เป้าหมายในการบวชก็คือ การเป็นผู้ต้องการเดิน บนเส้นทางที่ปลอดโปร่ง ไม่คับแคบเหมือนเส้นทางของฆารวาส
การสนทนาธรรม ระหว่างพระเจ้าอชาตศัตรู และพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เดิมนั้นต่างมีพระประสงค์ที่แตกต่างกัน
พระเจ้าอชาตศัตรู เสด็จมาเพื่อจะขอขมาต่อพระพุทธเจ้า ที่ได้ทรงเคยล่วงเกิน ร่วมสนับสนุน ให้พระเทวทัต ทำร้ายพระพุทธเจ้า และอีกข้อหนึ่งคือ ต้องการมาหาข้อแก้ไขพระองค์ หลังกระทำอนันตริยกรรม พระราชบิดาไปแล้ว และทรงมีอาการเจ็บป่วยทางจิตวิญญาณ คือการที่มิเคยมีความสุขอีกเลยในเวลาต่อมา
ในส่วนของพระพุทธองค์นั้น ทรงเป็นกัลยาณมิตรแด่มนุษย์และเทวดาเสมอ ทรงเป็นผู้ชี้ทางพ้นทุกข์ให้
พระพุทธเจ้า เป็นยิ่งกว่าบรมครู วิธีการสั่งสอนแต่ละคนนั้น ทรงมีญาณวิเศษ ล่วงรู้ถึงจริตผู้นั้นๆ และจะทรงใช้วิธีการที่เหมาะสมเฉพาะ
สำหรับพระเจ้าอชาตศัตรู ทรงมีปัญญามาก แต่ก็ทรงมีความหลงมาปิดบัง เป็นต้นว่าทรงศรัทธา หลงเชื่อต่อผู้แสดงคุณวิเศษเช่นพระเทวทัตอย่างง่ายดาย
เมื่อเวลาผ่านพ้นไป พร้อมกับได้ทรงกระทำกรรมหนัก และได้รับผลในปัจจุบันชาติทันที คือการไม่ได้รับการยอมรับนับถือ มีแต่การตำหนิติเตียน ให้เศร้าพระทัย และหวาดระแวง ตลอดเวลา
แต่ครั้นเมื่อทรงสำนึกได้ ก็มีความเพียรเสาะหา การแก้ไขพระองค์อย่างไม่ลดละ และมีสติในการพิจารณาไตร่ตรองได้ด้วยพระองค์เอง

เมื่อเริ่มเดินทาง ก็ย่อมถึงจุดหมาย
เมื่อคราวไปพบอาจารย์เจ้าสำนักทั้ง๖ แห่งนั้น เมื่อได้ทรงศึกษา แนวคิด ความเชื่อของเขาเหล่านั้นแล้ว ก็ไม่เป็นที่พอพระทัย เพราะบ้างก็ว่า บาปไม่มี บุญไม่มี,ฆ่าคนตาย ไม่บาป เหมือนการประหารธาตุที่มาประชุมกัน,บ้างก็ว่า คนเราเมื่อเกิดบ่อยๆเข้า ก็จะมีความบริสุทธิ์ขึ้นมาเอง และ ฯลฯ หล่านี้ จะให้พระองค์เชื่อได้อย่างไร ก็ทุกวันนี้ มิได้เรียกว่า บาปรักษาหรือ พระองค์จึงทรงระลึกถึงแต่เหตุูปิตุฆาต ทรงทรมานในดวงพระหทัย ที่ทรงฆ่า บุคคลที่มีแต่ความรักและปรารถนาดีต่อพระองค์ ก็ถ้าบาปไม่มีพลัง ไฉนจึงจะรู้สึกเจ็บปวด และอยากแต่จะหาวิธีผ่อนโทษให้ตัวเอง
ที่สงสัยมากที่สุดคือ เมื่อทรงถามเหล่าเจ้าสำนักนั้น ถึงการบวช ต่างก็ตอบคำถามไปต่างๆนาๆ และดูเหมือนต่างก็หวังเอาพระทัยพระองค์ เพื่อหวังลาภยศสรรเสริญอยู่ และยังคงเหลือพระในพระพุทธศาสนานี่แหละ ที่ยังมิได้ทรงสอบถามว่า มีเป้าหมายอันใดในการบวช
คงมีแต่พระเทวทัต ที่ทรงสนิทชิดเชื้อ จนร่วมกันก่อกรรมหนักไปแล้ว แต่ก็แล้วทำไม เบื้องพระพักตร์ของพระองค์นี้ ก็เป็นพระภิกษุสงค์ศาสนาเดียวกัน จึงดูสำรวม สงบ และมิมีผู้ใดแสดงอาการประจบ หรือหวังผลประโยชน์ ในฐานะที่พระองค์เป็นเจ้าแผ่นดินเลย
คำที่พระพุทธเจ้าตรัส ก็ช่างมีความไพเราะ ชวนให้ระงับสงบในพระทัย มิได้มีพลังความร้อนรุ่ม เช่นพระเทวทัต ที่นำมาถวายพระองค์ทุกกาล ที่ได้พบกัน
สิ่งแรกที่พระเจ้าอชาติศัตรู ทรงถามพระพุทธเจ้า ก็คือ เป้าหมายแห่งการบวชของพระในพระพุทธศาสนาคืออะไร?
คำตอบของพระพุทธองค์ ได้สร้างปัญญา ในการไตร่ตรองโดยปราณีต แก่พระเจ้าอชาตศัตรู ให้ได้แยกแยะว่า "พระแท้" ในพระพุทธศาสนานั้นเป็นเช่นไร
สิ่งแรกที่พระพุทธเจ้าทรงชี้ให้เห็นถึงเป้าหมายในการบวชก็คือ การเป็นผู้ต้องการเดิน บนเส้นทางที่ปลอดโปร่ง ไม่คับแคบเหมือนเส้นทางของฆารวาส

ความคับแคบ
ทำให้มีชีวิตเหมือนปูที่ติดร่างแห
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ ก็ให้รู้สึกว่า เส้นทางฆารวาสนั้น มองเหมือนได้อยู่กับโลกอันกว้างใหญ่ มีอิสระเสรี พร้อมความสะดวกสบาย และบางครั้ง ก็สามารถเดินไต่ไปได้สูงถึงเป็นพระราชา มหากษัตริย์ อย่างที่ต้องยอมสยบด้วยพระเดชานุภาพ
แต่เหตุไฉนพระพุทธเจ้า จึงได้ทรงตรัสว่า
เป็นเส้นทางอันคับแคบ
พระเจ้าอชาตศัตรู ก็ทรงมีพระดำริ เช่นนี้เหมือนกัน
ส่วนคำตอบของพระพุทธองค์นั้น คงต้องขอยกไปบันทึกหน้า
ระหว่างนี้ ก็ลองๆคิดกันดูก่อนนะคะ ว่าทำไมเราทั้งหลายที่ยังเป็นแค่ฆารวาส จึงเป็นผู้ที่เดินอยู่บนเส้นทางอันคับแคบเช่นนั้น
การฟังหรือสนทนาธรรม เป็น
บุญกิริยาวัตถุ ๑ ใน ๑๐ ประการนะคะ
ต้องขออนุโมทนาบุญ ผู้ได้เข้ามาร่วมสนทนาธรรมกันในวันนี้ค่ะ
ขอให้บุญรักษาทุกๆท่าน
สวัสดีค่ะ