ไม่ได้เขียนหลายวัน เพราะเหตุผลเดิมๆครับ ไม่ได้เบี้ยว แต่มันไม่มีเวลาจริงๆครับ
ทุกประสบการณ์มีเกร็ดความรู้มากมาย ถ้ามีเวลาเขียนได้ จะเล่าให้หมดทุกเรื่องเลย แต่เมื่อมันไม่สามารถทำได้ก็ขอว่าไปทีละน้อยตามโอกาสที่มีก็แล้วกันครับ
วันอาทิตย์ 10 สค. ที่ผ่านมา ผมรับบทโชเฟอร์ อำนวยความสะดวกให้หลานและหมู่ญาติและผองเพื่อนของเธอได้ถ่ายรูปร่วมกันในวันซ้อมใหญ่เพื่อรับพระราชทานปริญญาบัตรที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ซึ่งมีกำหนดรับจริงในวันที่ 14 สค. 51
ผมปล่อยสมาชิกทุกคนลงที่ประตูด้านสะพานพระปิ่นเกล้า แล้วจึงขับรถไปหาที่จอดในสนามหลวง .. รถแน่นลานจอด กว่าจะได้ที่จอดเรียบร้อยก็ว่าเข้าไปร่วมครึ่งชั่วโมง แล้วผมก็เดินไป หวังสมทบกับสมาชิกในบริเวณมหาวิทยาลัย
เมื่อถามว่าอยู่กันตรงจุดไหน เสียงหลานบอกมาทางโทรศัพท์ว่า ทะลุตึกแม่โดมแล้วเลี้ยวซ้ายไป ผมก็เดินหาจนเมื่อย โทรถามอีกครั้งสองครั้ง เธอบอกให้เดินไปใกล้ตรงนั้นตรงนี้ แต่ก็ไม่เจอกัน จนมาถึงประตูออกด้านท่าพระจันทร์ ผมจึงมั่นใจว่าไม่ใช่ทางนั้นเป็นแน่ จึงโทรถามว่า ที่ว่าทางซ้ายนั้น หันหน้าไปทางไหน ปรากฏว่าเธอ หันหลังให้แม่น้ำ หันหน้าเข้าหาตึก ส่วนผมนั้นเดิน หันหน้าไปทางแม่น้ำ ... ซ้ายของเธอ และ ซ้ายของผมจึงอยู่ตรงกันข้ามกัน ... เหงื่อตก และหงุดหงิดได้เหมือนกันครับ กับเรื่องซ้ายๆ ขวาๆนี่แหละ
บทเรียนที่ได้ก็คือ จะบอกซ้าย-ขวากับใคร อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ว่าหันหน้าไปทางไหนกัน มีบางคนบอกว่าให้บอกว่าหันหน้าไปทิศใดก็ได้ ผมแย้งว่าไม่น่าจะดีนัก เพราะคนหลงทิศก็มีให้เห็นกันทั่วไป การยึดอาคาร สถานที่หรือวัตถุที่สังเกตเห็นได้ง่ายน่าจะปลอดภัยกว่า แต่ก็พึงระวังว่าอาจมีตัวแปรแทรกซ้อนได้อีก เช่น ให้ไปทางต้นมะขามต้นสุดท้าย ปรากฏว่าหาเท่าไรก็ไม่เจอ .. อันนี้เรื่องจริงที่เกิดขึ้นและเคยเขียนถึงแล้วครับ ใน บันทึกนี้ .. ต้นมะขามของผมอยู่ในวัดพระแก้ว ส่วนของอีกฝ่าย (ฝรั่ง) อยู่ที่วัดโพธิ์ .. เพราะเขาหลงผิดคิดว่านั่นคือวัดพระแก้วครับ
วันเดียวกันนั้นมีอีกเรื่องครับ
รถผมขับนำไปแล้ว ขึ้นเหนือไปทางบางพลัดมุ่งหน้าบางกรวย ว่าจะพาเหล่าสมาชิกร่วม 20 ชีวิตไปทานข้าวกลางวันด้วยกัน ตอนผมใกล้ถึงสะพานพระรามเจ็ด โทรถามอีกคันว่าถึงไหนกันแล้ว คำตอบคือ .. เดี๋ยวจะขึ้นสะพานซังฮี้ .. ได้ฟังเช่นนั้นผมก็บึ่งต่อทันทีไปแถวบางกรวยเพื่อหาร้านและสั่งอาหารรอ เพราะเขามาใกล้ทันเราแล้ว .. ไปได้สักพักติดต่อกลับไปใหม่ กลับได้คำตอบว่า รถยังติดอยู่แถวราชดำเนิน .. อ้าว ! ก็ไหนว่าจะขึ้น สะพานซังฮี้ ล่ะ ผมถาม
ภาษาเป็นเหตุอีกแล้วครับ ที่จะ ขึ้นสะพานซังฮี้ นั้น เป็นแผน (Future) ของเขา ส่วนผมนั้นตีความคำว่า จะขึ้น ว่าหมายถึง อยู่แถวหัวสะพาน .. งานนี้ผมเลยต้องขับรถวนย้อนกลับไปหาร้านที่เหมาะสมกว่า สุดท้ายก็มาลงเอยที่ วิเศษไก่ย่าง แถวแยกบางโพ ใกล้เกียกกายครับ .. เฮ้อ .. เหนื่อย !
สวัสดีครับ อาจารย์
มาอ่านเรื่องราวแล้ว ได้อะไรเพิ่มขึ้นเยอะเลยครับ
สวัสดีครับ
อิอิอิ แวะมาทักทายตอนดึกค่ะ
ขำดีค่ะท่านอาจารย์
นึกถึง ครอบครัว ของสามีค่ะ มาแจม ด้วย บันทึกนี้
สวัสดีครับ
อ่านไปยิ้มไป มาก๊ากเอาตรงวัดพระแก้วกับวัดโพธิ์ นี่แหละค่ะ เป็นไปด๊าย...จริงๆ ขอบคุณกับเรื่องเรียกรอยยิ้มในวันหม่นๆวันนี้นะคะ พี่ Handyเป็นห่วงผู้คนบนถนนกรุงเทพจังเลยค่ะ
ขอบคุณครับคุณน้อง โอ๋-อโณ