สร้างความรวยบนความทุกข์ของผู้อื่น


ผู้ที่ฉกฉวย โอกาสเท่านั้นที่จะรู้ว่าู้กำลังทำอะไรอยู่

 

                    สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่านวันนี้ผมมีเรื่องที่จะมาคุย

ด้วยเกี่ยวกับการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคเราจะเห็นได้ทุกวันนี้ ประเทศของ

เราของทุกอย่างขึ้นราคาทั้งนั้น แต่การขึ้นราคานั้นไม่ว่ากัน ทุกคนต้องการ

กำไร แต่การที่จะได้กำไรนั้นต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงไม่ใช่ว่าคอย

แต่จะกักตุนสินค้ากันเท่านั้นเพื่อความร่ำรวยของตัวเองและกลุ่มของตัวเท่านั้น

ไม่ยอมมองว่าผู้อื่นจะได้รับความเดือดร้อนหรือทุกข์ยากขนาดไหนไม่รับรู้ทั้งสิ้น

คนพวกนี้เมื่อร่ำรวยก็คอยแต่กำไรและผลประโยชน์จะตักตวงให้ได้มากยิ่งขึ้น

หาสนใจผู้อื่นไม่ เมื่อเป็นอย่างนี้เขาจะมีความสุขได้อย่างไร

               ถ้าจะถามว่าเขามีสิทธิที่จะทำอย่างไรก็ได้เพราะการค้าต้องหวังผล

กำไรและรู้ได้อย่างไรว่า เขาต้องร่ำรวยไม่ขาดทุน อันนี้เราจะสังเกตุได้ว่าเขาจะ

มีทรัพย์เงินทองและสิ่งของมากมายเพิ่มขึ้นจากการได้กำไรที่เขาค้าขายแต่ที่

บอกว่า ฉกฉวย นั้นเราต้องสังเกตุให้ดีเขาจะกักตุนสินค้าไว้ก่ีอน แล้วบอกว่า

สินค้าหมดต้องรอปรับราคาสินค้าใหม่ในเวลาเดียวกันผู้ที่เดือดร้้่้อนต้องรอไป

ก่อน แต่ที่ผมจะพูดต่อคือเราต้องนำ หลักพระพุทธศาสนา เข้ามาร่วมพิจารณา

ด้วยเพราะบอกว่าเราจะทำอะไรก็แล้วแต่อย่าให้ผู้อื่นเดือดร้อน หรือให้ได้รับผล

กระทบน้อยที่สุด เช่นกักตุนสินค้าไว้รอขึ้นราคาอย่างนี้เป็นทุกข์ไหม แล้วเมื่อเรา

ร่ำรวย มีเงินทอง ทรัพย์สมบัติมากมาย เขามีความสุขไหม ผู้คนต่างสาปแช่ง

ตัวเขาแล้ว และเวลาเขาตายจากโลกนี้ไปคนที่อยู่ข้างหลังเขาจะนำ ทรัพย์สิน

เงินทอง ไปให้ได้อย่างไร เขาไม่ใส่ไปให้แน่นอนอย่างดีพอหมดลมหายใจเขา

จะร้องไห้กับท่านไม่เกิน เจ็ดวัน เป็นอย่างมากหลังจากนั้น ญาติๆก็ลืมเขาแล้ว

อันนี้ผมขอวิงวอนให้ผู้ที่มีโอกาสก่อน จงมองเห็นภาพที่ผมเขียนให้ท่านได้

้อ่านกัน และอย่าลืมนะว่าการทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนไม่ว่าวิธีที่ถูกต้องตามกฎหมาย

หรือไม่หรือทำถูกวิธีที่แยบยล พ่อค้าก็ต้องทุกข์ใจอยู่ดีเพราะใจผู้ฉกฉวยโอกาส

เท่านั้นที่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ผมหวังว่าข้อเขียนในวันนี้คงจะสะกิดใจให้ผู้ที่

ฉกฉวยโอกาส ได้รับรู้ไว้ด้วย ถ้าพวกพ่อค้าแม่ค้า เปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังไม่สาย

ผมขอเล่านิทานให้ฟังเรื่องหนึ่งนะครับ

                     ยังมีเศรษฐีคนหนึ่งเมื่อก่อนนี้ยากจนมากแต่ต่อมาค้าขายร่ำรวย

จนมีเงินทองมากมายก็หวังจะสร้างความดีบ้างก็เอาตุ่มน้ำมาตั้งไว้หน้าบ้านและ

ใส่น้ำไว้เพื่อที่ผู้คนผ่านไปผ่านมาจะได้ดื่มเวลากระหายน้ำและมีกะลาใบเล็กใบ

หนึ่งไว้ที่ฝาโอ่งแต่ด้วยที่ เศรษฐีคนนี้รวยมากจึงเปลี่ยนจากกะละที่ใส่น้ำมาเป็น

ขันทองคำเพราะหน้าบ้านเศรษฐีต้องทำให้ดีหน่อย แต่อยู่มาไม่นานก็มีความ

วิตกว่าถ้าเราวางขันทองคำไว้อย่างนี้และต้องคอยเฝ้าดูอยู่ทุกวันเพราะกลัวจะ

มีใครมาเอาขันทองไปก็็้เลยเปลี่ยนใจเอาขันกะลาตามเดิมนี่แสดงให้เห็นแล้วว่า

คนเราอยากจะสร้างบุญก็ยังกลัวเลยเพราะตัวเองก็ขึ้นชื่อว่าเห็นแก่ตัวอยู่ก่อน

แล้วเพราะการขึ้นสินค้าเอาเปรียบประชาชนพอเวลาจะสร้างความดีก็กลัวคน

อื่นบ้าง อันนี้ผมยกตัวอย่างให้ท่านแค่เปรียบเทียบนิดหน่อยนะครับอย่าง

 เวลานี้ี้แก้สแอลพีจี ก็ขาดตลาดพ่อค้าเขากำลังทำอะไรอยู่ น่าสงสารผู้ที่เห็น

แก่ประโยชน์ส่วนตัวมาก และรวมไปถึงผู้บริโภคด้วยผมเขียนมานี้ก็แค่ให้ได้

คิดไม่มีเจตนาว่าใครและภูมิปัญญาก็มีไม่มากแต่ติดตามความเคลื่อนไหวอยู่

ตลอดเลิกเสียที่กับการฉกฉวยโอกาสเขา มีความสุขและมีความภูมิใจมากนัก

หรือที่เอาเปรียบผู้อื่น แล้วเขาร่ำรวยอยู่ถ่ายเดียวรวมทั้งญาติบริวารของเขา

เขาไม่รู้ตัวนะว่าที่เขาทำการค้าขายเอาเปรียบมากเกินไปนั้น เขาได้กระทำ

บาปแล้วโดยที่ไม่ได้ตั้งใจทำบาปหรือเจตนาที่จะทำบาปแต่กำไร และความ

โลภมากจึงต้องทำได้รับสิ่งกระทำโดยไม่รู้

     สำหรับวันนี้ผมขอจบแค่นี้นะครับ ขอให้ผู้บริโภคทุกท่าน จงอดทน อดกลั้น

ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นแล้วจะดีเมื่อทุกอย่างเข้าที่ดีแล้วหรือพ่อค้าเห็นบาปมาก

ขึ้นทุกอย่างน่าจะดีขึ้น

สำหรับวันนี้สวัสดีครับ ขอให้คุณพระคุ้มครองทุกๆท่าน

และให้สุขสดชื่นสมหวัง จงเป็นของทุกท่านครับ

จาก แก้ว สาริกา

089 9039098

กะลาในที่นี้หมายถึงกะลาใบเล็กๆที่พอตักน้ำดื่มได้มีด้ามจับหรือที่เรียกว่า

กระบวยตักน้ำ

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 191654เขียนเมื่อ 1 กรกฎาคม 2008 21:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 ตุลาคม 2014 07:22 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท