โชคดีที่ผมป่วย : จาก “Hyper” สู่ “Hypo”


เราป่วยด้วยโรค “Hyper” นั่นสะท้อนให้เห็นว่า ร่างกายเราทนไม่ไหวกับชีวิตที่รีบเร่ง แดกด่วน ร่างกายต้องการผ่อนพัก ทำให้ตระหนักรู้ว่าถึงเวลาเราต้องกลับมาฝึกใช้ชีวิตแบบ “Hypo” นั่นคือชีวิตที่เนิบช้าลง เย็นลง

 

อโรคยา ปรมา ลาภา ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐโดยแท้ แต่หากป่วยแล้วถือว่าเป็นโชคร้ายหรือเปล่า ผมกลับมองว่าเป็นโชคดี ใครจะคิดว่าคนทำงานสร้างสุขภาพจะป่วย ภาษาชาวบ้านเรียกว่า ไฟไหม้บ้านหมอ ก็ในช่วงที่ผมกำลังสนุกกับงาน ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ลุยไปทุกที่ โดยเฉพาะงานชุมชน เรียกว่าทำงานหามรุ่งหามค่ำ อย่างบ้าคลั่งอยู่นั้น แต่แล้วในช่วงปลายปี ๒๕๔๔ ร่างกายผมก็เริ่มรับไม่ไหว ออกอาการให้เห็น ร่างกายผ่ายผอมลง ทั้งที่กินจุ จนใครๆ ก็ทักว่าผอมไป ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าเพราะตนเองทำงานมาก ไม่ได้พักเลยผ่ายผอม แต่นานวันเข้าก็เริ่มใจสั่น เหนื่อยง่าย จนที่สุดเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ปกติแล้วล่ะ จึงตัดสินใจไปพบแพทย์ แพทย์ตรวจร่างกายผมสักพักก็บอกว่า สงสัยเป็น Hyperthyriod” และให้ไปเจาะเลือดตรวจยืนยัน แล้วผมก็เป็น “Hyperthyriod” จริงๆ แพทย์ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจพบว่าหัวใจเต้นผิดปกติและเร็วมาก จึงให้ผมหยุดงานทันที ๑๐ วัน ทันทีที่ผมรู้ว่าต้องหยุดงานนานถึง ๑๐ วัน ผมได้แต่คิดว่างานต่างๆ ที่คลั่งค้างไว้ และที่รับปากเครือข่ายไว้ว่าจะไปช่วยจะทำอย่างไร หัวหน้าของผมบอกว่า หยุดคิดได้เลย สุขภาพสำคัญกว่า ดูแลตัวเองให้หายแล้วค่อยมาทำ งานที่ค้างอยู่คนที่อยู่เขาก็ทำได้

 

 

          ๑๐ วัน ที่ผมต้องหยุดงาน หยุดชีวิตที่รีบเร่ง มานั่งๆ นอนๆ และก็กิน ผมรู้สึกเบื่อตัวเองมากๆ มันไม่คุ้นชินเลย แต่ต้องจำยอม และในห้วงเวลานี้เองทำให้ผมได้มีโอกาสทบทวนตัวเอง ได้อ่านหนังสือผ่อนคลาย และตั้งคำถามกับตัวเองว่า....   

          เรื่องแรก คิดแบบเลวร้ายสุดๆ ถ้าเราตายไป ครอบครัวเราใครจะดูแล มีอีกหลายเรื่องเรายังไม่ได้ทำ 

          เรื่องที่สอง ถ้าไม่มีเราสักคน งานต่างๆ เดินไปได้ไหม สิ่งที่คิดไว้ใครจะสานต่อ

          เรื่องที่สาม อะไรคือสิ่งจริงแท้ของชีวิต ความหมายของชีวิตที่แท้จริงของเราคืออะไรแน่ แล้วเราได้ทำสิ่งนั้นแล้วหรือยัง

          ผมเริ่มคิด พิจารณาชีวิตตนเองอย่างใคร่ครวญ ลองทบทวนแก่นแท้ของชีวิต คิดทีละตอนๆ ๆ ๆ ๆ จนผมพบบทเรียนจากการป่วยที่สำคัญ และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงวิธีคิด และวิถีทางแห่งการปฏิบัติของตัวเอง

 

          บทเรียนจากการป่วย ที่ผมได้

          @ สังขารเป็นของไม่เที่ยง เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดาของสัตว์โลก จึงพึงระลึกรู้อยู่เสมอว่าความป่วย ความตาย จะมาเยือนเราเมื่อไรก็ได้ จงระลึกว่าขณะนี้อาจเป็นวันสุดท้ายของเรา

