ไปไต้หวัน : วันแห่งการรอคอย


วันแห่งการรอคอย

            วันที่ 14 กันยายน 2551 ซึ่งเป็นวันที่ต้องรอลุ้นเป็นอย่างมาก แต่เนื่องจากรู้ล่วงหน้าแล้วว่าเครื่องบินมันไม่ออก เลยตื่นเอาราวๆเกือบ 9 โมง เพราะเมื่อคืนนอนดึก ต้องนั่งเฝ้า net ตรวจสอบสภาพอากาศไต้หวัน เลยได้รู้ว่า ไอ้เจ้าไต้ฝุ่นลูกนี้เธอมีชื่อว่า ซินลากอ (Sinlaku) เป็นภาษาไมโครนีเซีย ซึ่งเป็นชื่อเทพธิดาในนิยายของเขา ความเร็วตอนที่มันเข้าไทเปคือ 175 กม/ชม. ตลกดีนะครับ ศูนย์กลางไต้ฝุ่นอยู่ที่สนามบินพอดีพอดิบ มาถึงเช้าวันนี้มันลดความเร็วลงเหลือ 140, 130 และ 110 กม/ชม.ตามลำดับ เดาในใจและทึกทักไปว่า น่าจะเดินทางไปได้ เลยโทรศัพท์ติดต่อกับการบินไทยและพี่พิชัยอีกครั้ง ได้ความว่า เครื่องน่าจะเริ่มออกได้ในช่วงบ่ายวันนี้ เราทั้งสองน่าจะไป standby ที่สนามบิน และในวงเล็บก็คือ มันก็น่าจะเต็มอยู่ดีนั่นแหละ เพราะเครื่องบินมันไม่บินตั้งแต่เมื่อวันเสาร์แล้ว ฉะนั้นคนน่าจะตกค้างอยู่มากโข แต่พี่พิชัยบอกว่า เราทั้งสองน่าจะมีหนทาง เลยนัดเจอกันที่สนามบินตอนบ่ายสามโมงเย็น เพื่อขึ้นเครื่องเที่ยวห้าโมง (นี่นับว่าเป็นการกระทำที่หาญกล้ามาก เพราะกะว่าจะไม่สนใจการ standby เลยทีเดียว)

            แต่จะว่าไป มันก็ไม่ง่ายขนาดนั้นเลยครับ เพราะจริงๆแล้ว ทีมผมมีกันอยู่ 4 คน ผมกับพี่พิชัยได้ไปแน่ๆ ไม่หนทางใดก็หนทางหนึ่ง (ฮ่า ฮ่า อันนี้เป็นความลับจริงๆ) ส่วนอีก 2 คนนั้นดูท่าทางจะปิ๋ว เพราะคิวยาว และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เครื่องที่เขาจะได้ขึ้นกันก็คือเที่ยววันจันทร์ 5 โมงเย็นครับ ทางการบินไทยเขาบอกว่า เขาไม่รับผิดชอบเรื่องที่เครื่องบินไม่ออก เพราะว่ามันเป็นเรื่องของสภาพอากาศ ฉะนั้นก็ต้องรอเหมือนท่านอื่นๆ ส่วนผมและพี่พิชัยติดปีกแล้วครับ เราถูกให้ไปนั่งที่ชั้นธุรกิจซะอย่างนั้น ทั้งงงทั้งดีใจ โชคอะไรจะดีขนาดนี้ ฮา...

            เที่ยวบินรอบนี้บินได้นุ่มนวลโดยที่ไม่มีเค้าของการมีไต้ฝุ่นเลย มาโยกเอาแรงๆก็ต่อเมื่อกำลังจะลงจอด ฝนกำลังตกหนักทีเดียว เวลาสี่ทุ่มห้าสิบนาทีล้อเครื่องบินก็แตะรันเวย์ สนามบินที่นี่มีชื่อว่า Taoyuan ดูเก่าราวดอนเมืองบ้านเรา แต่ก็ดูคล่องตัว ตรวจคนเข้าเมืองก็ไม่ยืดยาด น่าชมเชย

            มีรถมารับผมกับพี่พิชัยถึงสนามบินครับ ออกจากสนามบินได้ ฝนก็ตกตูมๆ มีแต่ฝน ไม่มีลม แต่ก็นั่นแหละ ทัศนวิสัยมองไปไกลได้ราว 10 เมตรเท่านั้น รถที่นี่เขาวิ่งทางขวา คนขับนั่งด้านซ้าย ผมเลยออกอาการงงงงนิดหน่อย ทั้งที่ไม่ได้ขับเองเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อเขาเลี้ยวหรือแซง ต้องลุ้นตัวโก่ง เพราะไม่ชินกับรถชิดขวา และนั่งมาได้นาน 45 นาทีก็ถึงโรงแรม Ambassador ใจกลางเมือง

            การเดินทางวันนี้ก็เสร็จสิ้นลงด้วยความเหนื่อยอ่อน

หมายเลขบันทึก: 210495เขียนเมื่อ 21 กันยายน 2008 15:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน 2012 01:54 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ดีนะคะที่ได้ไปและกลับมาอย่างปลอดภัยค่ะ

เดินทางหน้าฝน..ต้องเสี่ยงเรื่องการเดินทางหน่อยค่ะ โดยเฉพาะทางเครื่องบิน ขอให้ปลอดภัยค่ะ พอลล่าไปใต้หวัน ช่วงต้นฤดูหนาวค่ะ ไม่หนาวเท่าไหร่ อากาศเย็นนิดๆ สบายดีค่ะ

พี่อุบลครับ

จริงๆแล้วการเดินทางนั้นลื่นไหลมาก ถ้าไม่รวมความหวาดเสียวที่จะไม่ได้ไปนะครับ

สวัสดีครับ paula ที่ปรึกษา~natadee

เรื่องเดินทางด้วยเครื่องบิน ถือซะว่า เขากคงไม่ยอมให้สินค้าราคาหลายร้อยล้านต้องร่วงหล่นลงมาง่ายๆหรอกครับ

ไต้หวันยามนี้ ร้อนตับแตกครับ

ตามมาอ่านเรื่องราวครับ...

ที่ ปาย ผมคุยกับน้องหมอสุพัฒน์แล้ว(เขาดีใจมาก) ปลายฝนต้นหนาว ไปเมื่อไหร่ แจ้งได้ทันทีครับผม

คุณเอกครับ

กำลังเครียดเรื่องการวางแผนการเดินทาง ยังไม่ลงตัว โรงแรมมีให้เลือกมากเหลือเกิน กำลังหมายตาไว้ 2-3 ที่ แล้วจะปรึกษามาอีกทีหนึ่ง

ส่วนเรื่องการเดินทางนั้นก็ยังคิดไม่ตก ใจผมอยากหารถขับเอง จะขึ้นเครื่องก็คงจะหลายตังค์ ลูกยังเล็กครับ สงสารทั้ง 2 คน หากตุเลง ตุเลง ไปแบบหนุ่มๆสาวๆ

ดีไม่ดี อาจไปจบที่เชียงใหม่ หรือไม่ก็เกาะช้างครับ

แล้วจะแจ้งข่าวมาเป็นระยะๆนะครับ

ฝากความคิดถึงให้หมอสุพัฒน์ด้วยนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท