บันทึกจากมหาชีวาลัยอีสาน (8) : อีกครั้งของการฟื้นความทรงจำอันรื่นรมย์ของชีวิต


ชีวิต ถูกพรากห่างออกไปจากบ้านเกิดเมืองนอนมากขึ้นทุกที

อากาศยามเช้าในสวนป่ามหาชีวาลัยอีสานหลากล้นไปด้วยความแช่มชื่น-

เช้าวันนั้น(15สิงหาคม2551)พ่อครูบา ฯตื่นเช้าด้วยความกระฉับกระเฉงราวคนแรกหนุ่ม
โดยมีพันธกิจทางใจอันสำคัญว่าจะพานิสิตย่างกรายศึกษาสิ่งแวดล้อมรายรอบมหาชีวาลัยฯมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

และเช้าวันนั้นนิสิตเองก็ตื่นเช้าขึ้นมาด้วยความสดชื่นเป็นยิ่งนัก ทุกคนมาพร้อมกันอย่างไม่อิดออดแต่ละคนพกพาสมุดทำมือมาครบครันด้วยหมายว่าสมุดทำมือเล่มเล็กที่ผมและทีมงานมอบให้นั้นจะเป็นเครื่องมืออันดีในการบันทึกเรื่องราวความรู้ที่ตนเองกำลังจะได้พานพบ


แดดเช้าอันละมุนละไมทอลำแสงลอดผ่านแมกไม้มาอย่างอ่อนโยนขณะที่สายลมอันเบาสบายก็ไม่ละเลยที่จะพัดผ่านมาทักทายอย่างต่อเนื่องช่วยให้การเดินทางในเช้านี้เป็นเช้าชื่นแห่งชีวิตไปโดยปริยาย

พ่อครูบา ฯเดินนำหน้าไปสู่บริเวณคอกนกกระจอกเทศพร้อม ๆ กับการบอกเล่าถึงเรื่องราวต้นไม้นานาชนิดให้ฟังอย่างเรียบง่ายแต่มีเสน่ห์ยิ่งนักกับการเรียนรู้ของนิสิตจากต้นไม้เชื่อมโยงถึงสมุนไพรและหญ้าชนิดต่าง ๆและผ่านพาไปสู่พืชผักผลไม้ที่ปลูกไว้อย่างหนาตา



ทุก ๆ จังหวะของการก้าวเดินไปนั้นผมเฝ้ามองพฤติกรรมการเรียนรู้ของนิสิตอยู่อย่างไม่ห่างเกือบทั้งหมดสนใจใคร่รู้อย่างเห็นได้ชัดครั้นถึงจุดที่เก็บกินได้ก็ยิ่งดูจะตื่นเต้น ระริกรื่นกรูเข้าไปชิมลิ้มรสอย่างเอร็ดอร่อย ราวกับไม่เคยพบพานมาก่อนเลยในชีวิต

ภาพดังกล่าวชวนให้ผมรู้สึกขบขันกับพฤติกรรมการเรียนรู้ของนิสิตกลุ่มนี้อย่างน่าหยิกแต่ก็ชื่นใจที่เห็นพวกเขาให้ความสำคัญกับวิถีชีวิตที่รายล้อมด้วยอ้อมกอดของธรรมชาติรวมถึงการหยิบยกเอาเรื่องราวบ้านเกิดของตนเองมาแลกเปลี่ยนกับพ่อครูบา ฯอย่างหน้าชื่นตาบาน



ผมยิ้มให้กับโลกและชีวิตอย่างเงียบ ๆ-ยิ้มให้กับจังหวะการเรียนรู้ของนิสิตและยิ้มให้กับมุมมองชีวิตอันง่ายงามของพ่อครูบา ฯที่ถ่ายทอดมายังนิสิตอย่างเป็นกันเอง

แต่เหนือสิ่งอื่นใด

ในขณะที่ผมทอดเท้าเดินไปกับนิสิตนั้นความทรงจำเก่า ๆ ในวัยเด็กก็ทยอยผุดตัวขึ้นมาทักทายเป็นฉาก ๆ



ผมคิดถึงวันวัยของชีวิตที่ตนเองเคยเป็นเด็กทุ่งและใช้ชีวิตในวันหยุดไปกับการเลี้ยงวัวและเลี้ยงควายตามสายน้ำและป่าโคกตามชายทุ่ง

ชีวิตในวัยนั้นเป็นวันวัยที่รื่นรมย์สนุกสนานอบอุ่นและไม่เคว้งคว้าง

ในห้วงยามที่อยู่ในป่าในโคกผมสามารถบอกได้เลยว่าดอกไม้ดอกนี้มีชื่อเสียงเรียงนามว่าอย่างไร
ต้นไม้ชนิดนี้ชื่ออะไรมีสรรพคุณอย่างไรบ้างและต้นไม้ชนิดนี้เป็นที่พึ่งพิงของสัตว์ประเภทใด
หรือแม้แต่การเรียนรู้ที่จะดื่มน้ำจากเถาวัลย์ที่เกี่ยวรัดอยู่กับต้นไม้




ในครั้งก่อนโน้น ผมจำภาพของต้นไม้ชนิดต่าง ๆได้แม่นยำมากและรู้ดีว่าจะใช้ประโยชน์จากต้นไม้เหล่านั้นอย่างไรบ้างรวมถึงการคิดคำนึงถึงการผูกผ้าขาวม้าเป็นเปลไว้กับต้นไม้เพื่อผ่อนพักหลบแดดร้อนอันเริงแรงของเที่ยงวัน

เฉกเช่นกับการสามารถแยกแยะได้ว่าเห็ดชนิดใดกินได้ และกินไม่ได้ซึ่งในอดีตนั้นเมื่อต้อนวัวไปเลี้ยงที่โคกท้ายหมู่บ้านผมก็มักถือโอกาสเก็บเห็ดชนิดต่าง ๆ กลับมาให้แม่ปรุงเป็นอาหารเสมอและนั่นยังรวมถึงการเก็บดอกกระเจียวและข่าป่าด้วยเช่นกัน

แต่วันนี้....
ผมเดินเข้าป่าแต่กลับรู้สึกว่าตนเองแปลกหน้าจากป่าจากโคกเป็นยิ่งนัก

ผมแทบจำไม่ได้เลยว่าต้นไม้ชนิดนี้ชื่ออะไรมีสรรพคุณอย่างไรและเห็ดชนิดใดบ้างที่กินได้ และกินไม่ได้ หรือแม้แต่ดอกไม้อันแสนงามนี้คือดอกอะไรกันแน่





สภาวะที่ผมเป็นอยู่นี้ก็ใช่ว่าจะหนักหนาสาหัสเสียทั้งหมดและไม่ถึงขั้นทำให้ชีวิตผกผันไปสู่การล้มเหลวของชีวิตหากแต่เพียงเป็นปรากฏการณ์หนึ่งของความทรงจำที่ถูกกัดกร่อนจากยุคสมัยและตัวตนใหม่ของผมเองนั่นแหละ

เมื่อชีวิตเติบโตขึ้นการออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน ก็กลายมาเป็นความหอมหวนของชีวิตเริ่มจากการเข้ามาเรียนมัธยมในตัวเมือง - กลับบ้านเว้นสัปดาห์ห่างเหินไปจากการเลี้ยงวัวเลี้ยงควายและเมื่อชีวิตโบยบินมาสู่มหาวิทยาลัยและจากพ้นไปสู่วัยแห่งคนทำงานนั้นยิ่งดูเหมือนว่าห้วงวันอันเยาว์วัยของชีวิตได้ถูกพรากห่างออกไปจากบ้านเกิดเมืองนอนมากขึ้นทุกที และทุกที ...

