จับได้แล้ว .....คนขโมยปลาข่อน


แกยื่นถุงมาให้ ในถุงส่วนใหญ่มีแต่ปลาช่อน ตัวโตๆ ปลาหมอตัวโตๆ และปลาหลด และลูกปลาช่อนขนาดหัวแม่โป้งอีกเพียบ
วันนี้เป็นวันแดดจัดอีกวัน ฉันปั่นจักรยานคู่ชีพมานา เพื่อมาตัดต้นโน หลังจากที่ไม่ได้มาตัดซะหลายอาทิตย์ เพราะเกิดอาการคันเป็นตุ่ม ตามแขน เพราะแพ้คายต้นข้าว อาการดีขึ้น เลยมาตัดซะหน่อย ขี่จักรยานมาถึงนา เห็นเงาใครบางคนตะคุ่มๆอยู่ในนา ดูพี่แกกะลังก้มๆ เงยๆ สงสัยคนมาเกี่ยวหญ้า ฉันคิดในใจ ว่าแล้วไปดูหน้าซะหน่อยดีกว่าว่า ใครกัน... ปั่นจักรยานมาใกล้ๆเลยเริ่ม เห็นว่าไม่ใช่คนมาเกี่ยวหญ้าแล้วแฮะ แต่พี่แกกะลังจับปลาข่อนในนาของฉันอย่างเพลิดเพลินตะหาก ฮึ่ม....จอดจักรยาน แล้วเดินลงมาที่คันนา สวมบทเจ้าของนา อารมณ์ดี เดินมาเงียบๆ( ทำเสียงโหวกเหวกเดี๋ยวเขาจะตกใจ ฮา...) เดินมาถึงแล้วพี่คนนั้นยังไม่สนใจ หรือแกมองไม่เห็นกันแน่นะ พอแน่ใจว่าแกไม่ทันเห็นแล้วฉันเลยแสดงตัว "ได้หลายบ่" "กะ...บ่หลายปานได๋" ลืมบอกไปว่า ในมือแกมีกระสอบปุ๋ยเย็ยเป็นถุงหูหิ้ว ในหั้นมีปลาของนาฉันดิ้นแด่วๆอยู่อ่ะ "ได๋ เอามาเบิ่งแน " แกยื่นถุงมาให้ ในถุงส่วนใหญ่มีแต่ปลาช่อน ตัวโตๆ ปลาหมอตัวโตๆ และปลาหลด และลูกปลาช่อนขนาดหัวแม่โป้งอีกเพียบ เยอะเหมือนกันแฮะ พี่แกสีหน้าเริ่มเปลี่ยน เมื่อฉันบอกว่า "เจ้าขื้อ มาเหยียบข้าวข่อยมุนเหมิด ?" "ข่อยม่า วางฮัน" "เบิง เจ้าเหยียบข้าวข่อยบักหลาย ฮู้บ่ ข่อยนี่หละเจ้าของนา เจ้ามาเฮ็ดจังซี่ได้จังได๋ ? แกหน้าถอดสีเลยพอรู้ว่าเจ้าของนามาแว้ว.... คงไม่รู้จะทำไงเลยแก้ตัวว่า "ตอนไถนา ข่อยกะมาไถให้ มากับพ่อใหญ่ใจ" "บ่เกี่ยวกัน พ่อใหญ่ใจ บ่แม่น เจ้าของนา แกแคเช่าเฮ็ดซือๆ" ฉันไม่รู้จะจัดการกับพี่คนหน้าซื่อคนนี้ยังไงดี เลยเรียกแกขึ้นมาจากนาซะ แล้วฉันก็จัดแจงเอากระสอบของแก มา เทปลาออก ตอนแรกคิดว่าจะเอาไปหมดดีไหม เพราะเป็นสิทธิ์ของเจ้าของนาอยู่แล้ว และมันก็เป็นปลาข่อนร่นสุดท้ายแล้วด้วย เพราะก่อนหน้านี้มีแต่คนมาแอบจับกันตั้งหลายรายแล้ว แต่ฉันไม่เคยมาเจอจังๆแบบ พี่คนนี้ สรุป ...ฉันเลือกเอาเฉพาะปลาตัวโตๆ และแบ่งปลาอีกครึ่งหนึ่งซึ่งส่วนใหญ่ตัวเล็กยกให้พี่คนนั้นไป แกไม่หึไม่อือเลย ได้แต่นั่งมองเฉยๆ ฉันก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรดี จะเอาหมดก็นึกสงสารแก แกอุตสาห์จับ ถึงแม้จะมาจับในนาของฉัน และเหยียบข้าวยับเยินไปหลายต้น แต่ถ้าให้ฉันจับคนเดียว ไม่รู้จะได้เยอะเท่าแกจับมั้ย ฮา.... " คราวหน้าอย่าเฮ็ดจังซี่ อีกเด๊อ " ฉันเตือนพี่แก "ข่อยบ่อยอยากเอาเรื่องซือๆดอก " แกเดินจากไปด้วยความเศร้าสร้อย และคงจะงงจนทำไรไม่เล็กน้อย ที่เจอเจ้าของนาเพี้ยนๆแบบฉัน เพี้ยนยังไง ? ก็เพี้ยนที่ไม่เอาเรื่องเขาน่ะสิ ถ้าเป็นคนอื่นเรื่องถึงตำรวจหรือผู้ใหญ่บ้าน ตามมาด้วยข้อหาลักขโมย และบุกรุกที่นาทำให้ต้นข้าวเสียหาย แต่ฉันดันไม่ทำแบบนั้น กลับมาถึงบ้านในตอนบ่าย ยื่นปลาข่อนให้แม่ป้า พร้อมกับบอกว่าเขามาขโมยปลา แกถามว่าทำไม ไม่เอาเรื่อง แจ้งผู้ใหญ่บ้านได้นะ เขาทำผิด เขามาขโมยของๆเรา ฉันบอกป้า เรื่องมันแล้วไปแล้ว ช่างเถอะ .....อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องจับปลาเอง ฮา....
หมายเลขบันทึก: 206359เขียนเมื่อ 6 กันยายน 2008 13:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน 2012 22:04 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศจึงเอาเนื้อเพลงสัญญาปลาข่อน ของเอกพล มนต์ตระกานต์ มาฝาก กับภาพท้องนาที่บ้านนอก

( เกริ่น ) ลมพัดข้าวดอ หัวใจอ้ายรอฟังข่าว
คึดฮอดผู้สาว ที่เคยเว้ากันปีก่อน
ว่าสิคืนนา ทุกคราเมื่อยามปลาข่อน
แต่พอเจ้าจร ปลาข่อนบ่เห็น...คำแพง

( แหล่........ )
บัดนี้ บัดนี้.........
อ้ายอยากขอกล่าวก้ำ ทวนความจำจั๊กกะหน่อย
ฝากผู้สาวส่ำน้อย ผู้หายจ้อยตั้งแต่นาน......
ตั้งแต่คราวอยู่บ้าน เว้าคำหวานกับอ้ายบ่าว
ยามหัวลมพัดจ้าว กลางฮวงข้าวก่องสลอน
น้ำแจนาปลาข่อน ปลาซิวซอนดิ้นด่อง ๆ
เอาสวิงค่อยซ้อน มาหมกพร้อมอีตู่นา
จ้ำหมกปลาสัญญาน้อง ว่าเฮาสองสิมั่นแก่น
ฮักเป็นแฟนก่อไว้ มื้อได๋พร้อมจั่งแต่งกัน
พอหลังจากมื้อนั้น เฮากะห่างน้อกันไป
เหลือแต่สัญญาใจ ที่แซในหัวใจ....ซื่อ
บัดหลายเดือนหลายมื้อ ฟังเขาลือน้องเป็นต่าง
สังคมเมืองเปลี่ยนร่าง ใจเคยตั้งกะเปลี่ยนตาม
เสริมความงามตามแฟชั่น ตาหวาน ๆ แอวกิ่ว ๆ
จมูกเสริมเติมแต่งคิ้ว มือสิบนิ้วเจ้าใส่แหวน
นั่งเคียงเสี่ยยิ้มแป้น ในเก๋งแวนติดฟิล์มดำ
เคยสัญญาแสนคำ เจ้าบ่จำ......เบิดคุณค่า......

เขาพาเที่ยวคาราโอเกะ ลืมเถียงนาเซที่เฮาเคยเว้าวอน

ลมหนาวมาน้ำขอดนาปลาข่อน เพลินแสงนีออนบ่ฮำฮอนฮักเฮา

อ้ายนั่งเหงาบนคันแทนากิ่ว มองเห็นปลาซิวดิ้นแด่วแด่วแดดเผา

ดั่งสัญญาอ้ายโดนฆ่าด้วยความเหงา เพราะถูกผู้สาวแฟนเก่าเพินตัดรอน

วอนสายลมทวงสัญญาปลาข่อน เบื่อแสงนีออนฟ่าวกลับคอนเด้อ..นาง

เบื่อแสงนีออนฟ่าวกลับคอนเด้อ..นาง..

