วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม ได้เขียนบันทึกถึงบุคลากรทุกคนของคณะสหเวชศาสตร์ เพื่อชี้แจงถึง เหตุผลความจำเป็นของการตัดสินใจของคณบดี ในการใช้เงินสะสมของคณะประมาณ 6 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงอาคารบริหารและบริการ ดังนี้
เรียนบุคลากรทุกท่าน
ภายในก่อนสิ้นปีงบประมาณ 2551 งานนโยบายและแผนของคณะ ได้ดำเนินการขออนุมัติต่อมหาวิทยาลัย เพื่อจัดจ้างปรับปรุงอาคารบริหารและบริการ โดยใช้เงินสะสมของคณะฯ แล้ว ดังนี้
1. จัดทำหลังคาปกคลุมดาดฟ้าของอาคารบริหารและบริการ เพื่อป้องกันการสึกกร่อนของพื้นดาดฟ้า และเป็นผลให้ผนัง/เพดานชั้น 6 ที่อยู่ติดกันผุพังและแตกร้าว กับรอยรั่วซึมของชั้นถัดๆ ลงมา เช่นลิฟท์ ที่เคยมีน้ำขังอยู่ เหตุเพราะมีน้ำรั่วซึมในฤดูฝนและการที่พื้นผิวดาดฟ้าได้รับอุณหภูมิสูงจากแสงแดดแผดเผาเป็นเวลานานๆ
วิธีนี้เป็นวิธีที่วิศวะกรของมหาวิทยาลัยให้คำแนะนำว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักกดทับ หลังคาออกแบบให้มีช่องระบายอากาศ และช่องแสง ให้กับปล่องกลางของอาคาร ลดปัญหาเรื่องการมาอาศัยทำรังของนกได้ด้วย ทั้งนี้ อาคารของคณะเกษตร และ CITCOM ที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกับอาคารของเรา ขณะนี้ก็กำลังปรับปรุงด้วยวิธีนี้เช่นเดียวกัน
คณะฯ พิจารณาแล้ว เห็นว่า แม้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายบ้าง แต่ก็คุ้มค่าต่อการลงทุนเพื่อความปลอดภัยในชีวิตของบุคลากร อาคาร และทรัพย์สินของคณะในระยะยาว เป็นการป้องกันไว้ก่อนเพื่อไม่ให้พวกเราต้องตกอยู่ในภาวะเสี่ยง จนเกินกว่าที่จะแก้ไขได้
2. ปรับปรุงพื้นที่ชั้น 6 ของอาคารบริหารฯ ซึ่ง ณ ปัจจุบัน ยังไม่ได้ติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ ไม่มีเครื่องปรับอากาศ และม่าน เป็น
2.1 ห้องบรรยายขนาดจุประมาณ 150 - 200 คน (ใช้เก้าอี้เล็คเชอร์) ที่มีโสตทัศนูปกรณ์ครบถ้วน 1 ห้อง
2.2 ห้องบรรยายขนาดจุ 100 - 120 คน ที่ยังไม่มีเครื่องเสียง และครุภัณฑ์สำนักงาน 1 ห้อง (เป็นห้องโล่งๆ ที่มีเวที) และ
2.3 ห้องบรรยายขนาดจุ 50-70 คน ที่ยังไม่มีเครื่องเสียง และครุภัณฑ์สำนักงานอีก 1 ห้อง
รวมทั้งสิ้น 3 ห้อง
ที่มาของปัญหา
- วันที่ 2 มกราคม 2551 คณบดีพบภาควิชากายภาพบำบัด ปัญหาที่ภาควิชาประสบ คือ จำนวนนิสิต ปี 1 และ ปี 2 มีมากเกินไป (70 - 90 คน ) ทำให้กังวลว่า ในปีการศึกษา 2552 ห้องเรียน/ห้องปฎิบัติการจะไม่เพียงพอ
การแก้ปัญหาระยะสั้น คือ ต้องหาห้องเรียน/ห้องปฎิบัติการ ที่มีขนาดใหญ่เพียงพอเพิ่ม และในระยะยาว ต้องลดจำนวนรับนิสิตให้เหลือเพียง 60 คน
- วันที่ 3 มกราคม 2551 คณบดีพบภาควิชาเทคนิคการแพทย์ ปัญหาที่ภาควิชาประสบ คือ จำนวนนิสิต ปี 1 และ ปี 2 มีมากเกินไป (70 กว่าคน ) ทำให้อุปกรณ์ทำ lap ไม่เพียงพอพอ แต่ภาคฯ MT ได้รับงบประมาณจากมหาวิทยาลัยในการสร้างห้องปฏิบัติการเพิ่มแล้ว เมื่อปี 50 จำนวน 2 ห้อง อยู่ที่ชั้น 1 อาคารปฏิบัติการ จึงบรรเทาปัญหาเรื่องห้องเรียนไปได้บ้าง ที่เหลือคือ ต้องของบประมาณแผ่นดินในการจัดซื้อครุภัณฑ์เพื่อการเรียนการสอน
- วันที่ 4 มกราคม 2551 คณบดีพบภาควิชาเทคโนโลยีหัวใจและทรวงอก ปัญหาที่ภาควิชาประสบ คือ จำนวนนิสิตปี 1 และ ปี 2 มีมากเกินไป (50 กว่าคน ) ปัญหาที่สำคัญคือ แหล่งฝึกงานของนิสิตไม่เพียงพอ และครุภัณฑ์การเรียนการสอนที่มีราคาแพงเริ่มชำรุดหาช่างซ่อมไม่ได้ แนวทางแก้ปัญหาคือ เพิ่มเก้าอี้ในห้องเรียน ติดต่อหาแหล่งฝึกงานเพิ่ม และร่วมโครงการวิจัยพัฒนาเครื่องมือ อุปกรณ์ชีวการแพทย์กับคณะวิศวะ (ดำเนินการแล้ว) รวมทั้งเตรียมของบประมาณแผ่นดินในการจัดซื้อครุภัณฑ์ทดแทน
- วันที่ 31 มกราคม 2551 คณบดีพบภาควิชารังสีเทคนิค ปัญหาที่ภาควิชาประสบคือ จำนวนนิสิตปี 1 และ ปี 2 มีมากเกินไป (70 กว่าคน ใกล้เคียงกับเทคนิค) แต่ห้องเรียนมีขนาดเล็ก ห้องใหญ่ที่มีอยู่ห้องเดียวจุได้สูงสุดไม่เกิน 60 คน ปีการศึกษานี้ : ปี 51 ภาควิชาฯ ขอเปลี่ยนโต๊ะเก้าอี้ในห้องเรียนใหญ่ เป็นเก้าอี้เล็คเชอร์ และขอย้ายโต๊ะ-เก้าอี้เรียนเดิมไปไว้ชั้น 6 (ดำเนินการแล้ว) เพื่อให้จุนิสิตได้มากขึ้น แต่ภาคการศึกษาถัดไป จะมีนิสิตปีที่ 2 เข้ามาเรียนด้วย ทำให้ขาดห้องบรรยายอย่างแน่นอน การแก้ปัญหาระยะสั้น คือ ต้องหาห้องบรรยายที่มีขนาดใหญ่เพียงพอเพิ่มเติม และในระยะยาว ต้องลดจำนวนรับนิสิตให้เหลือเพียง 60 คน
แผนการรับนิสิตของคณะตั้งแต่ปี 52 คือ 60 คนทุกสาขา ยกเว้น CVT = 40 คน (ถ้าท่านอธิการปัจจุบันไม่หมดวาระ อาจต้องผจญปัญหาจำนวนนิสิตต่อไป)
ดังนั้น วัตถุประสงค์หลักของการปรับปรุงชั้น 6 คือ การเพิ่มห้องบรรยายแก่นิสิตระดับปริญญาตรีของคณะ ไม่ใช่มุ่งประโยชน์ในการจัดกิจกรรม
นอกจากนี้ พื้นที่ของอาคารบริหารที่เหลืออยู่ เพียงพอสำหรับรองรับอาจารย์ประจำในอนาคต มีห้องพักอาจารย์ประจำ ไม่ต่ำกว่า 76 คน มี unit cell สำหรับอาจารย์ และนิสิต ป.โท เพื่อเป็นห้องปฏิบัติการวิจัย ชั้น 3 4 และ 5 รวม 24 ห้อง ทั้งนี้ อาจารย์ของเราทุกคนจะอยู่แบบเป็นหนึ่งเดียว อยู่คละกัน ไม่แยกภาควิชา การใช้พื้นที่ ไม่มีการจอง แต่ใช้ตาม performance ตามศักยภาพของอาจารย์ หรือกลุ่มวิจัย
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่คณะต้องดูแลนิสิตจำนวนมาก การใช้ประโยชน์ของห้องที่ปรับปรุงใหม่เพื่อกิจกรรมอื่นๆ ก็อาจกระทำได้ตามความจำเป็น แต่อันดับแรกจะใช้เพื่อการเรียนการสอนก่อน การสอนบางรายวิชาที่มีจำนวนนิสิตเกินกว่าขนาดของห้อง ก็ยังคงใช้วิธีขอใช้จากมหาวิทยาลัย หรือขอเช่าจากคณะอื่น รวมทั้งกิจกรรมอื่นๆ ที่ไม่เหมาะที่จะใช้ห้องในอาคารบริหาร ก็ต้องหาจากภายนอกเช่นเดิม
ในอนาคตถ้าจำนวนนิสิตลดลงแล้ว ประโยชน์ใช้สอยของห้องก็จะยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งคงไม่เกินความสามารถของผู้บริหารที่จะบริหารจัดการ
อนึ่ง ห้องบรรยายขนาดจุ 100 - 120 คน ที่ยังไม่มีเครื่องเสียง และครุภัณฑ์สำนักงาน 1 ห้อง (เป็นห้องโล่งๆ ที่มีเวที) และห้องบรรยายขนาดจุ 50-70 คน อีก 1 ห้อง ที่ยังไม่มีเครื่องเสียง และครุภัณฑ์สำนักงาน เพราะคณะฯ ยังมีครุภัณฑ์สำนักงานเหลืออยู่ ที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ โดยไม่ต้องซื้อใหม่
วิศวะกรของมหาวิทยาลัยก็ได้คำนวณการรับน้ำหนักของอาคารชั้น 6 ไว้แล้ว ว่าสามารถรองรับน้ำหนักได้อย่างปลอดภัย ตามรูปแบบการใช้งานดังกล่าว ขอให้ทุกท่านอย่าได้กังวลใจ แม้ว่านิสิตจะต้องใช้ลิฟท์เพิ่มขึ้นบ้าง เสียไฟมากขึ้นอีก ก็คงจะต้องยอมเสียบ้าง
สำหรับการขอใช้ห้องบรรยายของคณะสาธารณสุขนั้น คณะประสบปัญหามาโดยตลอด เพราะเราไม่มีอำนาจที่จะต่อรองใดใดได้ นอกจากรอความเมตตาจากเขา แต่เขาก็มีความจำเป็นไม่น้อยเหมือนกัน รวมทั้งยังมีคณะพยาบาลที่ขอใช้ร่วมด้วยอีกคณะหนึ่ง ท่านอาจทราบมาว่า คณะสาธารณสุขกำลังจะก่อสร้างอาคารใหม่ต่อจากอาคารคณะพยาบาล แต่ท่านจะต้องทราบด้วยว่า งบประมาณที่ท่านคณบดีคณะสาธารณสุขได้มานั้น ไม่ใช่งบปกติ ไม่มีสิ่งใดจะเป็นเครื่องรับประกันได้ว่า อาคารใหม่จะสร้างสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ในระยะเวลาใด ในขณะที่ปัญหาของเราที่ต้องเผชิญใกล้เข้ามาทุกที ไม่มีสิ่งใดจะเป็นเครื่องรับประกันได้ว่า คณะสาธารณสุขจะย้ายจากอาคารปัจจุบันไปยังอาคารใหม่ แล้วเราจะได้ใช้พื้นที่นั้นแทน สิ่งเดียวที่จะรับประกันได้ว่า เราจะบรรเทาปัญหาของเราเองได้ คือ การพึ่งตนเอง
3. การปรับปรุงสถานที่ ที่ไม่ได้ใช้งบประมาณ คือ การย้ายห้องอ่านหนังสือ ไปอยู่ที่อาคารปฏิบัติการชั้น 1 ติดกับห้องคอมพิวเตอร์ โดยย้ายห้องพัสดุมาแทนที่ ทั้งนี้เพราะ
3.1 จะได้ขยายห้องอ่านหนังสือให้กว้างเป็นห้องโล่ง และปรับปรุงให้มีทั้งปริมาณ และคุณภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์ มีระบบเครือข่ายติดต่อกับหอสมุดกลาง มีบรรณารักษ์ดูแล และสามารถสืบค้นข้อมูลได้จากเครื่องคอมพิวเตอร์ ในห้องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ติดกันได้ ทั้งนี้ ต่อไป ห้องคอมพิวเตอร์ จะไม่สามารถรองรับการเป็นห้องบรรยายได้ เพราะมีขนาดเล็กเกินไป กรณีที่ต้องใช้เครื่องคอมฯ เพื่อการสอน ก็ต้องขอใช้จากภายนอก ยุคนี้ เป็นยุคของการพัฒนาสำนักหอสมุด เพราะ ผอ. คนใหม่ เป็นคนดี คนเก่ง ที่มีวิสัยทัศน์ มีนโยบายที่จะส่งเสริมห้องอ่านหนังสือของทุกคณะ มีโครงการจะเชื่อมต่อระบบแคตตาลอกหนังสือของห้องอ่านหนังสือทุกคณะ โดยจะจัดซื้อ License ให้ทุกหน่วยงาน เครื่อง scanner สำหรับอ่าน Barcode และจัดหา barcode สำหรับติดสันหนังสือสำหรับทุกหน่วยงาน ฯลฯ ......
3.2 งานพัสดุของคณะฯ จะได้มีพื้นที่เพื่อเก็บวัสดุต่างๆ อย่างเป็นระบบ และยังสามารถ ติดต่อกับบุคคลภายนอกที่ชั้น 1 ได้โดยสะดวกเหมือนเดิม การเก็บและขนย้ายวัสดุเครื่องใช้ ที่มีน้ำหนักมาก ก็จะไม่เป็นปัญหา
3.3 ห้องพัสดุ เดิม จะปรับเป็นห้องสำหรับ นายช่างเทคนิค พนักงานขับรถ และเจ้าหน้าที่โสตในการประชาสัมพันธ์เสียงตามสาย ซึ่งแต่ไหนแต่ไรมาคณะฯ ยังไม่ได้ดูแล และเอื้อเฟื้อสิ่งอำนวยความสะดวกในการทำงานแก่บุคลากรดังกล่าวข้างต้นอย่างเหมาะสม
ท้ายที่สุดนี้ ขอความไว้วางใจจากทุกท่านว่า คณะฯ จะใช้งบประมาณทุกบาททุกสตางค์ของคณะฯ อย่างประหยัด และคุ้มค่าที่สุด ด้วยความสุจริตโปร่งใส และยินดีเปิดเผยให้ทุกท่านตรวจสอบได้ตลอดเวลา เงินสำรองของคณะจะต้องมีเหลืออยู่อย่างเพียงพอ และผู้บริหารจะต้องมีแนวทางที่จะแสวงหารายได้มาเพิ่มพูนให้มากขึ้นด้วย
ไม่มีความเห็น