สวัสดีครับชาว Blog
วันนี้ผมเปิด Blog บทเรียนจากความจริง กับ ดร.จีระ ซึ่งผมเขียนคอลัมน์ประจำที่หนังสือพิมพ์แนวหน้า ทุกวันเสาร์ หน้า 5 ในแต่ละสัปดาห์ผมจะวิเคราะห์สถานการณ์ต่าง ๆที่เกิดขึ้นรอบตัวเราซึ่งจะเป็นบทเรียนจากความจริงที่จะได้นำมาคิด วิเคราะห์กันต่อไป ผมจึงขอนำมา Share กันที่นี่ด้วย และถ้าสนใจบทความย้อนหลังก็สามารถติดตามอ่านได้ที่ www.naewna.com ครับ
จีระ หงส์ลดารมภ์
........................................................................................................................................................................วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม 2551
เอาใจช่วยนักกีฬาไทยที่ปักกิ่ง
ผมเขียนบทความนี้ช่วงเช้าวันศุกร์ซึ่งอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะมีพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ปักกิ่ง สื่อต่าง ๆ ทางวิทยุโทรทัศน์ทั้งในประเทศและต่างประเทศประโคมข่าวกัน รายการวิทยุ Human Talk ทาง F.M. 96.5 MHz. ซึ่งผมจัดร่วมกับคุณจีรวัฒน์ ตั้งบวรพิเชษฐ ก็จะเน้นเรื่องโอลิมปิก พยายามนำเสนอแง่มุมต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์
โอลิมปิก 2008 ที่ประเทศจีน
คอลัมน์ "เรียนรู้จากกีฬา" ของผมที่สยามกีฬารายวัน (ทุกวันพุธ) และรายการ คิดเป็น..ก้าวเป็น กับ ดร.จีระ ทาง True Visions ช่อง 8 (TNN2) (ทุกวันพุธ เวลา 9.30 - 10.30 น. และ เวลา 22.00 - 23.00 น.) ก็คงเพิ่มมีมุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับโอลิมปิกด้วย
ข่าวแรกที่น่าสนใจเกี่ยวกับโอลิมปิก คือ การเตรียมพิธีเปิด ดูเหมือนว่าประเทศจีนต้องการให้โลกรู้ว่า "ประเทศจีนและชาวจีน คือ ใคร และสำคัญอย่างไร?" จึงวางแผนการจัดโดยเน้นกีฬาคู่ไปกับทุนทางวัฒนธรรม (Cultural Capital) ซึ่งผมพูดอยู่เสมอว่าในยุคโลกาภิวัตน์ แต่ละประเทศจะต้องมีจุดที่เน้นมูลค่าหรือคุณค่าทางวัฒนธรรม และแตกต่างจากประเทศอื่น ๆ เพราะได้รู้ Heritage หรือรากเหง้าของตัวเอง
จีนเชิญผู้นำจากโลกมาร่วมงานพิธีเปิดมากมาย ประธานาธิบดีบุชและภรรยาก็จะไปร่วมด้วย ในอดีตไม่เคยมีประธานาธิบดีของอเมริกาไปร่วมพิธีเปิดโอลิมปิกนอกประเทศเลย จึงน่าสนใจว่าบุชมีเป้าหมายอะไร?