@ เราป่วยด้วยโรค “Hyper” นั่นสะท้อนให้เห็นว่า ร่างกายเราทนไม่ไหวกับชีวิตที่รีบเร่ง แดกด่วน ร่างกายต้องการผ่อนพัก ทำให้ตระหนักรู้ว่าถึงเวลาเราต้องกลับมาฝึกใช้ชีวิตแบบ “Hypo” นั่นคือชีวิตที่เนิบช้าลง เย็นลง

 

ผลพลอยได้จากการป่วย ที่เกิดขึ้นกับตัวผม

          @ เลิกดื่มเหล้า เบียร์ กาแฟ อย่างจริงแท้มาจนปัจจุบัน

@ หันมาดูแลกาย-ใจ ตนเอง ใส่ใจอาหารที่กิน ออกกำลังกายตามสมควร ฝึกดูแลใจที่วิ่งไปวิ่งมา

@ เลิกซื้อหนังสือที่เกี่ยวกับการพัฒนา, หนังสือวิชาการ ซึ่งที่ผ่านมามักจะซื้อเพื่อมาอ่านใช้เป็นแนวคิด บทเรียน ในการพัฒนางานของผมเอง แต่หันมาซื้อหนังสือที่เกี่ยวกับความเรียบง่ายและการเรียนรู้ภายในแทน จากจุดนี้เองทำให้ความคิดเริ่มตกผลึกในหลายเรื่อง

@ ฝึกตนเองในการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย และฝึกตนให้ไม่ประมาทในชีวิต

@ มีเวลาในการอ่านหนังสือ ปลูกผักสวนครัว อยู่กับครอบครัวมากขึ้น

@ พบกัลยาณมิตรอีกมุมหนึ่ง (มุมเรียบง่าย) ที่เราไม่เคยมีมาก่อน

 

เพราะผมป่วย ผมจึงได้เรียนรู้ เรียกว่า มิเห็นโลงศพ มิหลั่งน้ำตา

 

การป่วย มิได้เลวร้ายเสมอไป หากแต่มีแง่มุมความงามของการป่วยให้เราได้คิดทบทวนตนเอง ทำให้เราเข้าใจ โรค และ โลก ได้ ป่วยกายอย่าป่วยใจ หลายคนป่วยกายแล้วใจป่วยตาม ยิ่งป่วยหนัก ขอบคุณที่ผมป่วย มิเช่นนั้นอาจไม่ได้เรียนรู้ความงามอีกด้านของชีวิต ที่เราเคยมองผ่านเลยไป

ด้วยจิตคาราวะ

พ่อน้องซอมพอ

๕ กันยายน ๒๕๕๑

หมายเลขบันทึก: 205893เขียนเมื่อ 5 กันยายน 2008 10:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:31 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
  •  เห็นด้วยค่ะ  “อโรคยา ปรมา ลาภา”
  • ดูแลตัวเองให้แข็งแรง
  • จึงจะสามารถดูแลผู้อื่นได้
  • ได้บทเรียนจากการป่วย ..เป็นการพลิกวิกฤติเป็นโอกาส
  • ขอให้หายไว ๆ มีสุขภาพแข็งแรงตลอดไปค่ะ

ผมใช้เวลารักษาดูราวหนึ่งปีครับ ตอนนี้ก็ปกติดีครับ แต่ต้องดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง จากป่วยครั้งนั้นทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนมาจนถึงวันนี้ครับ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ

อาหารที่รับประทานเป็นอาหารประเภทไหนหรอคะ

จะได้นำมาใช้กับตัวเองบ้างค่ะ

เดือนนี้ทั้งเดือน เหนื่อยง่าย นน ลด สั่น มือเท้าเย็น เหมือนจะเป็นลมค่ะ แล้วไก่ก็ไปตรวจและแล้ววันนี้curve ขอลผลเลือดออกมาว่ากำลังใกล้จะเป็น heper แล้วค่ะ ยังไม่ได้ treat อะไร ยังไม่รู้ว่าจะจัดการกับตัวเองอย่างไรเลยค่ะ คงต้องใช้แนวคิดของพี่แล้วค่ะ ว่าทำอะไรให้ช้าลง ดูแลสุขภาพมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาทุ่มเทกับงาน กับการดูแลผู้ป่วยจนไม่ค่อยได้ดูแลตัวเอง เลยค่ะ แต่ถ้าอาการมากจนรบกวนการทำงานก็คงต้องเริ่ม treat ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท