เรื่องเล่าเร้าพลัง (Best Practice)
KM กับการสอนคอมพิวเตอร์
ดิฉันได้บรรจุเข้ารับราชการครูเมื่อ วันที่ 16 ธันวาคม 2547 ที่โรงเรียนวัดศิวาราม
อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นโรงเรียนขยายโอกาส วันแรกเดินทางมาสอนได้นั่งรถประจำทางสายวังน้อยมาก็นั่งคิดมาว่าจะต้องสอนเด็ก ๆ ให้เก่งในวิชาคอมพิวเตอร์เหมือนอย่างที่ดิฉันได้เคยทำมาแล้วเมื่อสอนอยู่ที่โรงเรียนเทคนิคพณิชยการอยุธยา วันแรกที่เข้ามาสอนก็ได้รับมอบหมายให้สอนวิชา ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ระดับชั้น ม.2 วิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี ในระดับชั้นมัธยม ม.1- ม.3 และครูประจำชั้น ม.2 ซึ่งใน 3 วิชาที่ได้รับมอบหมายให้สอนนี้ วิชาคอมพิวเตอร์เป็นวิชาที่มีความถนัดและมีประสบการณ์ในการสอนมากที่สุด แต่ดิฉันก็เคยได้รับการสั่งสอนจากครูอาจารย์ที่สอนมาว่าถ้าเป็นครูแล้วต้องสอนให้ได้ทุกวิชา วิชาไหนที่ไม่ถนัดก็ต้องไปหาความรู้เพิ่มเติมมาจากผู้รู้หรือแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับดิฉัน
เมื่อได้เข้ามาสอนจริง ๆ แล้ว ก็ต้องพบกับปัญหาหลายเรื่อง ในการสอนวิชาคอมพิวเตอร์ที่โรงเรียนวัดศิวาราม
ปัญหาแรก คือ เครื่องคอมพิวเตอร์ มีจำนวนไม่เพียงพอ ซึ่งไม่พอเหมาะกับจำนวนของนักเรียนที่ห้องหนึ่งมีตั้งแต่ 25-40 คน
ปัญหาที่สอง คือ นักเรียนไม่มีทักษะในการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และโปรแกรมคอมพิวเตอร์
ปัญหาที่สาม คือ นักเรียนขาดความรับผิดชอบ ในการทำงาน ส่งงานไม่ตรงเวลา
ปัญหาที่สี่ คือ นักเรียนยังขาดระเบียบวินัยในการเรียนการตรงต่อเวลาและการดูแลรักษาของใช้ส่วนรวม
ในสี่ปัญหาที่ดิฉันได้พบนี้ ทำให้ดิฉันต้องมาคิดใหม่ทำใหม่ในการจัดการเรียนการสอนวิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียนโรงเรียนวัดศิวาราม ในปี 2549 ดิฉันจึงได้นำกิจกรรม KM เข้ามาช่วยในการแก้ปัญหา เนื่องจากโรงเรียนวัดศิวารามได้รับการคัดเลือกจาก สพท.อย.1 ให้เข้าร่วมทำกิจกรรม KM จึงเป็นโอกาสดีของดิฉันที่ได้มีโอกาสได้รับความรู้เรื่อง KM จากท่านผู้อำนวยการโรงเรียนวัดศิวาราม จากคณะทำงาน KM สพท.อย.1 จาก คณะทำงานของ สกศ. จากการเข้ารับการอบรมศึกษาดูงาน และจากการประชุม KM ทุกสัปดาห์ ของโรงเรียนวัดศิวารามจึงทำให้ดิฉันได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเรื่อง การเรียนการสอนและเรื่องอื่น ๆ กับเพื่อนครูในโรงเรียน ตามกระบวนการของ KM
ดิฉันได้นำกิจกรรม KM เข้ามาใช้กับนักเรียนที่ดิฉันสอน นักเรียนระดับชั้น ม.1- ม.3
สิ่งแรกเลยดิฉัน ให้นักเรียนเล่าเรื่องสิ่งที่เขาคาดหวังว่าจะได้จากการเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ลงในสมุดส่ง จากการเล่าเรื่องของแต่ละคน ก็ทำให้ดิฉันได้รู้ว่าสิ่งที่เขาต้องการเป็นเรื่องแรกก็คือ อยากมีโอกาสได้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกครั้งที่เรียน อยากค้นหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตได้เก่ง ๆ และอยากให้คุณครูให้ใบงานน้อย ๆ เพราะจะได้มีเวลาเอารายงานวิชาอื่นมาพิมพ์ในห้องเรียน เมื่อดิฉันรู้ว่านักเรียนต้องการอะไรแล้ว ดิฉันก็เริ่มทำการแก้ปัญหา
เรื่องแรก ที่ดิฉันทำก็คือเรื่องการแก้ปัญหาเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่พอกับจำนวนการใช้งานของนักเรียน ดิฉันก็ได้จัดกลุ่มให้นักเรียนนั่ง 2- 3 คน ต่อ 1 เครื่อง ขึ้นอยู่กับจำนวนของนักเรียนที่เข้าเรียนในแต่ละชั่วโมงและจัดให้นักเรียนในแต่ละกลุ่มได้ผลัดเปลี่ยนกันใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในชั่วโมงเรียนโดยให้ผลัดกันพิมพ์ตัวอย่างที่ดิฉันให้จากใบงาน ซึ่งดิฉันจะให้ไม่มากเพื่อนักเรียนทุกคนจะได้เวียนกันพิมพ์ได้ทุกคนโดยดิฉันจะคอยเดินดูและถามนักเรียนอย่างเอาใจใส่ทุกครั้งที่สั่งงานว่าใครยังไม่ได้ใช้คอมพิวเตอร์ทำงานที่ครูสั่งบ้างก็จะให้ผลัดกันทำ และในช่วงเวลาพักกลางวันก็ให้เข้ามาใช้ห้องคอมพิวเตอร์เพื่อทำงานและเล่นอินเตอร์เน็ตได้ ทำให้นักเรียนมีความสนใจเรียนมากขึ้น
เรื่องที่สอง คือ เรื่องไม่มีทักษะในการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในเรื่องนี้ดิฉันได้แก้ปัญหาโดยเขียนแผนการสอนให้มีความยืดหยุ่นให้เหมาะกับการเรียนการสอนในแต่ละเรื่องที่สอน แต่ละระดับชั้น และสอดคล้องกับหลักสูตรของโรงเรียน โดยดิฉันจะเน้นให้เด็กนักเรียนได้ฝึกปฏิบัติทำงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยตนเองอย่างจริงจังจากใบงานที่ดิฉันทำให้ ถึงแม้บางครั้งอาจจะต้องเวลาสอนหลายชั่วโมงในเรื่อง ๆ นั้น แต่ก็เป็นผลให้เด็กนักเรียนที่ดิฉันสอน มีทักษะในการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์มากขึ้น ดิฉันจะเอาใจใส่คอยถามนักเรียนเสมอว่าใครมีปัญหาอะไรหรือทำงานที่ครูสั่งไม่ถ้ามีได้ก็จะเข้าไปช่วยแก้ปัญหาให้หรือบ้างครั้งก็จะใช้วิธีการเพื่อนช่วยเพื่อนก็คือให้เด็กนักเรียนที่ทำได้ไปสอนคนที่ยังทำไม่ได้ ซึ่งก็ประสบณ์ความสำเร็จเป็นอย่างมากสำหรับวิธีการที่ดิฉันได้นำมาใช้นี้ เพราะทำให้เด็กนักเรียนมีทักษะในการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์มากขึ้น เช่น ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ทำการ์ดอวยพรปีใหม่ ทำการ์ดวันแม่ ทำที่คั่นหนังสือ ทำรายงาน ทำปฏิทิน ทำเว็บไซต์ ค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตเป็น นักเรียน ม.3 เขียนโปรแกรมโดยใช้โปรแกรม VB ได้ และใช้โปรแกรม Power Point นำเสนอผลงาน ต่าง ๆ ได้ดี
เรื่องที่สาม เรื่องนักเรียนขาดความรับผิดชอบในการทำงาน ส่งงานไม่ตรงเวลา ดิฉันได้คุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนครูที่สอนในสายมัธยมด้วยกัน เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญเรื่องหนึ่ง ซึ่งทำให้เข้าใจว่าที่เด็กนักเรียนส่งงานของเราช้าอาจเป็นเพราะต้องทำงานส่งคุณครูหลายวิชา ทำให้ไม่มีเวลามาทำงานเราในวิชาของดิฉัน ดิฉันก็เลยเปลี่ยนกลยุทธในการสั่งรายงานหรือการทำโครงงานใหม่ โดยใช้วิธีการหลอมรวมวิชาอื่นให้เข้ากับวิชาคอมพิวเตอร์ที่ดิฉันสอน จากวิธีเดิมดิฉันจะเป็นผู้กำหนดเรื่องให้เด็กนักเรียนทำ ก็เปลี่ยนให้เด็กนักเรียนเป็นคนเลือกเรื่องที่แต่ละกลุ่มสนใจทำเอง ดิฉันสั่งเกตุได้ว่าแต่ละกลุ่มจะเลือกทำเรื่องที่เข้าต้องทำรายงานส่งคุณครูท่านอื่นมาเป็นเรื่องที่ทำส่งดิฉัน ตัวอย่างเช่น นักเรียนชั้น ม. 3 ต้องทำรายงานเรื่องคำศัพท์ภาษาอังกฤษ เขาก็จะเลือกเรื่องนี้เข้ามาทำสไลด์ในโปรแกรม Power Point ส่งดิฉันโดยใช้กระบวนการความรู้ที่ได้จากการเรียนการสอนจากดิฉันในวิชาคอมพิวเตอร์มาผสมผสานกับความรู้ในวิชาภาษาอังกฤษอย่างลงตัว ทำให้ได้ผลงานมาส่งดิฉันและส่งคุณครูภาษาอังกฤษทันเวลา
ส่วนเรื่องสุดท้ายคือ เรื่องการขาดระเบียบวินัยในการเรียนการตรงต่อเวลาและการดูแลรักษาของใช้ส่วนรวม ก่อนสอนทุกครั้งดิฉันจะต้องพูดคุยกับนักเรียนเกี่ยวกับเรื่องข้อดีของการตรงต่อเวลาให้นักเรียนฟังทุกครั้ง ตัวอย่างเช่น พูดให้นักเรียนฟังว่าถ้าพวกเธอขึ้นมาเรียนกับครูเร็ว ไม่มัวแต่ชักช้าไปเข้าห้องน้ำ ดื่มน้ำ คุยกันอยู่ เราก็จะได้เรียนในเรื่องที่ครูเตรียมมาสอนได้จบทันในเวลาที่ครูกำหนด และทำแบบฝึกหัดได้ทันเวลา ไม่ต้องเสียเวลามาทำในช่วงพักกลางวัน และถ้ามีเวลาเหลือครูก็ยังให้พวกเธอเล่นอินเตอร์เน็ตได้อีกเธอคิดว่าดีไหม เด็กก็จะตอบว่าดี เพราะสิ่งจูงใจขอเขาคือได้เล่นอินเตอร์เน็ต ดิฉันพูดกับเด็ก ๆ แทบทุกครั้งไม่รู้สึกเบื่อที่จะพูดเมื่อมีชั่วโมงสอนคอมพิวเตอร์ และก็จะสอนว่านอกจากการตรงต่อเวลาแล้วเรายังต้องรู้จักรักษาของใช้ส่วนรวมในห้องนี้ คือ เครื่องคอมพิวเตอร์ โต๊ะ เก้าอีก เมื่อเลิกใช้แล้วทุกครั้งต้อง ปิดเครื่องให้ถูกวิธีตามที่ครูสอน โต๊ะ เก้าอี้ ก็ต้องเก็บให้เรียบร้อยทุกครั้ง เราจะได้มีใช้ไปนาน ๆ จนถึงรุ่นน้องของเรา และดิฉันก็ได้เขียนเป็นกฎระเบียบในการใช้ห้องคอมพิวเตอร์ติดไว้ที่หน้าห้องให้นักเรียนที่เข้ามาใช้ได้อ่าน
ผลแห่งความสำเร็จหลังจากได้นำการจัดการความรู้ KM เข้ามาใช้ในการสอนวิชาคอมพิวเตอร์
1. ได้ส่งนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมการแข่งขันเวทีศักยภาพนักเรียน 50 (Child Show) ในกิจกรรมกลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี ทั้ง 3 ช่วงชั้น 5 กิจกรรมคือ
· ช่วงชั้นที่ 3 กิจกรรม การเขียนโปรแกรม ได้รับรางวัลเหรียญ ทอง
· ช่วงชั้นที่ 3 กิจกรรม การสร้างเว็บไซต์ ได้รับรางวัลเหรียญ เงิน
· ช่วงชั้นที่ 2 กิจกรรม การค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต ได้รับรางวัลเหรียญ เงิน
· ช่วงชั้นที่ 2 กิจกรรม การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ได้รับรางวัลเหรียญ เงิน
· ช่วงชั้นที่ 1 กิจกรรม การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ได้รับรางวัลเหรียญ ทองแดง
2. ได้ส่งนักเรียนเข้าร่วมประกวดกิจกรรมโครงการ อย น้อย ประจำปี 2550 โดยใช้โปรแกรม Power Point นำเสนอผลงานของชมรม อย น้อย ในโรงเรียนวัดศิวาราม ได้รับรางวัลเหรียญ เงิน จากสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
3. เข้าร่วมกิจกรรมการประกวดตามโครงการโรงเรียนคุณภาพ(Quality School ) ปี 2550 ในกิจกรรม ICT และกิจกรรมโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ โรงเรียนวัดศิวาราม ได้รับรางวัลเรียญ ทอง ทั้ง 2 กิจกรรม
4. อบรมความรู้เรื่องการใช้ Blog ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้กับครูโรงเรียนวัดศิวาราม เป็นผลทำให้คุณครูทุกคนใช้ Blog ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้ดี
ดิฉันได้มีโอกาสได้นำความรู้และวิธีการที่ทำให้ดิฉันประสบณ์ความสำเร็จในการทำกิจกรรมต่าง ๆเผยแพร่ลงใน Blog ทาง http://gotoknow.org/planet/km1 หรือ http://gotoknow.org/planet/siwaram1-school ซึ่งมีผู้เข้ามาอ่านเป็นจำนวน มากและร่วมแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ
ดิฉันตั้งใจว่าจะพัฒนาในเรื่องการสอนของดิฉัน ควบคู่กับการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมของนักเรียนต่อไปเพื่อ นักเรียนของดิฉันจะได้เป็นคนดีของสังคม
เยี่ยมมากเลยครับคุณครู คงต้องเอาไปปรับใช้ที่โรงเรียนบ้างล่ะครับ