ใกล้สิ้นปีงบประมาณของทุกๆ ปี จะต้องมีกิจกรรมหรือเหตุให้ต้องเดินทางอยู่เป็นประจำ เป็นธรรมดาของข้าราชการตัวเล็กตัวน้อย ที่ต้องชีพจรลงเท้าไปตามวิถี
เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากกลับจากไปล่องแม่น้ำน่านร่วมกับพ่อแม่พี่น้องชาวแซ่เฮแล้ว ยังไม่มีเวลาเขียนบันทึกเล่า ก็จำต้องเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า เดินทางไปที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เพื่อนำยุวเกษตรกรและครูที่ปรึกษาเข้าร่วมงานชุมนุมยุวเกษตรกรต้นกล้าเศรษฐกิตพอเพียงระดับชาติ ปี 2551 ระหว่างวันที่ 10 - 13 กันยายน 2551
ในการชุมนุมยุวเกษตรกรปีนี้ ได้ปรับเปลี่ยนชื่อโดยเพิ่มคำว่าต้นกล้าเศรษฐกิตพอเพียง เข้าไปอีก เพราะว่ามีภาคีหน่วยงานที่ดำเนินการพัฒนาเยาวชนต้นกล้าเศรษฐกิจพอเพียง อีก หลายๆ หน่วยมาร่วมงานด้วย คือ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ธนาคารออมสิน กระทรวงศึกษาธิการ สมาคมส่งเสริมยุวเกษตรกรแห่งประเทศไทยฯ มียุวเกษตรกรประมาณ 700 คน
ผมขอนำภาพบรรยากาศของการชุมนุมทั้ง 4 วันมานำเสนอผ่านบันทึกนี้ เผื่อว่าหลายๆ ท่าน รวมทั้งเพื่อนๆ นักส่งเสริมการเกษตรที่ไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมงาน จะได้ชมและเห็นกิจกรรมโดยสรุปได้
อิอิ....เป็นการปิดเพื่อความปลอดภัยครับ ไม่ใช่ม๊อบ ช่วงที่เดินทางเข้า อ.นครหลวงจะไปจังหวัดนครนายก
รฟท.ปิดถนน...อิอิ
พวกเราและยุวเกษตรกรต่างก็รายงานตัวและเข้าเรือนนอนเดียวกัน แต่แยกฝั่ง(ห้อง)ชายและหญิง เพราะต้องทำหน้าที่พี่เลี้ยงคอยดูแล จึงต้องนอนที่เดียวกัน อยู่เหมือนๆ กัน ที่นอนก็เป็นห้องนอนบนกองร้อยอย่างภาพที่เห็นครับ สะดวกสบาย เป็นเตียงเดี่ยว(แต่เรียงติดกัน...อิอิ) ใครนอนกรนหรือไม่งานนี้ไม่สามารถทราบได้ เพราะฟังแล้วแยกไม่ออก (ดังระงมไปหมด)....555
บรรยากาศภายในห้องพัก
ในการฝึกระหว่างการชุมนุน จะมีชุดครูฝึกของทหารเป็นผู้ควบคุม เพื่อสร้างเสริมและฝึกวินัย การทำงานเป็นทีม น้องๆ ทุกคนต่างก็ชอบและได้เรียนรู้อะไรดีๆ จากการร่วมชุมนุนในครั้งนี้
ฝึกการมีระเบียนวินัย
งานชุมนุนในครั้งนี้ สวมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเปิดงานชุมนุมฯ ในวันที่ 12 กันยายน และมีกิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ มากมาย เช่น นิทรรศการเศรษฐกิจพอเพียงมีชีวิต การนำเสนอผลงานของยุวเกษตรกรจาคทุกภาคี และการแสดงกิจกรรมนัทนาการของยุวเกษตรกรของทุกเขต ฯลฯ
ส่วนหนึ่งของภาพกิจกรรมระหว่างงานชุมนุนฯ
ภาพบริเวณเวทีก่อนที่สมเด็จพระเทพฯ จะเสด็จเปิดงาน
เนื่องจากฝนตกตลอดช่วงของการชุมนุม ในค่ำคืนที่ 12 มีงานนันทนาการและอำลา ต้องจัดกันที่สโมสรฯ ในโรงเรียนนายร้อย จปร. มีกิจกรรมที่ประทับใจของทุกๆ คนก็เห็นจะเป็นการจุดเทียนแห่งอุดมการณ์ โดยเริ่มจากการกล่าวคำเพื่อกระตุ้นและสร้างบรรยากาศ และทุกคนร่วมกันจุดเทียน แล้วนำเทียนแต่ละเล่มมาปักรวมกัน ก็จะเกิดเป็นแสงสว่างอันเจิดจ้า ซึ่งหลายๆ ท่านอาจจะได้เคยร่วม และเคยใช้มาบ้างแล้ว
เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ผมได้มีโอกาสได้ไปร่วมงาน และร่วมเรียนรู้ เพื่อปลูกฝังแนวคิดเกี่ยวกับการเกษตรและการนำแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ของเยาวชนกลุ่มหนึ่ง ที่คาดหวังว่าจะเป็นยุวเกษตรกรต้นกล้าเศรษฐกิจพิเพียง ดังชื่อของงานชุมนุมในครั้งนี้
บันทึกมาเพื่อการ ลปรร.
วีรยุทธ สมป่าสัก 16 กันยายน 2551
-สวัสดีครับอ้ายสิงห์
-หายไปซะนาน
-ไปร่วมชุมนุมยุวเกษตรมาคงได้อะหยังดี ๆ มาเยอะนะครับ
-ยินดีต้อนรับกลับ กำแพงเน่อ...
มาเยี่ยมยาม สิงห์ป่าสัก เพื่อนรัก นักพัฒนา ครับ
ลุงสิงห์ สวัสดีค่ะ
น่าสนุกจังเลย อิอิ
โหห เหมือนเข้าค่ายลูกเสือเลยค่ะ อิอิ
น่าสนุกจัง...มาทักทายค่ะ
"จุดเทียนแห่งอุดมการณ์ เพื่อกระตุ้นและสร้างบรรยากาศ และทุกคนร่วมกันจุดเทียน แล้วนำเทียนแต่ละเล่มมาปักรวมกัน ก็จะเกิดเป็นแสงสว่างอันเจิดจ้า"
นิสิตก็นำกิจกรรมในลักษณะเช่นนี้มาสร้างบรรยากาศในการทำกิจกรรม เพื่อจุดประกายในมิติของกิจกรรมค่ะ
สบายดีนะค่
กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพนะคุณสิงห์ป่าสัก
แวะมาทักทายด้วย
ว่างๆก็เชิญมาทางดินแดนล้านนาตะวันออกบ้างนะครับ
ยินดีต้อนรับเสมอ
สวัสดีครับ
.
อยากไปเข้าค่ายอีกจัง...
จากวันที่ปัยเข้าค่ายมา อยากบอกว่าได้อะไรหลายๆ อบ่าง มใกมาย ทั้ง ความสนุก ความอดทน ความสามัคคี และที่ต่างจากนั้น คือ... ฉันทำตัวให้เป็น ปะญหา แก่ทหารคนนึง ฉันขอเบอเค๊า ฉันโทคถยกับเค๊า แล้วเราก้ได้คุยกัน แรกๆ อะไรๆ ก็ดี แต่หลัง ๆ มา ฉันทำตัวห่างเค๊า มั่ยรับสาย เค๊า โกหก เค๊า จนมาวันนึง เค๊า ถามฉันว่า ทางบ้านเค๊า รู้จักกับผูหญิงคนนึง และจะให้เค๊าสองคนคบ กัน เค๊า เลยถาม ความรู้สึกฉัยว่าฉันคิดยังไง ฉันสับสน ฉันจึงกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว ฉันเป็นคนดึงเค๊าไว้ มั่ยให้เค๊าปัยรักคัยบอกฉันว่า ถ้าเราจะคบกัน ก็ได้ แต่ถ้าจะเป็นพี่กับน้องก็ได้ เค๊าจะดูแลฉันอยู่อย่างนี้ แต่ฉันมันเห็นแก่ตัวมั่ย ยอมรับรู้ความรู้สึกตัวเอง เค๊า จึงโทมาหาฉัน แล้วเค๊าก๊คุยด้วย พอเค๊าโทหาฉันก๊มั่ยรับ อีก เค๊า ก๊ คุย ดี กับฉันนะ ดีมากด้วย ย ย
วันนี้ ฉันกับ เค๊าเลิกกัน แล้ว ฉันเป็นคนบอกเลิกเค๊า ฉัน อยากบอกเค๊าดัง ๆ ว่า ฉัน 'ขอโทษ' ฉันใช้แต่อารม วันนี้ถึงเค๊าจะมั่ยให้อพัยฉัยก๊มั่ย เป็นรัย ฉัน แค่อยากบอก เค๊า แค่นั้น
(เด็กขอนแก่น ร.ร บ้านกุดกว้างประขาสรรค์)