"บ้านน้ำสุด สุดคะนึง ที่ฉัน...คิดถึงเหลือเกิน"
ใครเลยจะรู้ว่าในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต สิ่งที่ได้พบเห็นจะเป็นสิ่งที่ประทับอยู่ในความทรงจำได้นานที่สุด แม้บางครั้งขณะที่อยู่ในช่วงเวลานั้น จะมีทั้งสุขและทุกข์ แต่เมื่อวันเวลาได้ผ่านเลยไป เรากลับเฝ้าถวิลหาทั้งที่รู้ว่าไม่สามารถที่จะฝืนธรรมชาติหรือฝืนวันเวลาได้ วันเวลาที่ผ่านไปแล้วก็ผ่านเลยไป ไม่มีวันที่จะหวนกลับคืนมาใหม่ ต่อให้เราเฝ้าโหยหาสักเพียงใด ซึ่งมันเป็นสัจธรรมแห่งชีวิต ถ้าชีวิตหนึ่งคิดได้และตั้งอยู่ในความไม่ประมาท หมั่นทำทุกช่วงชีวิตให้เป็นช่วงเวลาแห่งความประทับใจ ชีวิตนั้นก็คงจะมีแต่ความสุข
ผู้เขียนได้เขียนเรื่องสั้นชุดหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ถอดมาจากบันทึกที่จารึกอยู่ในหัวใจของผู้เขียนเอง เป็นการบันทึกเรื่องราวในช่วงเวลาที่นับตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ครู แต่เป็นครูที่มีอายุเพียงสิบเก้าปีเศษ และเป็นครูในท้องถิ่นทุรกันดาร ผู้เขียนได้บันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ จากตัวละครที่มีชีวิตจริง ๆ นั่นคือเด็กบ้านไร่ที่อยู่ท่ามกลางความแห้งแล้งของผืนดิน แต่บันทึกนั้นกลับเป็นบันทึกที่ไม่มีสิ่งใดจะลบมันออกไปได้จากความทรงจำของผู้เขียน นอกจากความตาย เหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ในเรื่องสั้นชุดนี้ผ่านพ้นมาเกือบจะสามสิบปีแล้ว แต่ทุกสิ่งทุกอย่างยังแจ่มชัดทุกรายละเอียด ผู้เขียนจึงอยากจะเก็บมันไว้ในรูปของตัวอักษรตามพลังเท่าที่ผู้เขียนคิดว่าจะทำได้
ผู้เขียนได้นำเรื่องสั้นชุดนี้ซึ่งมีทั้งหมด 9 ตอน มา รวมเล่ม ในชื่อชุด “คิดถึงเหลือเกิน” โดยทำเป็นหนังสือส่งเสริมการอ่าน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ช่วงชั้นที่ 3 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อใช้เป็นแบบฝึกในการพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความของนักเรียนในช่วงชั้นดังกล่าว
ถ้าเรื่องสั้นชุดนี้พอจะมีประโยชน์อยู่บ้าง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ผู้เขียนขอมอบความดีนั้นแด่เด็ก ๆ ทุกคนและสันติภาพในโลกนี้ ขอปรารถนาว่าอย่าให้เราต้องทุกข์กายทุกข์ใจมากไปกว่านี้เลย ทุกคนเกิดมาเพื่อพบกัน รักกันแล้วก็จากกัน เมื่อถึงวันนั้น ธรรมชาติเท่านั้นที่จะชนะ
อยากอ่านเรื่องสั้นของท่านจังเลยครับ
ครูดี๋
สวัสดีค่ะคุณครูดี๋
ขอบคุณค่ะที่มาให้กำลังใจ ถ้าปรับปรุงรูปเล่มเสร็จและพละกำลังยังพอมี คงจะมีโอกาสได้ส่งไปให้คุณครูไว้เป็นที่ระลึกนะคะ
น่าสนใจค่ะ แต่ว่าทำอย่างไรจะได้อ่านบ้างล่ะคะ
สวัสดีค่ะ คุณครู NONGYAO - CHAMCHOY
ชอบปนิธานของคุณครูจังเลยค่ะ มีอาชีพครูไม่มีอาชีพเสริม สอนนักเรียนไม่ได้สอนหนังสือ สอนนักเรียนทุกคนไม่ได้สอนแต่นักเรียนในชั้นตนเอง ถ้าคุณครูในโลกนี้มีความตั้งใจเหมือนคุณครู อานิสงส์ก็จะไปตกที่เด็ก ๆ ทุกคนนะคะ ขอเป็นกำลังใจค่ะ
สวัสดีค่ะคุณครู วรางค์ภรณ์ เนื่องจากอวน
สวัสดีค่ะ คุณสิตะวัน
คงไม่บังอาจไปเทียบเท่า โต๊ะ โต๊ะ จัง หรอกค่ะ เพราะเป็นเพียงนักเขียนสมัครเล่นที่พยายามจะหาสื่อมาจูงใจให้นักเรียนอยากอ่านหนังสือน่ะค่ะ สอนนักเรียนชั้นม.1-ม.3 และมีความคิดว่าเด็กวัยนี้กำลังอยู่ในรอยต่อของวัยเด็กกับวัยรุ่น อยากจะฝึกนิสัยรักการอ่านให้กับเด็กจึงคิดว่าเรื่องที่มีเค้าโครงง่าย ๆ เป็นเรื่องใกล้ ๆ ตัว น่าจะดึงความสนใจเด็กได้ดีกว่าเรื่องที่มีเนื้อหาหนัก ๆ หรือเรื่องที่ห่างไกลตัวเด็ก ก็ได้ผลน่าพอใจระดับหนึ่ง เอาเป็นว่าถ้าออกเป็นรูปเล่มที่พอจะอวดใครได้จะคิดถึงคุณสิตะวัน คุณNONGYAO - CHAMCHOY และคุณครูดี๋ ก่อนใครเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ
อยากอ่านจังเลย จะสนุกหรือเปล่าค่ะ คิดถึงจังเลย
คิดไม่ถึง นะคะ มีหนังสือชื่อนี้ คิดถึงเหลือเกิน
แค่ คิด ก็ ส่ง ถึง ... ยิ่ง คิด ก็ยิ่ง ถึง
แค่ คิดถึง ก็ซึ้ง พอ ... สุขสันต์วันพระนะคะครูพี่
...
อดีตอันแสนหวาน ที่ชวนให้คิดถึง รำพึง รำพันหา
คิดถึงเหลือเกิน เข้าใจ มาเยียวยา ขอบคุณค่ะ คิดถึงจัง