และถึงแม้มีโอกาสได้คืนกลับไปเยี่ยมบ้านบ้างก็ตามเถอะ แต่นั่นก็น้อยนักที่จะมีเวลาได้ฝังตัวอยู่ในอ้อมกอดของบ้านเกิดอย่างที่ควรจะเป็นซ้ำร้ายก็แทบไม่มีแม้กระทั่งเวลาแห่งการคืนกลับไปสัมผัสกับท้องไร่ท้องนาสายน้ำและป่าโคกอันคุ้นเคยของชีวิตซึ่งนั่นก็คือปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สิ่งที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเลือนหายและจากจางไปโดยไม่รู้ตัว




วันนี้...
เมื่อมีโอกาสได้เดินเที่ยวท่องในสวนป่ามหาชีวาลัยอีสานก็เป็นประหนึ่งการได้หวนกลับไปทบทวนความรื่นรมย์ของชีวิตในอดีตโดยเฉพาะอดีตอันเคยเป็นส่วนหนึ่งที่ผูกรัดอยู่กับต้นไม้ในป่าในโคกที่บ้านเกิดเมืองนอนของผมเอง

การจดจำชื่อต้นไม้ ดอกไม้ หรือเห็ดนานาชนิดไม่ได้เช่นนี้อาจไม่ทำให้ผมถึงขั้นให้อภัยกับตัวเองไม่ได้แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าผมสะท้อนใจต่อวันวัยของชีวิตเป็นยิ่งนักพร้อม ๆ กับรู้สึกอัดแน่นที่หัวอก เพราะมีคำถามหนึ่งที่เริ่มก้องดังขึ้นมาอย่างลึกเร้นว่า “เราเดินทางห่างบ้านมาไกลแค่ไหนแล้วหนอ..?”

แต่สำหรับนิสิตนั้น
ผมคิดเอาเองว่า คงมีบ้างแหละที่พวกเขาจะเกิดความรู้สึกเดียวกับผมบ้าง ขณะที่บางคนอาจก่อเกิดความรู้ใหม่ในสิ่งที่พบเห็น จดจำและฝังจำ พร้อม ๆ กับนำไปบูรณาการให้เกิดประโยชน์ต่อการเรียนและการใช้ชีวิตได้ตามอัตภาพ

และเฝ้าภาวนาในใจอย่างเดียวว่า .... ขอพวกเขา อย่าเป็นเช่นผมเลยก็แล้วกัน !





........

จาก
โครงการเรียนนอกห้องเรียน ปรับเปลี่ยนทัศนคติ สู่จิตสำนึกสาธารณะ ครั้งที่ 2
14 - 17 สิงหาคม 2551
ณ มหาชีวาลัยอีสาน

หมายเลขบันทึก: 203650เขียนเมื่อ 26 สิงหาคม 2008 21:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 สิงหาคม 2015 16:47 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (17)
  • ตามมาอ่านครับ
  • เห็นบรรยากาศแล้ว
  • อยากไปสวนป่าจริงๆ
  • ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะ

  • อยากไปท่องเที่ยวมหาชีวาลัยอีสานบ้างจังค่ะ...
  • ย้อนเวลากลับไม่ได้แล้ว..ไปเรียนตอนแก่ได้ป่าวคะเนี่ย..หุหุ...

เข้ามาดูดอกแพงพวยครับ

ปล.ภาพแสงถ่ายได้ เห็นลำแสงของดวงอาทิตย์ด้วยเป็นรุ้งๆ เลยนะครับ สงสัยเป็นรัศมีคนทำดี

เมื่อรักมาทักทาย ความรื่นรมย์แห่งชีวิตจึงบังเกิด

เรื่องเล่าเคล้าแสงแห่งการเริ่มต้นของวันเวลา

พาเราย้อนจากอดีต ผ่านปัจจุบัน สู่อนาคต

.....

สิ่งสวยงามเกิดขึ้นในชีวิตได้เสมอ ๆ ๆ ทุกวัน ๆ ๆ

.....

ระลึกถึงเสมอ

.....

คิดถึงบรรยากาศที่นั่นจังครับ...อยากไปอีก

ผมสร้าบล็อกแล้วเด้อ

ลองเข้าปอ่านดู

มาเยี่ยม คุณแผ่นดิน

ผมไม่ได้เดินป่าธรรมชาติมานานแล้วละ ที่เดินอยู่นี่ล้วนป่าคอนกรีตนะนี่

โชคดีนะที่ยังมีป่าไม้ให้เดินชื่นชมนะ

ดีมากเลยครับ สำหรับการปลูกฝังให้กลุ่มนิสิตได้รู้คุณค่าของป่าที่เป็นธรรมชาติ เพราะในปัจจุบันนี้ผู้คนมักจะให้ความสำคัญกับป้าคอนกรีตเสียมากกว่า

