"กระบวนการและกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย จะกระตุ้นให้เด็กที่มีความสนใจ หรือมีความสามารถแตกต่างกัน ได้มีโอกาสที่จะเรียนรู้ และค้นพบศักยภาพของตนเอง" เป็นแนวทางสำคัญในกระบวนการปฏิรูปการเรียนรู้ ตาม พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ที่ให้ผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด เน้นตัวผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ ดังนั้น "ครู" จึงเป็นบุคคลสำคัญที่ต้องค้นหาศักยภาพของผู้เรียน และจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับศักยภาพและความต้องการของผู้เรียน
จากข้อจำกัดหลายๆด้านในระบบการจัดการเรียนการสอนของไทย นอกจากถูกมองว่าเป็นระบบที่ล้มเหลว ยังถูกตั้งคำถามว่าจากระบบการศึกษาแบบเดิมจะเปลี่ยนไปสู่ระบบการศึกษาใหม่ได้อย่างไร จะสามารถทำให้เกิดความเป็นรูปธรรมได้จริงหรือไม่
ความจริงแล้วการจัดระบบการศึกษาแนวใหม่ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง มีโรงเรียนและครูจำนวนไม่น้อยที่ได้ลงมือปฏิบัติจริง "ครูประหยัด ฤาชากุล" ครูต้นแบบปี 41 วิชาภาษาอังกฤษ ระดับมัธยมศึกษา ของโรงเรียนไชยวานวิทยา อ.ไชยวาน จ.อุดรธานี เป็นผู้หนึ่งที่ได้ปรับบทบาทและรูปแบบในการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ด้วยการจัด"การเรียนรู้ภาษาอังกฤษแบบพึ่งตนเอง" ซึ่งเป็นรูปแบบการเรียนรู้ที่ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ร่วมกับเพื่อน หรือเรียนรู้ด้วยตนเองโดยปราศจากการควบคุมโดยตรงจากครู
จุดเริ่มของการจัดการเรียนรู้แบบพึ่งตนเองของ ครูประหยัด เกิดจากปัญหาที่นักเรียนแต่ละชั้น แต่ละระดับของโรงเรียนไชยวานวิทยา มีความสามารถในการเรียนรู้แตกต่างกัน ทำให้ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการเรียนรู้พร้อมกันในเวลาเดียวกันได้ การนำการเรียนรู้แบบพึ่งตนเอง มาใช้ในการจัดการเรียนการสอน ซึ่งครูประหยัดเริ่มมาตั้งแต่ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2535 จากนั้นได้มีการปรับปรุงแก้ไขเทคนิคต่างๆ ทั้งในด้านรูปแบบการสอน การฝึกนักเรียนด้วยเทคนิคหรือยุทธวิธีในการเรียนรู้ต่างๆ เช่น เทคนิคในการเรียน 4 ทักษะ คือ ฟัง พูด อ่าน เขียน , การกล้าแสดงออก , การยอมรับความคิดเห็นของเพื่อน , การประเมินตนเอง ฯลฯ รวมถึงการเตรียมสื่อเพื่อให้เหมาะสมกับระดับความสามารถของผู้เรียน ได้ช่วยแก้ปัญหาการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจนประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้
ทั้งนี้เพราะการเรียนรู้แบบพึ่งตนเอง นักเรียนสามารถเลือกเรียนรู้บทเรียน หรือฝึกทักษะได้ตามความถนัด ความชอบ และความเหมาะสมกับระดับความสามารถของตนเอง และที่สำคัญที่สุดทำให้นักเรียนสามารถประเมินผลการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ทราบความก้าวหน้าและจุดบกพร่องของตนเอง รวมทั้งสามารถนำไปปรับปรุงหรือพัฒนาตนเองได้
วิธีการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง และผู้เรียนมีความสุขในการเรียนรู้ที่ครูประหยัด นำมาใช้ แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน
1. ความศรัทธา ความจริงใจในการสอน รวมทั้งการเปิดใจกว้าง ยอมรับความคิดเห็นของนักเรียน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
2. การฝึกนักเรียน ส่วนสำคัญที่สุดที่จะนำนักเรียนไปสู่การเรียนรู้ด้วยตนเองได้ พัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างเหมาะสม โดยการฝึกจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ การฝึกโดยการให้นักเรียนมีส่วนในการเรียนรู้ ได้ลงมือปฏิบัติจริงในกิจกรรมต่างๆ และการฝึกด้วยการให้นักเรียนเป็นอิสระจากครู ครูจะเปลี่ยนบทบาทของตนเองจากผู้สอนมาเป็นผู้คอยช่วยเหลือ และคอยชี้แนะกรณีที่นักเรียนมีปัญหาในบทเรียน
3. การประเมินผล เป็นการวัดความก้าวหน้าในการเรียนของนักเรียน โดยการใช้ Record Card ซึ่งนักเรียนจะเป็นผู้บันทึกผลการเรียนด้วยตัวเอง จึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ทำให้ทราบว่านักเรียนได้อะไรจากบทเรียน มีจุดบกพร่องหรือมีปัญหาอะไร และควรทำอย่างไร
ผลจากการบันทึกจะเป็นแนวทางที่บอกได้ว่านักเรียนแต่ละคนควรจะเรียนในบทเรียนต่อไป ทบทวนบทเรียนเดิม หรือกลับไปเรียนในบทเรียนที่ง่ายขึ้น
ในกระแสที่หลายๆ คนพยายามผลักดันให้เกิดการปฏิรูปการเรียนรู้ "ครูประหยัด ฤาชากุล" โรงเรียนไชยวานวิทยา คือครูอีกคนหนึ่งที่ได้ปฏิรูปการสอนของตนเองไปสู้การปฏิรูปการเรียนรู้ของผู้เรียน สร้างต้นแบบการเรียนการสอนของตนเอง และขยายไปสู่เครือข่ายครูคนอื่นๆ ให้สามารถสอนโดยการบูรณาการ เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางตามการศึกษาแนวใหม่ ในไม่ช้าจากต้นแบบกลุ่มเล็กๆ เหล่านี้ ก็จะเบ่งบานไปสู่ครูทั่วประเทศ
ที่มา : http://www.onec.go.th
-ขอบคุณค่ะที่แวะมาทักทายทั้งสองท่านเลย