3 เดือนที่ผ่านมา ดิฉันเทคิวให้กับงาน KM เต็มที่ ไม่เฉพาะภายในสุพรรณบุรี เขต 2 เท่านั้น ยังเดินสายไปตามเขตพื้นที่อื่น ๆ ที่พากันมาร้องขอ ให้พวกเราไปช่วยนำทางจัดกระบวนการให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
แม้จะหนักและเหนื่อยจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน เป็นผลให้ร่างกายทรุดโทรม สุ้มเสียงแหบหาย (และไอมากมายจนไม่เป็นอันหลับอันนอน เลยลุกขึ้นมาเขียนบันทึกนี้เสียเลย) แต่ยังไม่หมดแรงใจให้กับงาน KM เพราะหลังจากจบ Workshop รุ่น 2 ในเขตพื้นที่ของเราไปเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา ดิฉันสุขใจมาก เป็นแรงผลักดันให้ตัวเองลุกขึ้นมาเขียนเรื่องราวเพื่อบอกเล่าแก่ชาว G2K อีกครั้ง
เราจัด Workshop รุ่นแรกของปีนี้ไปเมื่อวันที่ 13-14 พ.ค.51 โดยมีทีมปฏิบัติการ 4 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นผู้บริหารโรงเรียนที่มีผลงานการบริหารเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนได้เป็นผลสำเร็จ กลุ่มสอง ประกอบด้วยครูเครือข่ายผู้นำการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ 14 เครือข่าย มาบอกเล่าเทคนิคการสอนดี ๆ กลุ่มที่สาม คือ ตัวแทนนักวิจัยจากการวิจัยปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ซึ่งมีทั้งผู้บริหารโรงเรียน ครู ศึกษานิเทศก์ เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตฯ รวมอยู่ด้วย มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทำงานวิจัยกัน และกลุ่มสุดท้าย เป็นเจ้าหน้าที่ภายในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุพรรณบุรี เขต 2
ซึ่งกลุ่มสุดท้ายนี้ มีพี่ ๆ น้อง ๆ มาจากทุกกลุ่มงานในเขตพื้นที่ฯ เข้าร่วมแลกเปลี่ยนเทคนิคการเสนองานผ่านระบบ inoffice (สพท.ของเรายกเลิกการเสนอแฟ้ม ใช้ ICT เข้าช่วย ทุกคนทำงานผ่านเว็บไซต์ค่ะ)
ที่ผ่านมา ดิฉันเองต้องรับหน้าที่ดูแลโรงเรียน ให้เขานำกระบวนการจัดการความรู้เข้าไปใช้ในงาน ผลคือ โรงเรียนไปได้ดีในระดับหนึ่ง ที่น่าห่วงคือ ภายในสำนักงานของตัวเอง เรากลับไม่มีเวลาดูแลเขาสักเท่าไร ทำให้ภาพ KM ของบุคลากรในสำนักงานบิดเบี้ยวไป การทยอยพาพี่ ๆ น้อง ๆ เข้ามา Workshop ร่วมกับคนโรงเรียนในครั้งนี้ ถือเป็นการปรับทัศนคติและมุมมองที่เขามีต่อ KM ได้มาก
เห็นได้ชัดจากเสียงตอบรับ และช่วยเป็นกระบอกเสียงบอกต่อแก่คนอื่น ๆ ในสำนักงาน ถึงความสุขที่ได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในครั้งนี้ KM ที่เคยถูกมองว่าเป็นเรื่องเครียดเพราะต้อง KM ทุกสัปดาห์ในกลุ่มงาน ซ้ำเป็นกรอบที่ต้องบังคับให้ทำตามคำรับรองปฏิบัติราชการ หรือเป็นแค่การส่งความรู้ขึ้นเว็บไซต์แมงมุมตอนที่คิดจะทำผลงาน...นั้น...เปลี่ยนไป...แต่ละคนเริ่มมองเห็นประโยชน์ที่แท้จริงของการแลกเปลี่ยน และสุขสบายใจมากขึ้นที่จะเรียนรู้
หลัง Workshop รุ่น 1 ผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้มาในรุ่น 2 ต่างก็เพียรถามดิฉันว่าเมื่อไรจะจัดรุ่น 2 อีกอยากได้ไปเร็ว ๆ เพราะเพื่อนบอกว่าดี...สนุก...ดิฉันเป็นปลื้ม บรรยากาศผิดกับเมื่อก่อนแบบหน้ามือเป็นหลังมือ ที่เขาเคยเบื่อหน่ายกับคำว่า KM กลายเป็นอยากจะชิดใกล้...อยากจะเชยชม...ทำนองนั้น บางคนที่ไม่ได้ถูกเสนอชื่อก็ยังมาตัดพ้อกลาย ๆ มีพี่ชายคนหนึ่งเขาย้ายมาจากเขต 1 บอกดิฉันว่าเขารู้สึกว่าคนที่มาจากเขต 1 (มีอยู่หลายคน) นั้นไม่ค่อยได้รับการเหลียวแล รุ่น 1 ก็มีแต่คนเขต 2 รุ่นที่ 2 นี้ก็ไม่ยักมีชื่อคนที่มาจากเขต 1 บ้างเลย
และแล้ว KM Workshop รุ่น 2 ก็เกิดขึ้นในวันที่ 18-19 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยดิฉันแอบแทรกสมาชิกที่อยู่ในกลุ่มของคนที่มาจากเขต 1 เข้าไปด้วย 2 คน (แต่ยังไม่ใช่พี่ชายคนที่แอบบ่น...แกล้งให้เขารอรุ่นต่อไป...เขาจะได้อยากไปทำกิจกรรมกับเรามาก ๆ...อิ...อิ)
ตั้งแต่วันแรกพี่ ๆ น้อง ๆ ชาวสำนักงานเขต ก็คึกคัก สร้างสีสันเป็นกลุ่มแรกในชั่วโมง Team Building กันเลย ...วิทยากรถึงกับออกปากทักว่ากลุ่มนี้คึกคักจัง ผ่านการทำกิจกรรมล่วงเข้าวันที่สอง ดิฉันสังเกตเห็นว่าชาวเขตนั้นมีความคึกคักไม่ตก ให้ความร่วมมือและเข้าร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างสนุกสนาน หัวปลาของกลุ่มนี้ คือ เทคนิคการบันทึกเสนอผ่านระบบ inoffice (ตอนนี้เปลี่ยนชื่อไปเป็น Home office เสียแล้ว)
ตอนที่แลกเปลี่ยนกัน ดิฉันสังเกตเห็นว่า คุณลิขิต ของวงนี้เธอใช้วิธีจดเรื่องเล่าทุกคำพูดใส่ลงในกระดาษปรู๊ฟ ซึ่งแตกต่างจากกลุ่มอื่น ๆ ที่เขาจดเป็นประเด็น ที่เรียกว่า ขุมความรู้ (How to) เลย ดิฉันจึงเดินไปกระซิบคุณอำนวยของวงว่า หลังจากเล่าจบแล้วช่วยพาสมาชิกค้นหา How to ของแต่ละเรื่องเล่าที่บันทึกด้วย
เมื่อสมาชิกต้องช่วยกันสรุปขุมความรู้กันอีกครั้งแบบนี้ ทำให้ใช้เวลาเพิ่มมากขึ้น เสร็จช้ากว่ากลุ่มอื่น ๆ แถมเสียงดังรบกวนกลุ่มข้าง ๆ ด้วย .....นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะแก้ปัญหาด้วยการชักชวนกันไปทำกิจกรรมกันต่อข้างนอก ....นั่งจับกลุ่มช่วยกันวิเคราะห์ขุมความรู้กันอย่างน่ารักน่าชัง โดยไม่นึกที่จะพักรับประทานของว่างในช่วงเบรค เพราะทุกคนอยากทำงานของกลุ่มให้เสร็จเสียก่อน ...ดิฉันรู้สึกชื่นชมในความเป็นทีมของพวกเขา...มีโอกาสจับภาพประทับใจไว้หลายภาพค่ะ
โดยเฉพาะเมื่อสมาชิกทุกคนลงมติเลือกเรื่องเล่าของพี่ลออ ซึ่งเป็นสมาชิกที่มาจากเขต1 เป็นตัวแทนเล่าเรื่องของกลุ่ม ยิ่งประทับใจ (จริง ๆ แล้วเรื่องเล่าของพี่ลออนั้นน่าประทับใจอยู่แล้วด้วย...เป็นเรื่องเล่าที่ออกมาจากใจจริงค่ะ) คำว่า "คนเขต 2" "คนเขต 1" สลายหายไปอย่างสิ้นเชิง เพราะ KM หลอมใจของพวกเขาให้เป็นหนึ่งเดียวได้ในที่สุด
ใจของดิฉันเป็นสุขที่ทำให้พี่ ๆ น้อง ๆ ชาวสำนักงานเขตมีความสุขใจได้ และหลังจากนี้ คำบอกเล่าของทั้งรุ่น 1 และ รุ่น 2 คงจะช่วยกระแซะหรืออาจจะช่วยกระพือ ให้อีกหลายคนในสำนักงานถามหา Workshop รุ่น 3 ต่อไปอีก...
ตามมาเรียนรู้ KM ด้วยคนครับ
จะมีโอกาสไปบรรยายถึงเขตพื้นที่ภูเก็ตไหมครับนี่..อิอิ
หายไปด้วยค่ะ หายทั้งตัวและเสียงเหมือนกัน
ยินดีด้วยค่ะที่มีการขยายผลอย่างจริงจัง
• ขอบพระคุณท่านอาจารย์ทัศนีย์ค่ะ
• สงสัยว่าตัวเองจะถูกจับจ้อง เพราะเหตุว่าขึ้นบันทึกปุ๊บ (หลังจากที่หายไปนาน) อาจารย์ก็จับตัวได้ปั๊บ...แสดงความคิดเห็นเป็นแรงใจให้ทันที
• ขอบพระคุณผู้ให้กำเนิด ศน.กุ้ง บนเวที gotoknow ค่ะ
• นี่แหละโปรโมเตอร์ตัวจริง
• เช้ามืดจะเดินทางไปขยายผล KM ที่หาดใหญ่...กลับมาจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟังอีกนะคะ...ชดเชยกับที่หายไป
TAG ครับหายไปไหนคิดถึงจัง
ยอดเยี่ยมมากครับ สำหรับการทุมเทให้กับ KM
เป็นการสร้างประโยชน์ให้กับวงการศึกษาของเรา
แวะมาเยี่ยมเยียน ไม่เกี่ยวประเด็นไรเลย จะบอกว่าเปลี่ยนรูปในblogเถอะพี่ ตัวจริงดูดีกว่านี้เยอะ ชื่นชมกับความใฝ่รู้ใฝ่เรียนของพี่จัง
ตุลานี้จะส่งผลงานวิชาการแล้ว แต่เศร้าใจ สพท.กทม.3 คนที่ส่งรุ่นที่แล้ว อาจารย์มหาลัยยังไม่ยอมตรวจ เห็นเค้าบอกว่า ค่าอ่าน 800 มันน้อยเกินไป แถวบ้าน(สมุทรสาคร)
จ้างทำ 70,000 ผ่านเฉย(กรรม)ทำเองตก จะส่งยังกลัวตกเลย
สุดยอดจริงพี่กุ้ง(ไม่ใช่)ของเรา
ตนเองก็ได้มีโอกาสร่วมกิจกรรม KM เหมือนกัน สนุกมาก พร้อมของแถมคือความรู้