สวัสดีครับ บอส

หลังจากที่ประชุมกลุ่มไหล ครั้งแรกก็ว่าได้

ได้แบ่งหน้าที่และตำแหน่งให้ทุกคน

ตามเจตนารมณ์ไปแล้วนั้น

ยังเน้นย้ำด้วยครับว่า "อย่ายึดติดกับตำแหน่ง"

ตำแหน่งก็เหมือนกับชุดที่สวยหรู และเมื่อใดที่ถอดมันนออก เราก็ไม่ต่างกับยาจกธรรมดา

ปล.พึ่งเขียนบล็อกได้เป็นครั้งแรกครับ

เขียนเอง งง เอง ให้คำแนะนำด้วยครับ

อิอิ

มาเยี่ยมชมค่ะ เห็นบรรยากาศแล้วอยากไปสัมผัสบรรยากาศจริงจังเลยค่ะ..

แวะมาเยี่ยมอีกครั้งค่ะ

สวัสดีครับ . ครูโย่ง หัวหน้า~ natadee

วันนี้สารภาพว่าเหนื่อยจริง ๆ
ขับรถตะลุยไปตามซอกซอยท้องถนนอันแคบเล็ก

ไปเยือนโรงเรียนต่าง ๆ เพื่อนำข้อมูลมาเขียนโครงการบริการวชาการสู่ชุมชน

เห็นเด็ก ๆ  แล้ว....
สงสาร แต่ก็มีพลังใจที่จะทำอะไรเพื่อพวกเขามากเลยทีเดียว

 

บอสคะ พรุ่งนี้แล้วสินะคะที่เราจะได้ให้นักกีฬาวอเลย์บอลได้ออกไปสู่พื้นที่ข้างนอกที่ไม่ใช่สนามสี่เหลี่ยมในอาคารพละฯ

ก็หวังว่าทุกๆคน จะได้เข้าใจตัวเองและคนอื่นมากยิ่งขึ้นค่ะ

เมื่อวานที่บอสให้โจทย์ให้พี่ดูแลน้อง จากการเฝ้ามอง รู้สึกว่า ยังไม่เทคแคร์กันเท่าที่ควร คงเขินๆที่เพิ่งเริ่มทำตอนนี้มั้งคะ แต่ว่า พรุ่งนี้คงน่าจะบรรยากาศดีกว่าวันนี้ค่ะ

ขอบคุณที่ร่วมเดินทางค่ะ

สวัสดีค่ะคุณแผ่นดิน

  • ติดตามมาอ่านบันทึกดีๆของท่าน
  • ชื่นชมในผลงานเขียนที่เขียนเป็นธรรมชาติชวนติดตามและติดดินสมชื่อผู้เขียนค่ะ 
  • สะท้อนใจทุกครั้งที่ได้อ่าน จึงติดตามมาอ่านบ่อยๆเพราะเป็นอีกคนที่ห่างไกลจากครอบครัวเดิมที่คาดหวังไว้กับตนเองว่าคงมีสักวันที่จะได้ทำอะไรๆเพื่อบ้านเกิดของตนเองบ้าง
  • ขอบคุณที่ให้ข้อคิดที่ดีๆสู่กัน  เพราะอดีตเราคือชาวอาสาพัฒนาเช่นกันแต่ก็นานมากแล้ว  การเพาะบ่มนิสัยจากชีวิตมหาวิทยาลัยมีแต่สิ่งดีๆไว้เตือนสติยังไงก็ไม่ลืมภาพและสิ่งดีๆในอดีตค่ะ  อาจารย์ได้ให้สิ่งที่ดีๆเพื่อศิษย์ชื่นชมในผลงานอย่างมากค่ะ

 

ชอบ บรรยากาศ รูปสวยมาก จังหวะถ่ายดี ชอบรูป นิสิตชมเห็ด สดชื่นไปด้วยค่ะ

ชื่นชม ท่านครูบาจริงๆ

ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างค่ะพี่พนัส

ขอบคุณสำหรับความรู้ที่นำมาถ่ายทอดให้โลกรับรู้คับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท