ในวันนี้ (๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๑) อ.แหววพยายามเคลียร์อีเมลล์ที่ค้างใน inbox และพบว่า มีสองอีเมลล์จากคน ๒ คนที่ทำงานเพื่อคนไร้รัฐคนไร้สัญชาติ ซึ่งหารือมาในเรื่องเดียวกัน กล่าวคือ
คนแรก ก็คือ อ.ด๋าว ดรุณี ไพศาลพาณิชย์กุล ซึ่งสร้างทีมงานพัฒนาองค์ความรู้จากงานวิจัยที่เรียกว่า “Stateless Watch” ในอีเมลล์นี้ อ.ด๋าวหารือ อ.แหวว เรื่องหนังสือที่ อ.ด๋าวยกร่างขึ้นเพื่อทำความเข้าใจข้อกฎหมายและสอบถามความคืบหน้าจากอำเภอสามร้อยยอดในการขจัดปัญหาความไร้รัฐของคนไทยพลัดถิ่นที่ไร้เอกสารพิสูจน์ตน โดยการบันทึกชื่อคนไทยพลัดถิ่นดังกล่าวในทะเบียนราษฎรของรัฐไทยประเภท ท.ร.๓๘ ก. ซึ่งเป็นทะเบียนสำหรับบุคคลที่ประสบปัญหาความไร้รัฐ หรือไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร ในเรื่องนี้ ควรจะต้องทำตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๔๘ แต่มาบัดนี้ พ.ศ.๒๕๕๑ ยังไม่ถึงไหนเลย งานครั้งนี้ของ อ.ด๋าว ก็คือ จุดเริ่มต้นของงานเพื่อคนไร้เอกสารและคนไทยพลัดถิ่นที่ไร้เอกสาร เป็นเรื่องของการขจัดปัญหาความไร้สถานะทางกฎหมายให้แก่คนไร้รัฐในภาคใต้ของประเทศไทย
คนที่สองที่อีเมลล์มาคุยกับ อ.แหวว ก็คือ อ.เอ๋ วรรณทนี รุ่งเรืองสภากุล แห่ง คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ อ.เอ๋ ส่งโครงการพัฒนาองค์ความรู้จากการวิจัยมาขอความคิดเห็นเหมือนกัน โครงการของ อ.เอ๋ มีชื่อว่า “โครงการต่อยอดคลินิกกฎหมายชาวบ้าน (ด้านสถานะและสิทธิบุคคล) อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่” เป็นงานภายใต้ความร่วมมือระหว่างคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ และองค์การยูนิเซฟประจำประเทศไทย กิจกรรมหนึ่งของโครงการต่อยอดองค์ความรู้แม่อายนี้มุ่งที่จะสร้างความรู้ในการขจัดปัญหาความไร้รัฐให้แก่คนที่ไร้เอกสารพิสูจน์ตนบนแผ่นดินแม่อาย งานครั้งนี้ของ อ.เอ๋ ก็คือ งานเพื่อคนชายแดน ซึ่งอาจจะเป็นคนเชื้อสายไทยใหญ่ หรือเป็นชาวเขา ที่ไร้เอกสาร เป็นเรื่องของการขจัดปัญหาความไร้สถานะทางกฎหมายให้แก่คนไร้รัฐในภาคเหนือของประเทศไทย
เมื่ออ่านจบสองอีเมลล์ อ.แหววจึงขอเสนอให้ทีมงานโครงการต่อยอดองค์ความรู้แม่อายฯ ของ อ.เอ๋ จับมือกับทีม Stateless Watch ของ อ.ด๋าว เพราะคิดเรื่องเดียวกัน แต่ใช้งานในคนละพื้นที่
ลองพิจารณานะคะ
----------------------------------------------------------
อาจารย์แหววขอเสนอให้อาจารย์เอ๋และอาจารย์ด๋าวให้จับมือกันศึกษาเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ในการจัดการปัญหาสิทธิในสถานะบุคคลของคนไร้รัฐเพราะไร้เอกสารพิสูจน์ทราบตัวบุคคล
โดย รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร
เมื่อวันเสาร์ที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
----------------------------------------------------------
ถ้าเป็นอย่างที่อ.เสนอจริงๆคงเป็นเรื่องที่ดีมากๆคะ
เป็นกำลังใจให้คะ
อยากใช้ชีวิตอยาง อ.แหวว จัง แต่ติดกับดัก เคยใช้ชีวิตแถบนั้นตอนปี 15 สักวันคงได้กลับไปครับ
ลุงเอกทำงานอะไร ? หรือที่ไหนคะ ?
อ.แหววอยากเขียนประวัติศาสตร์เกี่ยวกับชนกลุ่มน้อยในประเทศไทยค่ะ เดินตามรอยท่านอาจารย์ขจัดภัย บุรุษพัฒน์ค่ะ แต่จะเขียนในมุมของมนุษย์ค่ะ
ลุงเอกกรุณาแนะนำหน่อยซิคะ
หมู่เฮาคะ แนะนำให้รู้จักลุงเอกค่ะ
เพื่อรู้จักลุงเอก คลิกตรงนี้ค่ะ
แนะนำสั้นๆ ว่า ท่านเป็น "ครูใหญ่แห่งโรงเรียนโข่งวิทยา ตักศิลาเพื่อศึกษาสันติวิธี"
ในวันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๕
คนที่เกิดบนแผ่นดินไทยจำนวนมากเสียสัญชาติไทยโดยผลของประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ ๓๓๗ และตกเป็นคนไร้สัญชาติ ซึ่งคนตัวเป็นๆ ที่โดนผลกระทบของกฎหมายนี้ ก็คือ ชาวเขาของครูแดงนั่นเองค่ะ
ลุงเอกจำเรื่องนี้ได้ไหมคะ
ในวันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๕
คนที่เกิดบนแผ่นดินไทยจำนวนมากเสียสัญชาติไทยโดยผลของประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ ๓๓๗ และตกเป็นคนไร้สัญชาติ ซึ่งคนตัวเป็นๆ ที่โดนผลกระทบของกฎหมายนี้ ก็คือ ชาวเขาของครูแดงนั่นเองค่ะ
ลุงเอกจำเรื่องนี้ได้ไหมคะ
ด้วยยินดีค่ะ
ลงมือทำอะไรแล้ว-เกิดประโยชน์โภชน์ผลบ้าง ไม่มากก็น้อย นั้นยินดีอยู่แล้วค่ะ
ว่าแต่ว่า เราจะเริ่มต้นกันยังไงดีอ่ะค่ะ
เดี๋ยวหนู อีเมล์หาอ.เอ๋ ก็ได้ค่ะ
อยากได้คำแนะนำจากอาจารย์ด้วยอ่ะค่ะ
เสนอให้ทั้ง ๒ ทีมทำเวทีวิพากย์หลักสูตรและคู่มือ
และเชิญซึ่งกันและกันค่ะ
มันคือหลักสูตรและคู่มือ อันไหนคะ--
ฉบับที่จัดทำเพื่ออบรม ให้กับม.เอเชีย ป่าวคะ
อันนั้น เตือนมีแพลนจะทำแล้วนิคะ
หรืออ.หมายถึง หลักสูตรคู่มือ สำหรับการขจัดความไร้รัฐ ไร้สัญชาติภาพรวม
หนูว่าเรื่องนี้เรายังขาด คือ ยังเห็นด้วยกับอาจารย์ที่ว่า ทั้งหลักสูตรและคู่มือต้อง "ตอบตรง" กับกลุ่มเป้าหมาย
แต่เรายังขาดการมอง ภาพรวมของคู่มือสำหรับการขจัดความไร้รัฐ ไร้สัญชาติ หรือป่าวคะ
หารือ ค่ะ หารือ
ส่วนการพบปะหารือกันนั้น ก็ขอเชื้อเชิญ อ.เอ๋ ตรงนี้เลยนะคะ
น่าจะเริ่มต้นวิพากย์หลักสูตรและคู่มือกันได้ในบันทึกนี่ก่อนนะคะ