ชาดา ~natadee
ชาดา ชาดา ~natadee ศักดิ์รุ่งพงศากุล

เจ้าเด็กขี้ขโมย...


ลองอ่านดูเล่น ๆๆ อย่าคิดอะไรมาก คนเราถ้าทำความดีโดยไม่ได้หวังผลตอบแทน ค่าของมันจะมหาศาลเสมอ อย่างน้อย ๆ ความปิติยินดี ตอนที่ได้ทำทำ ก็ถือว่าป็นบุญแล้วใช่ไหม??

 'อย่าหนีนะ เจ้าเด็กขี้ขโมย'

เสียงผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งตะโกนลั่น  พร้อมกับมีเด็กคนหนึ่งกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง   วิ่งผ่านฉันกับแม่ที่กำลังซื้อเนื้อหมูในตลาดไปอย่างรวดเร็ว  ทั้งแม่และฉันหันไปดูทันเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้น  แค่แวบเดียวแม่ถามฉันว่า   'อ้าวนั่นป้าร้านขายของไม่ใช่เหรอ'     'ใช่จ้ะแม่ แกวิ่งไล่ใครกันล่ะ'

ป้าคนนั้นชื่อว่า 'ป้าหนอม'เป็นแม่ค้าขายของชำสารพัดอย่างในตัวตลาดในอำเภอที่ฉันอยู่   มีฐานะจัดว่าดีกว่าแม่ค้าคนอื่นๆ ในละแวกเดียวกัน  และเป็นที่รู้จักกันว่าแกเป็นคนที่ขี้เหนียวอย่างร้ายกาจ  แถมปากจัดที่สุดในตลาดอีกด้วย ใครต่อราคาของมากเกินไป  หรือถามราคาแล้วไม่ซื้อป้าแกจะโวยวาย  ชนิดต้องรีบเผ่นออกจากร้านแทบไม่ทันทีเดียว

เสียงเอะอะดังมากขึ้น  ฉันหันไปมองป้าหนอมจับข้อมือเด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 12-13 ขวบ ไล่เลี่ยกับฉันซึ่งกำลังดิ้นรนอยู่ และป้าแกกำลังจะลงไม้ลงมือ   แม่จึงเดินเข้าไปถาม 'พี่หนอม มีไรหรือคะ'  'ก็คุณเด็กเวรนี่นะสิ มันมา ทำทีขอซื้อยาแก้ปวดกับยาธาตุ  พอฉันหยิบส่งให้  มันก็วิ่งหนีมาเลย เงินก็ไม่จ่าย'

พูดจบป้าหนอมก็ตบหัวเด็กคนนั้นอย่างแรงหนึ่งที  และคงจะมีตามมาอีกหลายทีแน่ถ้าแม่ฉันไม่ห้ามไว้  'ตายแล้วพี่หนอม อย่าถึงกับลงไม้ลงมือกันเลยนะแล้วนี่จะทำไงต่อ'   แม่รีบตัดบทเพราะเห็นว่าเรื่องราวชักจะไปกันใหญ่   'เรียกตำรวจมาเอามันไปเข้าคุกนะสิ เสียนิสัย  พ่อแม่ไม่สั่งสอนยังเด็กตัวแค่นี้ก็รึจะเป็นขโมยซะแล้ว   ต่อไปก็คงต้องปล้นเขากินหละ'

ฉันสะกิดแม่ทันทีพร้อมกับมองพลางส่ายหัวน้อยๆ  ทำนองว่าอย่าไปยุ่งดีกว่าแม่มองฉันแล้วมองเด็กคนนั้น ซึ่งท่าทางเหมือนกำลังจะร้องไห้แม่นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันไปพูดกับป้าหนอมว่า  'อย่าให้ถึงอย่างนั้นเลยนะพี่หนอม  เด็กมันคงอยากซื้อยาแต่ไม่มีเงินนะ เอาเป็นว่าฉันจ่ายให้ละกันนะกี่บาทกันละ'

ในที่สุดเรื่องก็จบลงโดยการที่แม่ยอมจ่ายเงินค่ายา  แก้ปวดกับยาธาตุแล้วแม่ก็จูงเด็กคนนั้นออกมาจากตลาด  แต่ป้าหนอมยังไม่วายเตือนแม่  'ใจดีกับเด็กขี้ขโมยแบบนี้ ระวังจะเสียใจทีหลังนะเธอ' 

แม่ไม่ได้ตอบอะไรแต่พอเดินห่างจากร้านพอสมควรแล้วก็ถามว่า 
 
'ทำไมหนูขโมยของป้าเขาละจ๊ะ'  เด็กคนนั้นเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมองแม่ แล้วตอบสะอึกสะอื้นว่า 'แม่ผมปวดท้องมากเลยครับ แล้วแม่ก็ไม่มีเงินไปหาหมอผมก็เลยต้อง...'  แม่มองหน้าเด็กคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยืนผลไม้ที่ซื้อมาให้เด็กคนนั้นถุงหนึ่ง แล้วบอกว่า 'ทีหลังอย่าขโมยของใครนะ ถ้าไม่มีเงินมาขอเงินน้าไปซื้อก็ได้นะ น้าชื่อสมพรเปิดร้านเย็บผ้าอยู่ใกล้ๆนี่เองถามคนแถวนี้ก็ได้ รู้จักน้าแทบทุกคนเลยแหละ   เอ้า...เอา ส้มไปฝากคุณแม่ซิคนป่วยนะต้องกินผลไม้มากๆ จะได้หายไวๆ รู้มั้ย'

แม่เสริมพร้อมกับยิ้ม เด็กคนนั้นอึ้งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะรับส้ม
พร้อมกับพูดขอบคุณแม่แล้วเดินจากไป  หลังจากนั้นพอกลับมาถึงบ้าน ฉันก็ถามแม่ทันที  '
ทำไมแม่ต้องช่วยเด็กคนนั้นด้วยละ รู้จักกันหรอจ้ะ'   แม่ยิ้มแล้วตอบฉันว่า  'ไม่รู้จักหรอก แต่แม่เห็นเด็กคนนั้นรับจ้างหาบขนมขาย  อยู่แถวบ้านเราน่ะลูก แต่แกคงจำแม่ไม่ได้หรอกแม่ซื้อขนม  แกอยู่ไม่กี่ครั้งเอง'แต่นั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะต้องช่วยเหลือเขาถ้าเขาเป็นขโมยนี่แม่ฉันถามต่อ  แม่มองหน้าฉันแล้วพูดว่า

'แม่เชื่อว่าเด็กที่เคยหาเงินด้วยตัวเองมาก่อนตั้งแต่อายุเท่าๆกับลูก  จะต้องเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบรู้คุณค่าของเงินทุกบาท  ทุกสตางค์ว่ากว่าจะได้มามันเหนื่อยยากขนาดไหนและคนที่มี  ความรับผิดชอบนะ จะไม่มีทางขโมยของใครนอกจากจะจำเป็นจริงๆ  เมื่อเขาไม่มีทางอื่นให้เลือกแล้วเท่านั้น'   ฉันฟังแล้วก็ถามแม่ต่อว่า

'แล้วต่อไปถ้าเขามาขอเงินแม่ไปซื้อยาอีก แม่จะให้เขารึเปล่า'  'ให้สิลูกถ้ามันไม่มากไม่มายอะไร  'แล้วแม่ไม่เสียดายเงินหรอบ้านเราก็ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนบ้านป้าหนอมเขานะแม่'  'ถึงแม่จะไม่มีเงินทองมากนักแต่การที่ได้ช่วยเหลือคนที่กำลังลำบากน่ะ มันทำให้แม่มีความสุขแล้วยังได้บุญอีกด้วยนะ  แค่นี้แม่ก็พอใจแล้ว ไม่อยากได้อะไรตอบแทนหรอกแล้วแม่ก็พูดต่ออีกว่า  

'จำไว้นะลูก คนเรานะต้องรู้จักให้อภัยและให้โอกาสคนอื่นแก้ตัวเสมอ  อย่างเด็กคนนั้น..แม่มั่นใจว่าแกทำไปเพราะ  รักคุณแม่ของแกจริงๆ แม่ถึงช่วยแกเอาไว้'  แล้วแม่ก็พูดต่อว่า  'ลูกอาจจะบอกว่าขโมยเป็นสิ่งทีผิด ใช่...แม่ไม่เถียงแต่บางครั้ง  คนเราก็ต้องมองด้านอื่นๆบ้าง อย่าคิดแต่เรื่องทรัพย์สินเงินทอง ตอนนี้ลูกอาจจะยังฟังไม่เข้าใจ แต่แม่เชื่อว่าสักวันลูกจะเข้าใจเองแหละ'   หลังจากนั้น ฉันกับแม่ก็หันไปคุยเรื่องอื่นๆกันต่อ ฉันเองไม่เคยคิดเรื่องนี้อีกเลย

จนเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นกับฉัน

ทำให้ฉันต้องย้อนกลับมาคิดถึงเรื่องนี้อีกครั้งทั้งน้ำตา

ว่าคำพูดของแม่ในครั้งนี้  ถูกต้องที่สุดจริงๆ

หลังจากนั้นฉันเรียนจบระดับปริญญาตรีจากสถาบันราชภัฏแห่งหนึ่งในตัวจังหวัด แล้วฉันก็ได้งานทำในโรงงานในตัวจังหวัดนั้นเอง  เงินเดือนก็พอประมาณ สามารถเลี้ยงดูแม่ได้โดยไม่ขัดสนนัก   ฉันก็เลยขอร้องให้แม่หยุดรับจ้างเย็บผ้าเพราะอยากให้แม่พักผ่อนบ้าง 

หลังจากทำงานหนักมาเกือบ 20ปี  เพื่อส่งฉันเรียน แม่ยอมปิดร้าน
แต่ก็ยังรับงานเล็กๆ น้อยๆ  ของเพื่อนบ้านมาทำบ้างโดยไม่คิดเงิน แม่บอกว่าถ้าไม่ได้ทำอะไรเลยจะรู้สึกเบื่อ ฉันก็เลยต้องยอมตามใจแม่

ฉันทำงานอยู่ประมาณ 2-3 ปี  แม่ก็เริ่มรู้สึกไม่สบายเริ่มจาก  ปวดหัวบ่อยขึ้น ช่วงแรกๆไม่กี่วันก็หายหลังจากนั้นก็เริ่มเป็นนานขึ้นเรื่อยๆ  ฉันบอกให้แม่ไปหาหมอแล้วฉันก็พาแม่  ไปหาหมอในเมืองหมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แค่ทำงานหนักมากเกินไป  หมอให้ยามาชุดหนึ่งพร้อมกำชับให้พักผ่อนมากๆ  จะได้หายเร็วๆ

หลังจากกินยาตามที่หมอสั่งอาการปวดหัวของแม่ก็หายไป  ฉันเริ่มสบายใจขึ้น แต่หลังจากไปหาหมอได้ประมาณหนึ่งเดือน  แม่ก็เริ่มกลับมาปวดหัวอีกคราวนี้เป็นหนักมากกว่าครั้งที่แล้ว  ยาที่เคยกินแล้วได้ผลมาก่อนก็ไม่ได้ผลเลย  ฉันกังวลใจมากพอถามหมอหมอก็บอกว่าต้องไปตรวจ  ที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯเพราะว่าเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมกว่าโรงพยาบาลต่างจังหวัด  หลังจากนั้นฉันรีบพาแม่ไปกรุงเทพฯทันที

ไปยังโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง...  หลังจากหมอตรวจแล้วบอกว่า
มีเนื้องอกในสมองต้องผ่าตัดโดยด่วน  หากปล่อยทิ้งไว้อาจไปทับเส้นประสาททำให้เป็นอัมพาตได้  หรือถ้าผ่าตัดไม่ทันก็อาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต   ฉันตกใจมากขอให้หมอผ่าตัดให้ทันที.  

แต่หมอบอกว่า... โรงพยาบาลที่มีหมอผ่าตัดสมองที่มีความพร้อมที่จะผ่าตัดเนื้องอก  ในสมองเป็นอีกโรงพยาบาลหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงมากกว่า  ดังนั้นหมอจึงต้องส่งตัวคนไข้ไปยังโรงพยาบาลนั้น  ฉันก็ตกลง  

หลังจากถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลดังกล่าวแล้ว...แม่ก็ถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดทันที ขณะที่ฉันรออย่างกังวลใจอยู่ด้านนอก  ทั้งเรื่องอาการป่วยของแม่และจากคำพูดของหมอที่ทิ้งท้ายไว้  ก่อนส่งตัวแม่มาที่โรงพยาบาลแห่งนี้.

