกพื้นดินแล้วนำ ไฟในนรกมาประมาณ แสงหิ่งห้อย จุดลงบนกองกิ่งไม้สดนั้น กิ่งไม้สดก็มอดไหม้ไปเป็นจุรณ พระเถระกล่าวว่า ดูเอาเถิดขนาดไฟในนรกเพียงน้อยนิดยังทำลายกองกิ่งไม้สดให้มอดไหม้ได้ถึงเพียงนี้แล้วถ้าเจ้าต้องตกไปอยู่ในนรก จะได้รับความทุกข์ร้อนสักเท่าใด ด้วยเหตุนี้สามเณรควรเร่งบำเพ็ญเพียรเพื่อให้ได้ดวงตาเห็นธรรมจะได้นำพ้นจากอบายภูมิ ต่อมาสามเณร เกรงกลัวว่าตนจะต้องตกนรก แล้วถูกไฟในนรกเผาไหม้ จึงได้ตั้งหน้าตั้งใจบำเพ็ญกรรมฐาน จนพ้นจากสถานแห่งอบายภูมิได้ขอรับ 
 
นึกขึ้นได้ก็เลยโล่ง อกว่ายังพอมีทางรอดพ้นจากอบายภูมิเมื่อยามแตกกายทำลายขันธ์ ครับ กระผม

P บังหีม

 

  • มาคันทิยา มาคันทิยา มาคันทิยา ...

บังจำชื่อให้ถูกนะ (5 5 5...)

..............

P กวิน

 

  • อนุโมทนาที่อาจารย์นำนิทานมาเล่ายามดึก...

หนังสือที่พระเดชพระคุณท่านรจนาไว้ น่าอ่าน และควรแก่การสะสมสำหรับผู้สนใจพระพุทธศาสนาที่ไม่รู้บาลี...

..........

เจริญพร

กราบนมัสการพระคุณเจ้า 

  • ครูอ้อย มาตั้งใจอ่าน  และรับ อาหารสองในยามดึก  โรงเรียนจะปิดภาค ครูอ้อยมีเวลามากขึ้นที่จะอ่าน เขียน ต่อไปเจ้าค่ะ

กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ 

P ครูอ้อย แซ่เฮ

 

โยมครูอ้อยเข้ามารับสมองในยามดึก แต่อาตมาเข้ามาเจริญพรตอบรับในยามเช้า (.... )

จำได้ว่าตอนใช้โกทูโนระยะแรกนั้น ครูมักจะเข้ามาโพสต์ประมาณ ๔ นาฬิกา จนกระทั้งจำได้เลยว่า ถ้าเห็นครูเข้ามาก็ตีสี่แล้ว...

เจริญพร

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท