คืนนี้มีเรื่องขำๆเกี่ยวกับลูกสาวคนเล็กมาเล่าครับ อุมมีย์(คุณแม่ของเด๊ะนา) บอกให้เธอเอาการบ้านมาทำ เธอก็เอาสมุด หนังสือ และอุปกรณ์ออกมาจากกระเป๋า แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เธอเอาออกมาแล้วผมต้องอุทานออกไปว่า "ลูก!!! เอาฟุตเหล็กไปโรงเรียนด้วยหรือครับ?" เธอตอบว่า "ยอ" ผมถามว่า "ทำไมลูกเอาไม้บรรทัดยาวตั้ง 18 นิ้วไป ทำไมไม่เอาไม้บรรทัดสั้นๆไปละครับ" เธอเล่าว่า "ครูให้เด๊ะนาเป็นรองหัวหน้าชั้นค่ะและเมื่อเด๊ะนาทำแบบฝึกหัดเสร็จแล้วครูให้เด๊ะนาเดินตรวจ เพื่อนคนใหนไม่ทำแบบฝึกหัดครูให้เด๊ะนาตีได้ค่ะ"
ผมแย้งเธอว่า "มันจะดีหรือลูก แล้วนี่ลูกเอาฟุตเหล็กตั้งยาวไป มันดูจะไม่ค่อยดีนา อาเยาะว่าลูกอย่าตีเพื่อนๆเลยนะครับ บอกเขาดีๆ พูดเพราะๆ นี่ลูกเวลาคนอื่นมาตีลูก ชอบมั้ยฺ" อามีนานิ่งไปพักหนึ่งแล้วเธอตอบว่า "ไม่ชอบค่ะ" ผมบอกเธอว่า "นั่นแหละ เพื่อนๆของลูกก็รู้สึกแบบลูกนั่นแหละ" เธอพยักหน้าแล้วเธอก็เริ่มทำการบ้านโดยมีอุมมีย์ของเธอและแบกีฟ พี่ชายช่วยสอนอยู่ข้างๆ
เป็นการบ้านวิชาภาษาไทยครับ แบบฝึกหัดเรียงคำที่ให้ไว้ให้เป็นประโยคที่อ่านได้ความหมาย ตอนแรกๆดูเหมือนอามีนาจะไม่เข้าใจคำสั่ง อุมมีย์กับแบกีฟช่วยกันอธิบายเสียงดัง ผมนั่งฟังอยู่ห่างๆเมื่ออามีนาทำได้ แบกีฟก็ชมว่า "เก่งๆ เด๊ะนาเก่ง"
"ไงหละ!!!" ผมนึกในใจ"ทีตัวเองนะเวลาคนชมยิ้มกว้างดีใจ แต่พอครูให้คุมหน่อย แหมพาฟุตเหล็กอันยาวไป กะตีเพื่อนว่างั้นเถอะ"
ก็ทำไงได้หละครับ ก็ตัวอย่างที่อามีนาและเด็กไทยทั้งประเทศเห็นจนชินตานี่ เป็นแบบนั้นนี่นา
ฮาๆๆๆ แวะมาขำ
ไงหละ ดูท่าทางเด๊ะนา จะดูแบบเด็ดขาด เหมือนอุมมีย์ไหม..สงสัยจบมาได้เป็นครู ตามรอยเส้นทางของอุมมีย์อีกคน..
ธรรมดาเด็กติดภาพ แต่ขึ้นกับเราจะล้างภาพนั้นออกมาด้วยวิธีใด.
อิสลามสอนด้วยความอ่อนโยน และมีความเข้มแข็ง แต่ไม่กระด้าง.
วัสลามค่ะ
ตามมาอ่านเรื่องราวน่ารักของเด็กๆค่ะ..แล้วก็นี่เลยค่ะ..ว่งการบ้านต่อให้อาจารย์อาลัมด้วยค่ะ..ว่างๆค่อยมาแฉก็ได้ค่ะ..แฮ่..
ด้วยความระลึกถึงค่ะ..^^
ขอบคุณมากครับครูแอ๊วที่ให้เกียรติมาtagความลับของผม ในกระบวนการนึกหาความลับเพื่อบันทึกนี่ทำให้รื้อฟื้นความทรงจำ บางอย่าง ผมบันทึกไปยิ้มไปครับ ขอบคุณครูแอ๊วมากครับ http://gotoknow.org/blog/writing6/192764
พกฟุตเหล็ก - -"
นึกแล้ว ห่วง.... แล้วถ้าเด็กเอาไปโดนที่ผู้ใหญ่ไม่เห็น แล้วมีเรื่องจากอุบัติเหตุ ฟุตเหล็กขึ้นมา
เป็นห่วงจังค่ะ......
แต่มาดนี้...เด็กช่างกลเลยนะคะเนี่ย ฮ่ะๆๆๆ
รู้สึกดีจังกับความห่วงใยนี้...
ขอบคุณมากๆเลยครับคุณไคเนส ใช่ครับน่าห่วงกับความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของความคิดเด็กๆ
เป็นข้อสังเกตที่ไม่อาจมองข้ามจริงครับ
......................................................................................
พูดถึงเรื่องนำฟุตเหล็กหรืออาวุธไปในสถานศึกษาหรือค่ายอบรมฯนี่ผมมีอยู่เรื่องหนึ่ง
ประมาณปี 2528 หรือ 2529 ก็ 23 หรือ24 ปีก่อน ผมเป็นหนึ่งในทีมงานของยุวมุสลิมยะลา (ย.ม.ย.) ซึ่งทุกๆช่วงปิดภาคการศึกษาภาคฤดูร้อน หรือช่วงเดือนเมษายน ของทุกปี เราจะจัดค่ายอบรมภาคฤดูร้อนกัน ก็มีเด็กจากส่วนต่างๆของประเทศมาเข้าค่ายเยอะมากครับทั้งจากภาคเหนือ อิสาน กทมฯ และภาคใต้เอง ค่ายจัดที่โรงเรียนบ้านอามัน ของท่านอุสตาซอับดุลลอฮฺ จินารง
มีอยู่เคสหนึ่งวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งมาเข้าค่าย ตัวสูงใหญ่ มากันเป็นทีม 4-5 คน ฝ่ายปกครองของค่ายอบรมสังเกตดูแล้วบอกให้พวกเรา ทีมงานจับตาดูกลุ่มนี้เป็นพิเศษ และที่ประชุมเห็นว่าน่าจะมีการตรวจที่พักของเยาวชนที่มาอบรม ก็ตกลงตามนั้น ช่วงที่กำลังปฐมนิเทศผู้เข้าอบรมฯ ทีมงานส่วนหนึ่งก็ไปตรวจตามที่พักแล้วสิ่งที่พบถึงกับทำให้ทีมงานผงะ ครับหนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวพาดาบยาวมาด้วย คงกะเอามาใช้ในกรณีมีเรื่องกัน
แล้วเราก็ได้เชิญเจ้าของดาบมาสอบถามว่าพามาทำไม คำตอบของเขาผมจำได้ไม่ลืมครับ เขาตอบว่า "เอามาเหลาดินสอ" แล้วเราก็อบรมแนะนำไปตามระเบียบ (แต่ในใจก็นึกหวั่นๆอยู่เหมือนกัน เพราะทีมงานส่วนใหญ่จะผอมบาง ตัวเล็กๆ ถ้าวัยรุ่นกลุ่มนั้นฮึดฮัดขึ้นมา ก็ไม่มีแรงไปต่อกรกับพวกเขา แต่เรื่องก็ผ่านไปด้วยดีครับ อัลหัมดุลิละฮฺ)
แล้วการอบรมก็ดำเนินต่อไปจนกระทั่งจบ ก็มีกิจกรรมอำลาก่อนปิดค่าย ปรากฏว่ามีเรื่องที่ทำให้พวกเราทีมงานแปลกใจและประทับใจครับ ก็วันอำลานี่ทีมงานก็จะเวียนกันออกมาพูดความในใจ ขอบคุณฝากฝั่ง ย้ำเตือนให้นำความรู้ไปปฏิบัติประมาณนั้น สุดท้ายก็สลาม(คล้ายเช็คแฮนด์)กับผู้เข้ารับการอบรม
วัยรุ่นคนนั้นที่พาดาบยาวมาหลังจากสลามกับทีมงานแล้ว พี่แกร้องไห้โฮ พร้อมกล่าวขอโทษ ที่เป็นตัวป่วนในค่าย เขาสัญญาว่าจะละหมาดไม่ขาด จะตั้งใจเรียนและอื่นๆ
ครับคำพูดของเขาทำให้เราทีมงานที่ดูแลพวกเขา 15 วัน 15 คืน หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งครับ อัลหัมดุลิละฮฺ
แต่นั่นก็ยังไม่จบ
ต่อมาเมื่อผมได้เป็นผู้ช่วยผู้บริหารโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง นายคนที่ว่า (จำชื่อไม่ได้แล้วขอเรียก"นายดาบ"ก็แล้วกัน) ก็พาลูกของเขามาสมัครเรียนที่โรงเรียนนั้นด้วย
ผมเจอเคสลักษณะนี้หลายครั้งครับ อีกเคสหนึ่งก็เกิดขึ้นที่ "โรงเรียนอิสลามวิทยาลัย" กทมฯ เอาเป็นว่าผมจะมาเล่าในบึกทึกต่อไปก็แล้วกันนะครับ
โปรดติดตามตอนต่อไป....
ท่านที่สนใจเข้าไปอ่านได้ที่บันทึก "ความในใจของอับดุลลอฮฺ"