หมอบอกให้ทำใจไว้บ้าง... เพราะการผ่าตัดสมองเป็นการผ่าตัดที่เสี่ยงมากโอกาสที่คนไข้จะเสียชีวิตมีมาก  แม้การผ่าตัดจะประสบความสำเร็จก็ตาม

อีกเรื่องก็คือ...ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดสมองค่อนข้างสูง  เป็นหลักแสนบาท เมื่อรวมกับค่ายาระหว่างพักฟื้น คิดแล้วน่าจะต้องใช้เงินราวๆ ห้าแสนบาท

ฉันได้ยินแล้วแทบลมจับ ฉันจะไปหาเงินห้าแสนบาทมาจากไหนลำพังเงินเก็บของฉันกับแม่ยังมีไม่ถึงห้าหมื่นบาทเลย  แต่ยังไงฉันก็ต้องรักษาแม่ให้หายส่วนเรื่องเงินไว้คิดทีหลัง 

หลังการผ่าตัดเสร็จสิ้นลง  เป็นโชคดีของแม่ทีการผ่าตัดประสบผลสำเร็จและไม่มีอาการแทรกซ้อนใดๆ   ทางโรงพยาบาลบอกให้พักฟื้นประมาณหนึ่งเดือนก็สามารถไปพักฟื้นที่บ้านได้

ทางโรงพยาบาลแจ้งรายการค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาให้ฉัน  ปรากฏว่า
เป็นเงินจำนวนไม่ถึงหนึ่งพันบาทเป็นค่าติดต่อประสานงานเท่านั้น
.

ฉันแปลกใจมากจึงสอบถามกับนางพยาบาล  นางพยาบาลบอกว่า
คุณหมอที่เป็นคนผ่าตัดและเป็นเจ้าของไข้  บอกไม่ให้คิดเงินกับฉันและแม่ โดยที่ทางโรงพยาบาลก็ไม่ทราบสาเหตุ  ฉันจึงขอพบคุณหมอคนนั้นเพื่อขอบคุณ   นางพยาบาลบอกว่าหลังจากเสร็จคุณหมอก็ถูกส่งตัวไปต่างประเทศทันทีเพื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการผ่าตัดสมองที่อเมริกา  แต่คุณหมอได้ฝากจดหมายไว้ให้ฉันกับแม่    โดยกำชับกับทางโรงพยาบาลให้ฝากให้ฉัน พร้อมกับใบเสร็จค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของทางโรงพยาบาล  ในวันที่แม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้

เมื่อกลับถึงบ้าน ฉันกับแม่ก็เปิดอ่านจดหมายของคุณหมอคนนั้น  เมื่ออ่านจบ  ทั้งฉันและแม่ก็ร้องไห้ออกมาพร้อมกัน  เนื้อความในจดหมายมีดังนี้
           
ข้าพเจ้านายแพทย์เดชา ทองวิจิตร แพทย์ผู้ผ่าตัด นางสมพร
  ภู่จันทร์
ขอสรุปค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดทั้งหมดดังนี้
         ค่าผ่าตัด                             0. บาท
         ค่ายาทั้งหมด                       0. บาท
         ค่าใช้จ่ายอื่นที่เหลือ              0. บาท
         รวมเป็นเงินทั้งหมด               0. บาท

ป.ล. ค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้รับแล้ว  เมื่อยี่สิบปีก่อนด้วยยาแก้ปวดยาธาตุ  ส้มหนึ่งถุง  ขอให้สุขภาพแข็งแรงไปอีกนานๆ นะครับคุณน้า
 

                         นายแพทย์เดชา ทองวิจิตร

ขอขอบคุณ..ท่านเจ้าของบทความ และเพื่อนๆที่ FW Mail ดีๆมาให้

ที่ลืมไม่ได้..ขอบคุณท่านที่อ่านจนจบ  และขอบคุณมากๆที่เผยแพร่ต่อไป

 

 

 

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 203621เขียนเมื่อ 26 สิงหาคม 2008 18:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 มิถุนายน 2013 19:19 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (34)
  • เป็นเรื่องที่ดีมากเลยครับ
  • คนเราคงต้องมองหลายๆๆด้าน
  • ขอบคุณมากครับสำหรับบทความดีๆๆ

เรียน อ.ขจิต

  • ขอบพระคุณค่ะ  แบ่งปันสิ่งดีๆ ร่วมกันค่ะ
  • อาจารย์จะมาเชียงใหม่เมื่อไหร่คะ
  • สาวๆ  PYU.อยากให้อาจารย์มาสอนทำ Blog น่ะค่ะ

 

 

เรียน อ.ขจิต

  • สบายดีค่ะ..แต่ช่วงนี้การบ้านเยอะค่ะ...
  • มา มช อาจได้เจอกันนะคะ..(ไว้ไปชิงตัวมาสอน Blog ค่ะ)
  • ที่เชียงใหม่ฝนตกทุกคืนค่ะ
  • ที่แมคคอร์มิคอยู่คนละเขตกัน..ก็เลยไปไม่ถึง..อิอิ
  • ไว้มาทำ CoP เรื่อง ทำ Blog ร่วมกันนะคะ
  • จัดให้มาพร้อมอาจารย์ JJ เลยดีป่าวคะ

สวัสดีค่ะ

  • (นิทานธรรมะ) เรื่องนี้ดีนะคะ อ่านแล้วเป็นปิติจังค่ะ (ถ้าเป็นเรื่องจริง...ก็ต้องบอกว่าไม่น่าเชื่อว่าโลกนี้แคบนะคะ)
  • ได้ยินแว่วๆ สองคนคุยกันเรื่อง มช.^^ถ้าเชิญอ.ขจิต มาสอนทำ Blog พี่จะขอเกี่ยวก้อยด้วยคนนะคะ...

สวัสดีค่ะพี่ดาว

  • ดีจังค่ะ  ไว้เรานัดกันวันไหนดีคะ
  • ถ้าว่างโทรหาอิงได้ทุกเวลาเลยจ้า
  • ที่สำนักทรัพยากรบุคคล มพย 053-241255 ต่อ 312
  • อ้าวพี่ดาวมา
  • ฮ่าๆๆๆ
  • ไปเชียงใหม่ๆๆ
  • วันไหนบอกนะครับ
  • ดีใจๆๆๆอยากเจอๆๆๆสมาชิกครับ

อาจารย์ขจิตและคุณพี่ดาวขา...

คือว่า....เอาเบอร์มือถือมาให้ชาดาเลยดีกว่าค่ะ..อิอิ

  • ถ้าว่างไปร่วมงานกับพี่ดาวนะครับ
  • เบอร์ผมอยู่ที่พี่ดาว
  • ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
  • ใกล้เคียงกับผมตอนเป็นเด็กๆ
  • แต่ผมแอบหยิบ เจ้าของไม่เห็น
  • แต่เป็นของเล่นซึ่งไม่มีเหมือนเด็กคนอื่นๆ
  • มันเป็นอะไรที่ถูกฝังลึกไว้
  •  แล้ววันหนึ่งก็ต้องมีการชดใช้
  • ด้วยความสำนึกได้ 

สวัสดีค่ะ คุณชาดา

แหมหน้าตาดีขนาดนี้ ไม่ผ่านได้ไงค่ะ

ยินดีต้อนรับค่ะ ใส่นามสกุล ด้วยนะค่ะ

แบบนี้อ่ะค่ะชาดา ~natadee

ขอบคุณนะค่ะ

จากkittyjump~natadee

เรียน ท่านอ.ประจักษ

  • เอ..แบบนี้เป็น tacit ใช่ป่าวคะ...อิอิ

น้องชาดา ค่ะ

  • มาค่ะชวนทางบล็อกเลยนะคะ
  • งาน KM Day ครั้งที่ 2 ที่ สำนักหอสมุด มช. เอากำหนดการมาฝากด้วยเลยค่ะ
  • 8.30 -8.45 น. ลงทะเบียน รับของที่ระลึก อาหารว่าง
  • จากนั้นจะมีพิธีเปิด ต่อด้วยการฟังเรื่องราวการจัดการความรู้ของ สำนักหอสมุด มช. และของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ค่ะ ต่อจากนั้นแต่ละชุมชนจะมาเล่าให้ฟังว่าทำ KM อะไรไปบ้าง รวมถึงงาน หน่วยต่างๆ ที่นำ KM เป็นเครื่องมือจัดการแก้ไขปัญหาต่างๆ ในงานประจำค่ะ 
  • จบงาน 12.30 น. ค่ะ

ไปร่วมงานกันนะคะ พี่จะรอต้อนรับ (ต้อนเข้าห้อง^^ อุ๊บส์)

  • อีกนิดหนึ่งค่ะ
  • พี่เห็นด้วย ใส่นามสกุลไปเลยค่ะ  สวยเหมือนคุณ kittyjump~natadee เลยค่ะ (รู้สึกว่าใน G2K มีคนสวยๆ เยอะจริงๆ เลยนะคะ)

คุณ kittyjump~natadee 

รู้สึกแปลกๆ กับนามสกุลใหม่ที่มอบให้แต่ก็ขอบคุณที่ให้เกียรติค่ะ

ขอบคุณพี่ดาวด้วยค่ะ

สิ่งที่พี่เห็นอาจเป็นเพียงภาพลวงตา..555

มาเยี่ยม คุณชาดา ~natadee

อ่านแล้วชอบใจคำนี่นะ..คนเรานะต้องรู้จักให้อภัยและให้โอกาสคนอื่นแก้ตัวเสมอ

เรียนท่านอาจารย์ยูมิ

  • ขอบพระคุณที่มาเยี่ยมค่ะ
  • "อภัย"  และ "โอกาส"
  • เป็นสิ่งที่ไม่ต้องซื้อหา... อยู่ที่ว่าใช้หรือไม่แค่นั้นเอง...

สวัสดีค่ะ พี่ชาดา

ว้าวๆๆๆ น่ารักจังค่ะชาดา ~natadee

น้องก้อยแวะมาทักทายค่ะ

ขอบคุณนะค่ะที่มาร่วมเป็นสมาชิกค่ะ

มีความสุขมากๆๆค่ะ

  • วันนี้นอกจากจะมี CoPชาว"เฮฮาศาสตร์"
  • ยังมี CoP "natadee"
  • อีกก๊วนแล้ว หรือ ครับ

คุณชาดาครับ

อ่านแล้วรู้สึกดีมาก ๆ ครับ

ทำดีไม่ต้องหวังสิ่งตอบแทน

ขอบคุณครับสำหรับงานเขียนดีดี มีสาระ

หวัดดีค่ะน้องก้อย

  • ขอบคุณค่ะที่ให้เข้าก๊วน
  • อย่าลืมชวน อ.JJ เข้าก๊วนด้วยนะคะ

 

เรียน  อ. JJ ที่เคารพ

  • อาจารย์ก็กำลังจะเข้าก๊วนนี้ใช่ป่าวคะ... อิอิ

เรียน  คุณวัชรา

  • อ่านแล้วรู้สึกดีมากๆ  เช่นกันค่ะ

ความดีงดงามเสมอ..

เยี่ยมจริง ๆ ครับ

  • ขอบคุณค่ะคุณผ่นดิน
  • ชักชวนกันมาทำความดีเยอะๆ ค่ะ

Friendg2k 

  • วันนี้ดีใจค่ะได้ถ่ายรูปกับสาวสวย~natadee
  • ไม่มีภาพลวงตาสักนิด ดูสิคะ

ขอบคุณค่ะพี่ดาวลูกไก่...

เห็นความอ้วนมั้ยคะ...อิอิ

ขอบคุณท่านอาจารย์ประจักษ์ที่แวะมาเยี่ยมบ่อยค่ะ

 

 

  • ตามมาทักทาย
  • แก้งหน้าตาดีครับ
  • ตามประสา หัวหน้าแก้งค์ครับ
  • อาจจะมาช้าหน่อนครับ
  • รถติดมาก
  • อิอิ
  • อิจฉา
  • เจอพี่ดาวแล้ว
  • ตาร้อนๆๆๆๆ
  • อยากเจอๆๆๆ

Aj ขจิต ครับ

อย่าเพิ่งอิจฉา ดูดี ๆ ข้าง พี่ดาวฯ มีคนยืนอีกคนหนึ่ง

เป็นเรื่องเล่าที่ดีมากค่ะ เพิ่งอ่านเจอ อยากทราบชื่อรพ.จังเลยค่ะ ขอชื่นชมและขยายผลต่อค่ะ

สวัสดีครูโย่ง(หัวหน้าก๊วน)

  • สบายดีนะคะ
  • มาช้ายังดีกว่าไม่มาค่ะ

สวัสดีอ.ขจิต

  • มองหาแต่ไม่เจออาจารย์เลยค่ะ

เรียนพี่วัชรา

  • ดีใจที่ได้เจอตัวจริงค่ะ

 

 

สวัสดีค่ะคุณ paulaที่ปรึกษา~natadee

  • ขอบคุณค่ะ...อยากให้หมอทุกโรงพยาบาลเป็นแบบนี้จังค่ะ
  • ได้รักษาฟรี..อิอิ
  • อย่าลืมชวนเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทำความดีเยอะๆ นะคะ

มาเก็บเกี่ยวเรื่องราวที่ดีๆ

มาเยี่ยมค่ะ

ขอบคุณมาก

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท