ประโยชน์ที่เกิดกับทีมคุณเอื้อคือได้เรียนรู้ในเชิงนโยบายกับการปฎิบัติภารกิจที่อาจต้องเปิดรับการทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นที่มีภารกิจใกล้เคียงและกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน
และจะเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนการทำงานกับชุมชนในอนาคต
เช่น คุณเอื้อจาก กศน. อ.จำนง หนูนิล กล่าวว่า
หลักการจัดการความรู้และหลักการจัดการเรียนรู้ที่
กศน.ทำอยู่ค่อนข้างใกล้เคียงกันและสามารถบูรณาการกันได้และน่าจะเกิดผลสำเร็จที่ดี
นั่นคือการให้กลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ริเริ่ม รวมกลุ่มกันคิด
รวมกลุ่มกันทำ โดยครูจาก
กศน.ทำหน้าที่พี่เลี้ยงคอยให้คำปรึกษาแนะนำและประสานหาความรู้ในสิ่งที่เขาขาดมาเพิ่มเติมให้
และสำหรับโครงการนี้เชื่อว่าแม้โครงการจะจบไปแล้วก็เชื่อว่ากระบวนการเช่นนี้จะฝังแน่นอยู่ในกลุ่มชุมชนที่เป็นผู้ปฎิบัติหรือคุณ
ประโยชน์กับคุณกิจ
ซึ่งก็คือตัวแทนกลุ่มออมทรัพย์ต่าง ๆ สามารถเตรียมข้อมูล
เรื่องราวปัญหาและตามต้องการของชุมชนไปบอกกล่าวกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้โดยตรงโดยผ่านกระบวนการนี้
และทั้งเจ้าของปัญหากับผู้ที่รับผิดชอบก็จะด้านสื่อสารกันได้โดยตรง
ไม่ต้องมีขั้นตอนยุ่งยากเหมือนเดิม
และการมีวาระของการประชุมหรือการมาพบปะกันก็เป็นเหมือนการติดตามผลที่ต่างฝ่ายต้องกลับมารายงานความคืบหน้า
นายสมควร อินทวงศ์
กรรมการกลุ่มสัจจะออมทรัพย์ ม. 10 ต.บางจาก กล่าวว่า
การมีเวทีแบบนี้นับเป็นผลดีที่ภาคราชการเสนอตัวมาพร้อม ๆ
กันที่จะสนับสนุนการทำกิจกรรมของชุมชนให้เข้มแข็ง
ซึ่งในส่วนของกลุ่มตนก็ทำกันอยู่แล้วและกับกลุ่มอื่นๆ
ในตำบลก็มีการคุยกันแต่ก็เป็นในลักษณะค่อยเป็นค่อยๆไปไม่มีกระบวนการที่ชัดเจนอย่างนี้
ซึ่งมาประชุมแต่ละครั้งนอกจากจะได้มาเรียนรู้วิธีการบริหารจัดการของกลุ่มอื่น
ๆ ที่ทำสำเร็จ และการได้แสดงความคิดเห็น ซักถาม
และตอบคำถามกันในกลุ่มซึ่งเป็นบรรยากาศของความสนุกอย่างเล่าเพราะในที่สุดก็จะได้เป็นคำตอบหรือแนวทางสำหรับการทำงานต่อไปได้
ข้อสังเกตประการหนึ่งของการทำงานร่วมกันของหลายฝ่ายคือ
แม้แต่ละหน่วยงานต่างยังคงยึดวัฒนธรรมการทำงานในแบบเดิม ๆ ของตัวเอง
แต่การเกิดโครงการที่มีลักษณะบูรณาการที่จุดหมายและการนำกระบวนการจัดการความรู้เข้าไปร่วมในขบวนการเรียนรู้ของทีมในทุกระดับตั้งแต่ผู้ริเริ่มจนถึงผู้ปฎิบัติและรับประโยชน์
ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนวิธีคิดการทำงานที่มีลักษณะบูรณาการกันมากขึ้น
CEO
ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ
นายวิชม ทองสงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช คือ CEO
ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของโครงการนำร่องนี้เล็ก ๆ
ที่กำลังให้ผลไม่เล็ก
เพราะมีแนวโน้มของความสำเร็จอย่างสูงและเกิดการทำงานแนวใหม่ที่เรียกได้ว่า
“บูรณาการ”อย่างแท้จริง โดยมีพื้นที่เป็นตัวตั้ง
ซึ่งการทำงานลักษณะนี้ ผู้ว่าฯวิชม กล่าวว่า
โครงการนี้เกิดง่ายเพราะเริ่มจากงบซีอีโอ ที่ผู้ว่าสามารถตัดสินใจได้
แต่หากจะให้เกิดผลอย่างยิ่งยืนจริง ๆ นั้นจะต้องมีการวางแผนระยะยาว
ตั้งแต่การตั้งงบประมาณประจำปีของแต่ละหน่วยงาน
ซึ่งในระดับพื้นที่ควรมีการมาบูรณาการงบประมาณร่วมกันในภารกิจที่จะทำในพื้นที่และมีกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน
นั่นคือการบูรณาการทั้งงบประมาณและการปฎิบัติ ซึ่งน่าจะเป็นไปได้
เพราะจากจุดเล็ก ๆ
ซึ่งเป็นโครงการนำร่องที่กำลังเห็นผลของการบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกรณีนำร่องที่เริ่มด้วยเรื่อง
“องค์กรการเงินชุมชน”
ซึ่งเมื่อจบโครงการแล้วก็จะขยายผลไปทั่วทั้งจังหวัดได้
ซึ่งก็ต้องมาวางแผนกันต่อว่าจะบูรณาการงบประมาณจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วมาปฎับัติร่วมกันได้อย่างไร
ซึ่งจุดนี้ต้องเข้าหลักการของบประมาณด้วยนั่นคือ
หากของบปีนี้ก็เพื่อไปใช้อีก 1-2 ปีข้างหน้า
“
ที่นี่น่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ดี
เป็นการจัดการความรู้แบบบูรณาการ ถ้าตัวอย่างที่เป็น best
pratice ที่ดีจริง ๆ คือถ้างบของ fuction
ลงมาแล้วสามารถบูรณาการงบได้
เพราะที่ทำอยู่นี้มันง่ายเป็นงบซีอีโอเอง แต่ถ้าเป็นงบของหน่วยงานต่าง
ๆ
ที่จะเอาไปทำในพื้นที่เดียวกันหากเราบูรณาการ(เอามาลงขันกัน)ได้ก็จะดี
โดยยึดพื้นที่เป็นเป้าหมายแล้วมาบูรณาการงบกันลงไปทำทุกฝ่ายก็จะได้ประโยชน์ร่วมกัน
เป็นการบูรณาการงบ และบูรณาการปฎิบัติ
โดยการฝึกคนเข้าไปสู่ระบบ”
ผู้ว่าฯวิชม กล่าวอีกว่า
อย่างไรก็ตามการทำต้องคำนึงถึงระบบที่มาของงบประมาณด้วย
คือการบริหารโครงการกับการบริหารงบประมาณต้องไปคู่กัน
ทีนี้คำว่าการบริหารงบประมาณมันต้องคิดตั้งแต่เริ่มของโครงการไม่ใช่คิดตอนเริ่มงบมา
ในระบบทีมตอนนี้มีตัวอย่างว่าในจังหวัดสามารถรวมทีมได้แล้ว
ก็ให้เริ่มต้นตั้งแต่การคิดว่าความต้องการของประชาชนอยู่ตรงไหน
แล้วหน่วยงานภาครัฐจะช่วยอย่างไร
แล้วก็แยกย้ายกันเสนอในงบหน่วยงานของตน
การคิดเช่นนี้จะทำให้การพัฒนาพื้นที่เป็นไปอย่างต่อเนื่องไม่ใช่มารุมทำกันในช่วงปลายปีงบประมาณ
นายภีม ภคเมธาวี
ผู้ประสานงานหลักของโครงการ จาก ม.วลัยลักษณ์ กล่าวว่า
การทำงานร่วมกันของ หน่วยงานในจังหวัด ภายใต้โครงการนำร่อง แรก ๆ
ที่เข้ามาร่วมอาจเพราะเห็นว่าเป็นโครงการที่มีสถาบันการศึกษาเป็นเจ้าของงานหลัก
ส่วนหน่วยราชการก็มองแค่ว่าเป็นผู้เข้ามาสนับสนุนเพราะมีภารกิจเกี่ยวข้องอยู่แล้ว
จึงเป็นการเสริมภารกิจของหน่วยงาน
แต่การนำกระบวนการจัดการความรู้มาใช้อย่างเข้มข้น
และซึ่งทุกฝ่ายมีบทบาท มีความสำคัญเท่าเทียมกัน นั่นคือ
ในการทำงานที่พยายามจัดเป็น 3 วง คือ
วงคุณกิจเป็นวงปฎิบัติของชุมชนเลยทำกิจกรรมระดับชาวบ้าน
วงที่สองคือคุณอำนวย มาจากหน่วยงานที่มาร่วมมือ
วงที่สามเรียกว่าคุณเอื้อก็คือหัวหน้าหน่วยงานที่จะเอื้ออำนวยการมองวิสัยทัศน์การจัดสรรทรัพยากร
การมองบูรณาการซึ่งเป็นระดับหัวหน้า
การเรียนรู้ไม่ใช่แค่ภายในกลุ่มวงเดียวกันแต่ในการจัดเวทีแต่ละครั้งทุกฝ่ายก็จะได้เรียนรู้ซึ่งกัน
โดยในวงคุณเอื้อระดับจังหวัดนั้นผู้ว่าฯวิชมเสนอตัวเป็นประธานและแนะนำให้ใช้วิธีการประชุมแบบประบบผู้แทนกระทรวงที่ให้คุณเอื้อจากหน่วยงานต่าง
ๆ เวียนกันเป็นประธาน
ซึ่งนี่ก็คือกระบวนการจัดการความรู้แบบหนึ่งในวงคุณเอื้อ
กรณี
โครงการนำร่องฯ
และด้วยการทำงานลักษณะนี้จึงเป็นตัวอย่างของการจัดการความรู้ในวงราชการ
ที่ทำให้ว่า “บูรณาการ”เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
แม้ยังไม่เกิดผลสำเร็จ 100% ก็ตาม.
นายภีม ภคเมธาวี
หน่วยจัดการความรู้องค์กรการเงินชุมชน
ศูนย์บริการวิชาการ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
222 ต.ไทยบุรี อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช 80160
โทรศัพท์ (075) 673-529 โทรสาร (075)
673-525