เห็นปุ๊บ หน้าจะซีด ใจเริ่มสั่น ต้องสะบัดหน้าหนีทันที แต่ใจก็ยังสั่นไม่หยุด หากยังอยู่ในระยะที่มองเห็น หรือยังได้ยินเสียงพูดของคนท้องอยู่ พะอืดพะอม มือเท้าอ่อนแรง พาลจะเป็นลมไปเลยหล่ะค่ะ
ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะเป็นโรคแบบดารา ที่เค้ากรี๊ดกร๊าดกันในทีวี กลัวจิ้งจก ตุ๊กแก กล้วยหอม อะไรทำนองนั้นนะคะ
แต่สารภาพค่ะ ว่า ครูปูกลัวคนท้องค่ะ กลัวหมายถึง เข้าใกล้ไม่ได้ เจอต้องวิ่งหนี ถ้าคับขัน หนีไม่ได้ จิตในส่วนความกลัวนี้จะสั่งร่างกายให้แสดงอาการต่าง ๆ นา ๆ ทันทีเลยค่ะ
เรื่องเป็นอย่างนี้ค่ะ ปีแรกที่เดินทางไปเรียนที่ มศว.สงขลา ขณะนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์ติดไฟแดงตรงทางแยก ที่จะเลี้ยวไปเลียบชายหาดสมิหลา ก็มีคู่สามีภรรยา ขับมาจอดเทียบอยู่ข้าง ๆ คุณสามีผู้ขับด้วยความเร็ว และเบรคเอี๊ยด... จนหัวทิ่ม อย่างไม่อีนังขังขอบ ทำให้ภรรยาซึ่งท้องแก่มาก ๆ ครูปูก็ดูไม่เป็นหรอกค่ะว่า กี่เดือน รู้แต่ว่าใหญ่มาก ๆ ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็น คงด้วยความอึดอัด เธอก็นั่งบิดไปบิดมา หงายหน้า หงายหลัง เหมือนกับกำลังจะพยายามเปลี่ยนอริยาบถ แต่ความอุ้ยอ้ายคงทำให้เธออึดอัดขัดใจมาก เริ่มกระฟัดกระเฟียด ปีนป่ายกะง่อน กะแง่น ตามลำดับ
ครูปูซึ่งนั่งจับตาดูอยู่ตลอดการเคลื่อนไหว เริ่มออกอาการเลยค่ะ เหงื่อแตกพลั่ก หน้าตาเริ่มเหยเกขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความเสียวไส้ ในการยักแย่ ยักยันของเธอ
จินตนาการไปว่าถ้าเธอ หล่นตุ้บ! ลงมา แล้วของเหลวที่บรรจุอยู่ในท้องนั้น แตกโพล๊ะ! เหมือนแตงโมตกมาจากรถขนส่ง จะทำยังไง (ดู๊ ดู คิดไปได้)
เท่านั้นเองค่ะ ครูปู น๊อค หลับกลางอากาศไปเลยค่ะ เพื่อนบอกว่า อยู่ดี ๆ ก็ร่วงผลอย ลงไปไม่มีปี่มีขลุ่ย จนพ่อค้าแม่ค้าข้างถนนต้องรีบวิ่งกันมาอุ้มไปปฐมพยาบาล กันเป็นการใหญ่
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น เป็นต้นมา ครูปูก็มิอาจใช้ชีวิต ในอาณาบริเวณเดียวกันกับคนท้องได้อีกเลย
เพื่อนรักกันแต่ปานไหน โทรศัพท์มาบอกด้วยความยินดีว่า "พี่ปู ขวัญจะมีน้องแล้วนะ"
"เหรอ! เออดี ๆ ถ้าอย่างนั้น ขวัญอย่ามาบ้านพี่แล้วนะ ไว้ลูกโตแล้วค่อยเจอกัน"
"เออ ขอโทษทีพี่ ขวัญลืมไป เอาไว้อีกซักสองสามปีค่อยเจอกันนะพี่ ว่าแต่ขวัญยังโทรหาพี่ได้ใช่ไหม อย่าบอกว่าไม่ได้นะพี่ มันจะเกินไปแล้ว จริง ๆ น๊า มีพี่กะเค้าอยู่คนนึง ก็ดันเพี้ยนอีก ว่าไงล่ะพี่"
"ได้ซิ่ แต่อย่ามาสาธยายเรื่องนี้แล้วกันนะ เห็นแก่พี่ตาดำ ๆ เถอะนะ พี่ไหว้ล่ะ"
"เออ ๆ รู้แล้ว เฮ้อ! เวรแท้ ๆ"
แม้แต่บรรดาแม่ ๆ ในที่ทำงานที่ชอบคุยกันเรื่องการเลี้ยงลูก และชอบ วกเข้ามาเรื่องความตื่นเต้น ตื้นตันตอนท้อง น้ำเดิน "แหม มันปวดที่สุด ไอ้เจ้าลูกคนนี้มันดื้อ มันเกิดยาก มันถีบ สายสะดือมันพันคอ" "ไอ้เจ้าคนนี้ เกิดง่าย พลั่ก! เดียว หลุดออกมาเลย"
จ๊ากกกกกก... พอแล้ว... ถ้าไม่หยุด ฉันไปเองก็ได้ (วะ)
เป็นเรื่องขำขันของบรรดาเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่รู้จักกันดีทุกท่านค่ะ เลยไม่มีใครถือโทษโกรธ
หากต้องจำใจไปนั่งที่ใดที่ต้องทนฟังเหล่าคุณแม่เล่าย้อนอดีตเรื่องทำนองนี้ ครูปูจะมีเทคนิคส่วนตัว คือ ฮำเพลงเบา ๆ ให้ตัวเองฟังคนเดียวในลำคอไป หันหน้าไปมองนู่นนี่ พร้อมกระพริบตาถี่ ๆ ตลอดเวลา ในขณะที่ต้องแกล้งพยักหน้างึ่ก ๆ และยิ้มโปรยตามมารยาทบ้าง แต่ตาเริ่มลาย และเหงื่อออกจนตัวเย็น
ในตลาดสด ศูนย์การค้า หรือที่ต่าง ๆ หากครูปู เห็นคนท้องกำลังจะเดินสวนมา ครูปูจะเปลี่ยนเส้นทางการเดินทันที ของที่กำลังจะมุ่งหน้าไปซื้อ ก็ปลอบใจตัวเองว่า ค่อยซื้อวันหลังก็ได้ เนอะ ปู เนอะ (...แป่ว...)
หากผู้มีความรู้ท่านใด เข้าใจอาการ หรือสภาพจิต phobia ทำนองนี้ ช่วยแนะนำด้วยนะคะ แง ๆ...
ต้องขอประทานโทษคนท้อง และคนที่เคยตั้งท้อง ทุกท่านด้วยนะคะ มิได้มีตั้งใจแสดงอคติ หรือคิดว่าเป็นเรื่องน่ารักน่าเอ็นดูแต่อย่างใด แต่เป็นอาการที่ครูปู เป็นจริง ๆ ค่ะ
เห็นปุ๊บ หน้าจะซีด ใจเริ่มสั่น ต้องสะบัดหน้าหนีทันที แต่ใจก็ยังสั่นไม่หยุด หากยังอยู่ในระยะที่มองเห็น หรือยังได้ยินเสียงพูดของคนท้องอยู่ พะอืดพะอม มือเท้าอ่อนแรง พาลจะเป็นลมไปเลยล่ะค่ะ
ไอ้เจ้าเพื่อน ๆ ที่เซ็งกับอาการเพี้ยน ๆ นี้ของครูปู แทบทุกคน มักพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวมันท้องเองบ้าง ก็หายแล้ว แต่งงานมีลูกมีเต้า ขี้คร้านจะอยากมีหลาย ๆ คน"
ครูปูเลยตอบไปว่า ฉันแค่ไม่แต่งงาน ก็รอดใช่ไหม
เออ งั๊น ชาตินี้ ฉันคงไม่แต่งแล้วล่ะ
กรรม!
เมื่อ ศ. 27 มิ.ย. 2551 @ 16:18
719185 [ลบ]
ขอให้ได้ลูกน่ารักๆนะครับ
เง๊อ! คุณ คนโรงงาน อ่ะ