ในเช้าของวันที่สดใส จะมีใครรู้บ้างว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเราบ้าง แม้แต่ข้าพเจ้าเองก็ไม่อาจจะร่วงรู้ได้ หากแต่ว่าเมื่อเหตุการณ์นั้นมันได้อุบัติขึ้นแล้วกับข้าพเจ้า จำได้ว่าเป็นช่วงของการปิดเทอมใหญ่ของการเรียนระดับประถม ปรกติแล้วข้าพเจ้าเองและน้องจะติดตามพ่อไปเล่นปาก้อนหินซุกซนกันตามประสาเด็กใกล้ๆที่ทำงานของพ่อ "หนึ่ง สอง สาม" ทันทีที่สิ้นเสียงนับ ข้าพเจ้าและน้องก็จะขว้างก้อนหินออกไปพร้อมๆกันเพื่อดูว่าใครขว้างได้ไกลที่สุด และ สุดแรงขว้างของเด็กประถมอย่างน้องของข้าพเจ้าบวกน้ำหนักก้อนหินกับความพยายามของการเอาชนะในการขว้างครั้งนี้ ทำให้ข้าพเจ้าถึงกับร้องไห้โฮออกมา เมื่อเห็นเลือดใหลเปื้อนมือที่กุมศรีษะ "ร้องทำไม" พ่อเอ็ดเสียงหลงด้วยคิดว่าข้าพเจ้าแกล้งน้อง แต่พอเห็นเลือดที่มือของข้าพเจ้า พ่อก็รีบวิ่งมาดูพร้อมออกคำสั่งกับน้องของข้าพเจ้าว่า "ไปหักกิ่งต้นขี้ไก่มา(ต้นสาบเสือ)" ภาษาท้องถิ่นของคนสงขลาเรียกต้นสาบเสือว่า ต้นขี้ไก่ ด้วยกลัวความผิดคิดว่าพ่อจะให้หักกิ่งไม้มาเพื่อทำโทษ น้องของข้าพเจ้าถึงกับร้องไห้และบอกพ่อว่า "อย่าตีผมนะ" พร้อมยื่นต้นขี้ไก่ให้ ข้าพเจ้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเอามาทำอะไร รู้แต่ว่าไม่ได้นำมาเพื่อตีน้องเป็นแน่เมื่อเห็นพ่อนำใบมาขยี่ผสมน้ำลายของพ่อและเอามาพอกไว้ที่แผล แสบนิดๆแต่ก็ห้ามเลือดได้ดีทีเดียวล่ะ การขว้างก้อนหินในครั้งนี้น้องของข้าพเจ้าเป็นผู้ชนะแม้ว่าจะขว้างไม่ได้ไกลไปกว่าข้าพเจ้าก็ตาม แต่เป็นการชนะใจที่เรียกว่าชนะใจพ่อและใจของข้าพเจ้าเอง และข้าพเจ้าก็จะเรียกมันว่า"ประสบการณ์" ซึ่งถือได้ว่าประสบการณ์ก็คือความทรงจำเพื่อการเรียนรู้ของคนที่รู้จักเก็บอย่างแท้จริง และเมื่อพูดถึงประสบการณ์แล้ว ด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิของข้าพเจ้าเองถือว่ายังมีน้อยมาก เทียบไม่ได้กับคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างคนที่ข้าพเจ้าใช้สรรพนามแทนชื่อของท่านว่า "พ่อ" พ่อผู้มีแต่ให้ ให้ประสบการณ์ของการเรียนรู้ ข้าพเจ้าเองคงไม่มีทางรู้ได้หรอกหากไม่มีประสบการณ์ของพ่อให้ได้เรียนรู้ มาวันนี้ใครจะทราบอีกล่ะว่าการทำงานในห้องปฏิบัติการที่มีแต่สารเคมีที่ใช้ในการทดลอง จะใช้น้ำลายในการย้อมพิเศษชิ้นเนื้อได้อีก แล้วจะไม่ให้เรียกว่า ข้อเขียนชีวิตพิสดาร ได้อย่างไร
ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกคน และยินดีที่ได้ชำแหละประสบการณ์ชีวิตหรือขายชีวิต เพื่อร่วมเรียนรู้ ร่วมคิด ร่วมหวัง ร่วมเป็นพลังหรือกำลังใจให้กันและกันของเพื่อนสมาชิก
Paraffin Blog
ไม่มีความเห็น