การปฏิบัติธรรมคือการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนเองให้เหมาะสมกับการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ รักษาระดับจิตใจอย่าให้ต่ำกว่ามนุษย์ จึงจะได้เรียกว่าไม่เสียทีที่เกิดมา เราคนหนึ่งยังเป็นเสขบุคคล คือบุคคลที่ต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และให้เต็มตามศักยภาพ ในการปฏิบัตินั้นท่านได้วางหลักไว้มากมาย แต่เมื่อย่นย่อลงแล้ว ก็คือการปฏิบัติตามหลักไตรสิกขา ซึ่งแบ่งออกเป็น ศีล สมาธิ และปัญญา
ศีล คือ ความมีระเบียบแบบแผนในการดำเนินชีวิต และการอยู่ร่วมกันในสังคม พูดง่าย ๆ ก็คือ ความเป็นผู้มีระเบียบวินัยและการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์กติกาในการอยู่ร่วมกัน เพื่อให้มีความสัมพันธ์ที่ดี ชีวิตและสังคมจะได้มีความเรียบร้อยดีงาม ศีลจึงมีหลายระดับ ท่านจัดไว้เพื่อให้เหมาะกับสภาพชีวิตและสังคม หรือชุมชน นั้น ๆ ในการที่จะปฏิบัติเพื่อเข้าถึงจุดหมายของตน เช่น ศีล 311 สำหรับภิกษุณี ศีล 227 สำหรับพระภิกษุ ศีล 10 สำหรับสามเณร ศีล 8 สำหรับแม่ชีและผู้ถือศีลอุโบสถ และศีล 5 สำหรับชาวพุทธโดยทั่วไป
ศีล 5 จึงเป็นบรรทัดฐานของสังคม เป็นกฎเกณฑ์ความสำคัญพื้นฐานในสังคม เพื่อไม่ให้คนเบียดเบียนกันทั้งชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลอื่น อันเป็นฐานรองรับความมีสันติสุขของสังคม ดังนั้นศีล 5 จึงกำหนดให้มี การไม่เบียดเบียนกันไม่ละเมิดต่อร่างกายและชีวิตกัน การไม่ละเมิดต่อกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินเงินทองของผู้อื่น การไม่ละเมิดคู่ครองของกันและกัน การไม่ใช้วาจาหลอกลวงป้ายสีกัน และการไม่คุกคามต่อความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยของผู้อื่น ด้วยความสูญเสียสติสัมปชัญญะ ทั้งหมดนี้เป็นมาตรฐานขั้นต่ำ สำหรับจัดระเบียบชีวิตและสังคมของมนุษย์ให้อยู่ในสภาพที่เอื้อโอกาสขั้นื้นฐานในการที่นสร้างสิ่งที่ดีงามต่อไป
สมาธิ หมายถึง การฝึกฝนอบรมจิตใจใหสงบ แน่วแน่ มั่นคง ไม่หวั่นไหว เพื่อให้จิตสามารถทำงานหรือใช้การได้ดี โดยเฉพาะในการคิดพิจารณาให้เกิดปัญญา หรือใช้ปัญญาอย่างได้ผล ในการฝึกฝนจิตใจนั้นมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน ท่านจัดไว้เพื่อให้เหมาะกับจริตของแต่ละคน อย่างง่าย ๆ ก็คือ พุทธานุสสติ คือเอาองค์คุณของพระพุทธเจ้ามาเป็นอารมณ์ ด้วยองค์ภาวนาว่า พุท-โธ เป็นต้น
ปัญญา ได้แก่ความรู้ความเข้าใจสิ่งทั้งหลายตามสภาพที่เป็นจริง และการฝึกฝนอบรมหรือพัฒนาให้มีความรู้ความเข้าใจเช่นนั้น ขั้นเริ่มต้น ปัญญาเกิดจากการศึกษาเล่าเรียน ประสบการณ์ที่เข้ามาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ตลอดถึงความจำได้หมายรู้ และความรู้สึกนึกคิดที่ปรากฏหรือสั่งสมอยู่ในใจ ขั้นกลาง พิจารณาวินิฉัยหรือคิดการณ์ต่าง ๆได้อย่างถูกต้องชัดเจน โดยไม่ถูกกิเลส ครอบงำชักจูง และมองสิ่งทั้งหลายทะลุปรุโปร่งถึงเหตุปัจจัยต่าง ๆ จนสามารถเชื่อมโยงความรู้ในสิ่งทั้งหลายมาใช้แก้ปัญหา และทำการสร้างสรรค์ จัดดำเนินการต่าง ๆ ในขั้นสูงสุด รู้เท่าทันความเป็นจริงของโลก ที่เรียกว่า โลกธรรม หมดความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งหลาย เป็นอยู่ด้วยความปลอดโปร่งโล่งเบา เบิกบานผ่องใสอย่างแท้จริง
ขอให้ทุกท่านปฏิบัติตามธรรมหลักไตรสิกขาอย่างถูกต้อง ท่านก็จะเข้าถึงชีวิตที่ดีงาม มีความสุขอย่างแท้จริง เป็นอมตธรรม.
นมัสการมาด้วยความเคารพค่ะ
กราบนมัสการพระคุณเจ้า
ขอเพิ่มเติมศีลข้อ 3 นอกจากไม่ประพฤติล่วงละเมิดคู่ครองเขาแล้ว ต้องไม่ละเมิดลูกของเขาด้วย(ผู้ที่อยู่ในความอุปการะของพ่อแม่ ยังทำมาหากินเองไม่ได้)เช่น นักเรียน นักศึกษา ขอให้พระคุณเจ้า พระทุกวัดกรุณาช่วยเน้นศีลข้อนี้ให้มาก เพราะปัญหาสังคมที่มีมากในปัจจุบันนี้ เพราะเราไม่รู้ หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงขาดการปฏิบัติศีลข้อนี้ จึงทำให้ผู้ที่ยังไม่รู้สมัครใจลงนรกกันหมด...
นมัสการค่ะ
ถ้าทุก ๆ คนทำได้ก็คงจะดีนะค่ะเพราะทุกวันนี้ดิฉันก็อยากจะสงบจิตสงบใจหรือว่าปลงกับกิเลสทั้งหลายเหมือนกันค่ะแต่พยายามเท่าไรก็ทำไม่ได้สักทีไม่รู้ว่าเป็นอะไร