 

 

สวัสดีค่ะ

ไม่รู้เลยว่าปลาข่อน เป็นสิทธิของเจ้าของนา เห็นคนแถวนี้ไม่สนใจเรืองนาของใครเลย รึว่าเราก็ไม่ได้สนใจเลยไม่รู้เรื่อง

สัญญาปลาข่อน

เห็นด้วยครับที่ไม่เอาเรื่องกัน เพราะสังคมชาวนาเราอยู่กันด้วยความเป็นพี่เป็นน้อง รู้จักแบ่งปันกัน กฎหมายนั้นเป็นการควบคุมมนุษย์ขั้นต่ำสุดของมนุษย์ครับ สิทธิชุมชน เป็นเรื่องละเอียดอ่อนครับ ถ้าดูจากวิถีแห่งชาวนาแต่เดิมนั้น เจ้าของนาก็มีสิทธิในข้าว พืช พันธุ์ที่ปลูก แต่สิทธิในสิ่งที่มีตามธรรมชาติ นั้นมักจะเป็น "สมบัติของสาธารณะ" เช่น พืชผัก ปู ปลา ในนา จะเห็นว่าแต่เดิมนั้น เราสามารถไปเก็บปู ปลา กุ้งหอย หรือผักที่ขึ้นเองในนาได้ อันนี้เป็นสิทธิสาธารณะหรือสิทธิหน้าหมู่ แต่ต้องไม่ไปละเมิดสิทธิเจ้าของนาคือข้าวที่เขาปลูกให้เสียหาย แต่ปัจจุบันอาจเปลี่ยนไปครับ เพราะมีเจ้าของนาหลายแห่งเลี้ยงปลา เลี้ยงกบ ในนาข้าวของตนเอง

แต่ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปอย่างไร การแบ่งปัน และคุยกันแบบฉันท์มิตร น่าจะเป็นสิ่งที่ดีครับ

สงสัยปลาจะเยอะนะครับ ชักอยากไปจับบ้างแล้วล่ะ

รู้ไหมว่าคอยอ่าน สนุกมาก อ่านแล้วมีความสุข อยากอยู่แบบนี้บ้างจัง แต่ไม่กล้าออกจากงานเพราะภาระเยอะ ยังต้องส่งลูกเรียนใช้เงินอีกมาก ไม่มั่นใจว่าทำนาจะมั่นคงพอที่จะส่งลูกเรียนสูงๆได้ เพราะเด็กเดี๋ยวนี้ใช้เงินเยอะ คุณใช้ภาษาได้ดีนะ อ่านแล้วผ่อนคลาย เราก็อยากเขียนได้แบบนี้บ้างจัง แต่รู้สึกบทความเราจะออกเครียดๆตามเจ้าของ

เราเป็นครูมันก็มีทั้งเรื่องเครียด แต่บางวันก็สนุก มีความสุขท่ได้เจอเหตูการณ์แปลกๆ บางวันก็ท้อแม้ผิดหวัง เศร้าเสียใจ เฮ้อ!ชีวิตมีหลายรสชาติ บางที่ก็ได้เรียนรู้อะไรดีๆจากนักเรียน เขียนไปไม่รู้จะสนุกเหมือนคนทำนาไหม แต่อย่าลืมเขียนบ่อยๆนะคะ ติดตามเหมือนติดนิยายเลย นึกซะว่าเผื่อแผ่ความสุขให้กันนะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

ขอบคุณ มิตรรักแฟนเพลงหลายๆ เด๊อคะ นี่ถ้าอยู่ใกล้ๆกัน จะชวนไปจับปลาข่อนนะเนี่ย

ปลาวันนั้น ได้แบ่งให้คนแก่แถวบ้าน ตัวเองเอามากิน 3 ตัว และทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้มันเรียบร้อยแล้ว ฮา....

น่ารักดีค่ะ

ดีแล้วล่ะที่ไม่เอาเรื่อง

  • ต้องดูว่าเข้าจับปลาสองมือหรือไม่
  • ถ้าจับปลาสองมือ
  • ตายยยยยยยยยยยย
  • อิอิ
  • แวะมาเยี่ยมค่ะ

 

                              

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท