เมื่อวันพุธที่ 9 กค.51 ได้ร่วมทีมคณะตรวจราชการของกรมอนามัย นำทีมโดย รองอธิบดีกรมอนามัย นพ.โสภณ เมฆธน และ ทพ.สมนึก ชาญด้วยกิจ พี่ใหญ่ของงานทันตฯ ก็เลยมีเกล็ดเล็กๆ น้อยจากเรื่องของ คุณหมอสมนึกมาฝากกันละค่ะ
"... ผมเสนอว่า ผู้สูงอายุอย่าไปดูแลตอนที่ท่านเป็นผู้สูงอายุ ผมมองว่า ที่ทำยังไงที่เราจะ keep หรือขยายคนที่มีสุขภาวะที่ดีไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องดูตั้งแต่ก่อนจะสูงอายุ แล้วก็กลุ่มเสี่ยงนี่ เราจะควบคุมปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้ผู้สูงอายุแข็งแรงได้อย่างไร เราอาจจะ maintain ว่า เป้าระยะยาวจะเป็นยังไง เช่น ขณะนี้มีชมรมคน 100 ปี ตรงนั้นไม่ใช่ 100 ปี แบบไม่รู้เรื่องต้องเป็นคลังสมอง นี่คิดต่อนะครับ ... ตอนนี้มีตัวเลขอย่างหนึ่ง ในกลุ่มเด็กเล็ก เราบอกว่า มีการวัด IQ EQ กลุ่มผู้สูงอายุจะมีวัดอะไรไหม ญี่ปุ่นบอก 80-20 ก็หมายความว่า ผู้สูงอายุมีอายุยืนยาวไม่น้อยกว่า 80 ปี และก็เกี่ยวกับฟัน ฟันจริง ที่ต้องมีฟันที่ใช้งานได้ไม่น้อยกว่า 20 ซี่ ..."
"... จริงๆ แล้วงานของกรมอนามัย ผมว่า เราพูดกันมาก ว่า เราต้องให้ความสำคัญกับกลุ่มต้นๆ พี่สมัยก่อนที่เกษียณไปแล้ว เขาบอก "ต้องเริ่มที่แม่ แก้ที่พ่อ ก่อที่ลูก ปลูกที่เยาวชน" ... ยังไม่ถึงผู้สูงอายุครับ มาแค่นี้ละ ... เพราะฉะนั้น จริงๆ แล้วมันก็ต้องทำกันตั้งแต่ต้นน้ำ ถ้าเราดูแลแล้ว เอา concept ของท่าน อ.ดำรง maintain อันนี้ให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เราคงเคยได้ยินคำว่า "Good Health at Low Cost" นี่ก็คือ เศรษฐกิจพอเพียง นะครับ ผมคิดว่า ... อันนี้ก็จะเป็นหลักการ แนวคิด How to อย่างไรนี่ มันเป็นหน้าที่ของเรา ส่วนหนึ่งที่จะ create ขึ้นมา หรือจะไปค้นหามา บางทีคำตอบมันมีมาแล้วในอดีต ที่มันเป็น tacit knowledge ก็ต้องไปเอามา Explicit knowledge อาจจะมีที่เรา ที่อื่น ก็ต้องไปเอามา ข้อสำคัญ คือ ทำแล้วนี่ เอามารวมกันไว้ และทำอย่างไร จึงจะส่งต่อให้คนอื่นเขาได้ประโยชน์ ..."
"... โมเดลที่เราเอามาใช้กับประเทศไทยยุคหนึ่งของนิวซีแลนด์ ... เขาดูแลตั้งแต่เด็ก เราเคยมีเรื่องของทันตกรรมเพิ่มทวี ผมคงไม่ได้พูดในแง่ของทันตกรรม แต่จะพูดแนวคิดในเรื่องการดูแลตั้งแต่เด็ก สมมติว่า เด็กประถม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆ ก็ตาม ถ้าเลี้ยงดูอย่างดีให้ complete ใน ป.1 ตั้งต้น พอ ป.3 ป.4 ก็ดูแลไปตามปกติก่อน ... พอปีที่ 2 ก็ดูแล ป.1 และ ป.2 คือ ป.1 ใหม่ และ ป.2 ใหม่ พอทำไปแล้วครบ 5 ปี เด็กทั้งหมดจะอยู่ในการดูแลหมดเลย ... ซึ่งแนวคิดอย่างนี้ เขานำมาใช้กับงานทันตกรรม ... ผมไปดูงานเมื่อปี 1992 ตอนนั้น เด็กใน รร. ของเขาไปหาดูฟันผุแทบจะไม่ได้เลย มีแต่ว่า ตรงไหนมีฝ้าขาว ตรงไหนแปรงฟันไม่สะอาด แต่ว่าก่อนที่จะเริ่มโครงการนี้ อัตราการเกิดฟันผุของเขามากกว่าเราอีก ..."
"... ถ้าเราเริ่มต้นแบบว่า เรา Positive ... Creative thinking เริ่มต้นที่ ต้องเข้าใจว่า งานทุกงาน ไม่สามารถสำเร็จด้วยใครคนใดคนหนึ่ง มันต้องเชื่อมโยงกัน ... ผมเสนอแนวคิด ร่วมคิด ร่วมทำ และ บางทีอาจจะต้องแยกทำ แต่ต้องทำตามที่ร่วมคิด ... คือ บางทีที่ร่วมคิด อย่างกลุ่มผู้สูงอายุนี่ กรมการแพทย์ เขามีสถาบันเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ ที่บอกว่า กลุ่มที่ 1 เป็นบทบาทของกรมอนามัย กลุ่มที่ 2 เป็นบทบาทของ สปส. กลุ่มที่ 3 เป็นเรื่องของกรมแพทย์ เราก็ต้องไปโยงกับ สปสช. พม. หรืออื่นๆ ด้วย
ตอนนี้ทำยังไง กรมอนามัยบอกว่า เราจะเป็นผู้นำด้านส่งเสริมสุขภาพ แล้วถ้าต้องการให้สุขภาพประชาชนดี กรมอนามัยอาจจะต้องเหนื่อยหน่อย ... เราอาจจะต้องบอกว่า เรื่องผู้สูงอายุ เราเห็นว่าที่ศูนย์ฯ 5 เริ่มต้นดีแล้ว ก็เหนื่อยอีกสักหน่อยได้มั๊ย ลองคิด create ให้เห็นเป็นโมเดลก่อน ให้เป็นรูปแบบ
และคำว่า พันธมิตร ภาคีเครือข่าย ที่เป็นของกรมอนามัย ที่เราทำกันมาเยอะ ก็ลองทำ แล้วเสนอเป็นไอเดีย ก็ให้คิดดูว่า "ใครๆ ก็อยากที่จะปิดทองหน้าพระ ถ้าไม่มีใครปิดทองที่หลังพระ พระคงจะไม่งามทั้งองค์" แต่ของเราบางทีเราก็ปิดทองใต้ฐานพระ ก็มี ..."
ต้องไปคุยกันท่านบ่อยๆ น่าจะได้ tricks ในเรื่องของการทำงานเยอะเลยละค่ะเนี่ยะ
มีคำคมดีๆ เด็ดๆทั้งนั้นเลย เยี่ยมยอดมากๆ