ไทยเราก็มีผู้ใหญ่ไปร่วมงานกันอย่างคับคั่งสมเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯ ก็เสด็จไปร่วมในพิธี นายกฯ สมัคร อดีตนายกฯ ทักษิณ ก็ไปร่วมด้วย
สิ่งที่รัฐบาลจีนยังวิตกมาก คือ เรื่องการต่อต้าน ประท้วง และการก่อการร้าย ซึ่งเป็นจังหวะที่เกิดการคิดแบบสวนทาง (Paradox) ในอีกมุมหนึ่งจีนต้องการจะบอกว่า "ฉันพร้อมเป็นผู้นำของโลกในทุก ๆ เรื่อง" แต่อีกกลุ่มที่ไม่ชอบก็อ้างสาเหตุหลายข้อเพื่อไม่ให้จีนประสบความสำเร็จในระดับโลก เช่น
* ทิเบต
* กลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงเป็นชนกลุ่มน้อยในจีน
* คนในโลกที่เน้นสิทธิมนุษยชน (Human rights)
การจัดโอลิมปิกครั้งนี้จึงมีความเสี่ยงมาก ถ้าเกิดเหตุการณ์รุนแรงจะดังไปทั่วโลก ซึ่งจะทำให้จีนเสียหน้า จึงต้องบริหารและป้องกันความเสี่ยงกันแบบที่สุด ก็คงต้องดูกันต่อไป ไม่มีใครทายได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
สำหรับชาวไทย มี 2 ประเด็นที่ควรจะพิจารณา คือ
* โอกาสที่ไทยจะจัดโอลิมปิกในอนาคตนั้นมีหรือไม่? ในเอเชีย ประเทศชั้นนำอย่างเกาหลี ญี่ปุ่น และจีนก็ได้จัดไปแล้ว ไทยจะได้ขึ้นชั้นผู้นำเอเชียและได้จัดหรือเปล่าก็ต้องคิดให้ดี อีก 8 ปีข้างหน้าก็หมดหวังเพราะปี 2012 คือ London แม้ว่า ปี 2016 ยังไม่รู้ว่าใครจะได้จัดแต่ก็ไม่มีประเทศไทยอยู่ใน List และปี 2020 ก็คงไม่ง่ายนัก อย่างไรก็ดี ผมก็ยังมีความหวัง รัฐบาลไทยเก่งระยะสั้น ไม่เก่งการวางแผนระยะยาว หลาย ๆ เรื่องจึงขาดการฉกฉวยโอกาสที่เหมาะสม
* อีกเรื่องหนึ่งก็คือ นักกีฬาไทยพร้อมที่จะได้กี่เหรียญ เหรียญทองเท่าไหร่ ผลเท่ากับครั้งที่แล้วหรือไม่ ได้มากกว่าหรือน้อยกว่า ผมคิดว่าหากคนไทยไม่คาดหวังสูงนักก็จะดี เพราะว่าแต่ละประเทศเตรียมตัวมาดี อย่างเช่น มวยสากลเราก็หวังว่าจะได้เหรียญทอง แต่คู่แข่งก็มากมายและเตรียมพร้อมมาอย่างดี ยกน้ำหนักและเทควันโดก็คงพอจะหวังได้ แต่อย่างที่สมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯ ทรงให้กำลังใจนักกีฬา "ทำให้ดีที่สุด" และผมก็ขอส่งกำลังใจให้นักกีฬาทุกคน
ท่านสามารถอ่านบทความย้อนหลังได้ทางเว็บไซต์ของแนวหน้าได้อีกทาง คือ www.naewna.com เป็นประโยชน์มากเพราะเว็บของแนวหน้าอ่านง่าย
บทความของผมซึ่งใช้ประกอบการสอนหนังสือด้วย นักศึกษาหลายคนที่ได้อ่านบอกว่าได้ประโยชน์มากเพราะเป็นความรู้ที่สดและตรงประเด็น อย่างเรื่องผู้นำ 8 ประการของ Nelson Mandela ได้นำมาให้กลุ่มข้าราชการ C 5 - 6 วิเคราะห์ ทุกคนบอกว่าได้ความรู้เป็นประโยชน์มาก ผมได้แปลบทความนี้เป็นภาษาอังกฤษเกือบทุกอาทิตย์ ส่งไปตามสถานทูตต่าง ๆ ซึ่งผมทำงานในนามมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ ซึ่งได้ประโยชน์ต่อชาวต่างประเทศที่สนใจข้อเขียนของผมอีกกลุ่มหนึ่ง
แต่มีอีก 1 วิธี คือ จะขึ้น Blog ใหม่ ๆ ทุกอาทิตย์ ชื่อ บทเรียนจากความจริง กับ ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ จะให้สมาชิกที่อ่าน Blog ของผมได้มีโอกาสได้ใช้ประโยชน์เพิ่มเติมด้วย
ท่านผู้อ่านถ้า มี Feedback ที่ดี เราก็จะตอบใน Blog หรือนำเสนอในบทความซึ่งได้ทำสำเร็จเหมือน Blog "เรียนรู้จากกีฬา" บทความในแนวหน้ามีผู้อ่านประจำอยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้สร้างชุมชนการเรียนรู้ทาง Blog และยังไม่ได้ Interact กันอย่างเป็นรูปธรรม ก็ขอเชิญท่านผู้อ่านที่สนใจร่วมแสดงความคิดเห็นกับเราได้
เมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมภูมิใจมากที่ครูใหญ่โรงเรียนประถมฯ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย โทรศัพท์มาว่าเป็นลูกศิษย์ของผมทาง Blog มานาน ปรึกษาว่าจะประยุกต์ใช้ทฤษฎี 4 L's หรือ 8K's ในการทำงานของเขาได้อย่างไร? ผมก็ได้อธิบายไป ผมอยากให้ Blog มีประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไปมากขึ้น ผมต้องการออกไปหา "Outreach"คนไทยในมุมกว้าง และถ้ารู้ว่ามีคนไทยจำนวนมากได้รับประโยชน์ ผมจะมีความสุขมาก
ตอนนี้ระบบที่กำลังมาแรงก็คือ ระบบ Blog Buddy ซึ่งผมคิดว่าผมทำสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว ใครที่เป็นลูกศิษย์ผมโดยตรงต้องกระจายข้อมูลไปให้แก่เพื่อน ๆ นอกวงการให้ได้
ตัวอย่างที่น่าสนใจก็คือ โครงการปริญญาเอกหลักสูตรการจัดการนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ผมขอให้ทำคล้าย ๆ Branding แนวคิดของผม เรื่องการสร้างความรู้และวิธีการเรียนไปให้แก่นักเรียนปริญญาตรีในคณะต่าง ๆ ในมุมกว้าง เช่น วิธีการเรียนในมหาวิทยาลัยปัจจุบัน ถ้าไม่กระตุ้นให้เด็กมีส่วนร่วมคิดและสนใจ ประเทศก็จะมีแต่ทุนมนุษย์ที่ขาดทุนทางปัญญา แล้วสังคมในอนาคตจะอยู่อย่างไร? เพื่อนผมเป็นนักธุรกิจอินเดียบอกว่า คนไทย ถ้าคิดก็คือแค่ตัวเองหรือว่าฉันได้อะไร คิดอิจฉาคนอื่น แต่คนอินเดียคิดไกลและคิดเป็นยุทธศาสตร์
ผมคิดว่าอย่าว่าแต่อินเดียเลย แม้แต่คนเขมรก็คิดลึกกว่าเรา เขาวางแผนเรื่องเขาพระวิหาร เขามียุทธศาสตร์ที่เหนือกว่าไทยครับ
สุดท้าย ขอขอบคุณคุณอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร และคุณจันทร์ธิดา มีเดช เลขานุการกรมฯ ที่มอบหมายให้ผมและทีมงานจัดหลักสูตร Talent Capital Development ให้แก่ข้าราชการรุ่นใหม่ที่อายุไม่เกิน 40 ปี ผมภูมิใจมากเพราะได้ปลูกฝังผู้นำตั้งแต่รุ่นเด็ก ๆ
บรรยากาศพิธีเปิดหลักสูตรพัฒนาทุนทางความรู้ ทักษะ และทัศนคติของบุคลากรในสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) (Talented Capital Development Program) ซึ่งได้รับเกียรติจาก คุณอภิชาต จงสกุล เลขาธิการ เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมทั้งคุณจันทร์สุดา มีเดช เลขานุการกรมฯ และคณะผู้เข้ารับการอบรม จำนวน 50 คน ณ ห้องประชุมศรีปลั่ง สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2551
จีระ หงส์ลดารมภ์
e-mail: [email protected]
www.chiraacademy.com