ผู้ป่วยยาเสพติดส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มผู้ป่วยที่มักจะขาดความใส่ใจในคุณภาพชีวิตของตนเอง ไม่สนใจในเรื่องการกินอยู่ การรักษาความสะอาดร่างกายตนเอง ช่องปากจึงเป็นอวัยวะที่มักจะถูกละเลยที่จะดูแลอย่างเหมาะสม จากการตรวจสุขภาพช่องปากในผู้ป่วยยาเสพติดโดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยสุรา จะพบว่ามีโรคเหงือกอักเสบ โรคฟันผุ เป็นโรคที่พบบ่อยที่สุด ซึ่งมักมีอาการปวดฟัน เคี้ยวอาหารไม่ได้ หรือมีการติดเชื้ออย่างรุนแรงในบริเวณช่องปากและใบหน้า อันจะส่งผลให้ไม่สามารถรับการบำบัดรักษาการติดยาหรือสารเสพติดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เจ็บป่วยหรือบางครั้งอาจรุนแรงจนเสียชีวิตได้
ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องมีกระบวนการส่งเสริมสุขภาพช่องปากของผู้ป่วยอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันปัญหาและเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้ป่วย ตลอดจนมีกระบวนการดูแลรักษาหากมีปัญหาเกิดขึ้นในผู้ป่วยแต่ละราย โดยทีมสหวิชาชีพที่เน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง โดยมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญดังนี้
1. ผู้ป่วยมีสุขภาพช่องปากที่ดี ไม่มีอาการเจ็บปวด การติดเชื้อหรือการอักเสบ ที่ขัดขวางกระบวนการบำบัดรักษายาเสพติด
2. ผู้ป่วยที่ผ่านการบำบัดรักษายาเสพติด มีความรู้ด้านทันตสุขภาพและสามารถดูแลรักษาสุขภาพช่องปากของตนได้อย่างเหมาะสม
สำหรับกระบวนการส่งเสริมสุขภาพช่องปากในผู้ป่วยยาเสพติดนั้น อาจแบ่งได้เป็น 3 รูปแบบขึ้นอยู่กับความสามารถในการดูแลตนเองของผู้ป่วยเป็นสำคัญ ในที่นี้จะแบ่งผู้ป่วยยาเสพติดตามความสามารถในการดูแลตนเองเป็น 3 ประเภท (categories)
D1 : ผู้ป่วยที่มีศักยภาพในการดูแลสุขภาพช่องปากตนเองได้ หมายถึง ผู้ป่วยที่ผ่านระยะบำบัดด้วยยาแล้ว หรือผู้ป่วยที่อยู่ในระยะบำบัดด้วยยา แต่มีอาการทั่วไปดีขึ้นจน ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติและสามารถดูแลสุขภาพช่องปากของตนได้เองD2 : ผู้ป่วยที่มีศักยภาพในการดูแลสุขภาพช่องปากของตนเองได้บางส่วน หมายถึง ผู้ป่วยติดยาทั่วไป ที่อยู่ในระยะบำบัดด้วยยา ยังคงมีอาการทางกายหรือทางจิตร่วมด้วย แต่หากได้รับการกระตุ้น จะสามารถทำกิจวัตรประจำวันและดูแลสุขภาพช่องปากตนเองได้
D3 : ผู้ป่วยที่ไม่มีศักยภาพในการดูแลสุขภาพช่องปากของตนเองได้ หมายถึง ผู้ป่วยติดยาทั่วไป ที่อยู่ในระยะบำบัดด้วยยา มีอาการทางกายและทางจิต จนทำให้ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันรวมทั้งดูแลสุขภาพช่องปากตนเองได้ จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากผู้อื่น
การส่งเสริมสุขภาพช่องปากของผู้ป่วยกลุ่มต่างๆ ให้เหมาะสมนั้น จำเป็นต้องประยุกต์ กิจกรรมต่างๆ ให้เหมาะสมกับสภาพของปัญหา บุคลากรและสิ่งแวดล้อมในแต่ละสถานพยาบาล โดยอาจพิจารณาประยุกต์จากแนวทางกว้างๆ ดังต่อไปนี้
ประเภทของผู้ป่วย |
แนวทางการส่งเสริมสุขภาพช่องปาก |
D1 |
§ จัดอุปกรณ์และสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการดูแล ทำความสะอาดสุขภาพช่องปากของตนเอง § จัดกิจกรรมส่งเสริมให้ ผู้ป่วยมีความรู้และความตระหนัก ใส่ใจในการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากของตนเอง เช่น การสอนทันตสุขศึกษา การย้อมแผ่นคราบจุลินทรีย์ทุก 1 เดือน |
D2 |
§ ใช้แนวทางเดียวกันกับกลุ่ม
D1 § เพิ่มการเฝ้าระวังและกระตุ้นเตือน ให้มีการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากของตนเองอย่างสม่ำเสมอ |
D3 |
§ กำหนดผู้รับผิดชอบในการช่วยเหลือผู้ป่วยในการดูแลรักษาสุขภาพช่องปาก |
รูปแบบการส่งเสริมสุขภาพช่องปากในหอผู้ป่วย
1. จัดให้ผู้ป่วยทุกคนมีแปรงและยาสีฟัน
2. สอนทันตสุขศึกษาเดือนละ 1 ครั้ง โดยผู้ช่วยทันตแพทย์ โดยให้มีการย้อมแผ่นคราบจุลินทรีย์ในผู้ป่วยแต่ละคน โดยการเคี้ยวเม็ดสีย้อมฟัน เพื่อกระตุ้นให้ผู้ป่วยเห็นความสำคัญและฝึกปฏิบัติการแปรงฟันอย่างถูกวิธี
3. เฝ้าระวังและกระตุ้นให้มีการแปรงฟันอย่างถูกวิธีวันละ 3 ครั้ง โดยมีการประเมินและบันทึกแบบเฝ้าระวังสุขภาพช่องปาก
4. จัดให้มีผู้รับผิดชอบในการช่วยแปรงฟันให้กับผู้ป่วยกลุ่ม D3 ซึ่งไม่สามารถดูแลตนเองได้ โดยอยู่ภายใต้การควบคุมกำกับของพยาบาล
5. ส่งต่อผู้ป่วยที่มีอาการ ปวด บวม
มีการติดเชื้อ ในช่องปากหรือปัญหาทางทันตกรรมอื่นๆ
ไปรับการรักษาทางทันตกรรมตามความเหมาะสม