ได้อ่านบันทึกของอาจารย์ ดร.ธวัชชัย ปิยะวัฒน์ และข้อมูลจากทีมงาน G2K (ที่นี่) แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนมากถึงความตั้งใจในการลอกผลงานของผู้อื่นเอามาเป็นของตนเอง น่าคิดเหมือนกันว่าอะไรทำให้คนเรามีพฤติกรรมเช่นนี้
ประสบการณ์ส่วนตัวในการสอนระดับบัณฑิตศึกษา พบเช่นกันว่านักศึกษาปริญญาโทที่ทำวิทยานิพนธ์/สารนิพนธ์ บางคนก็ใช้วิธีการดังกล่าว ที่พบบ่อยมักเป็นการลอกข้อความจากหนังสือ/ตำรา หรือการทบทวนวรรณกรรมของผู้อื่นมาเป็นของตน พร้อมอ้างอิง Original articles เสร็จสรรพ เวลาถามก็มักจะบอกว่าอ่านเองแล้วเอามารวมๆ กัน ถ้าไม่ยอมรับผิดดิฉันจะขอดู Original articles ที่อ้างถึงนั้น มีคนจนมุมเพราะไม่มีให้ดูนี่เอง
บางคนลอกงานเพื่อนตั้งแต่ทำโครงร่างวิทยานิพนธ์/สารนิพนธ์เลยก็มี เขียนเหมือนกันทุกคำทุกประโยค อ้าง references เหมือนกัน ถามว่าใครลอกใครมักจะไม่ได้คำตอบ
เรื่องนี้ถือเป็นการทุจริตทางวิชาการ ดิฉันเชื่อว่าในข้อบังคับว่าด้วยการศึกษาขั้นบัณฑิตศึกษาของมหาวิทยาลัยต่างๆ ได้มีการกำหนดบทลงโทษทางวินัยเอาไว้ การทุจริตทางวิชาการมี ๒ เรื่องคือการลอกผลงานทางวิชาการและการสร้างข้อมูลเท็จ
คนที่ลอกผลงานของคนอื่นเขามามักจะทิ้งร่องรอยให้เกิดความสงสัย หากผู้เกี่ยวข้องโดยเฉพาะอาจารย์ที่ปรึกษาเอาใจใส่อย่างจริงจังจะตรวจพบได้ไม่ยาก กรรมการสอบก็ไม่ควรละเลย ต้องช่วยกันดูแล เพื่อให้นักศึกษารู้ถูก-ผิด รู้ว่าอะไรควรทำ-ไม่ควรทำ
วัลลา ตันตโยทัย
สวัสดีครับ
ผมเห็นด้วยกับประเด็นการลอกผลงานวิชาการของคนอื่น ว่าเป็นปัญหาหนึ่งที่สำคัญมากและจำเป็นต้องให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาครับ
และผมเห็นว่า วิธีการแก้ไขปัญหานี้อย่างหนึ่งคือ บทบาทของอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ในการอ่านงานนักศึกษา การซักถาม การชี้แนะ เพราะหากนักศึกษาส่งงานมาแล้วอาจารย์ที่ปรึกษาไม่ได้อ่านไม่ได้เสนอแนะหรือแม้กระทั่งการตั้งคำถาม ลอกมายังงัยก็ไม่อย่างนั้นแหละครับ
ดังนั้นการแนะนำที่แหลมคมของอาจารย์ที่ปรึกษาจึงน่าจะเป็นอีกวิธีการหนึ่งสำหรับการป้องกันปัญหานี้ครับ
ขอบคุณครับ