วันที่ถูกเตะขาลาก เกือบพิการเพราะพี่เลี้ยงไม่ดี
วันนั้นชกที่เวทีอดิศร สระบุรี กำลังเรียนครู ปี ๑ (พ.ศ. ๒๕๑๙) ขาเกือบเสียเพราะความประมาท คู่ชกวันนั้นเป็นมวยทหารค่าย ม.พัน๑๑ ....(...ไม่ได้โม้....ถ้าไปกับพ่อ ท่านเป็นพี่เลี้ยงคงไม่เจ็บอย่างนี้)
ทั้งๆที่เขาเป็นมวยโนเนม ก่อนชกราคาผมเป็นต่อ ๕/๑ เพราะเราไปเชื่อพี่เลี้ยงมากเกินไป ตั้งแต่นั้นมาคนที่จะมาเป็นพี่เลี้ยงต้องเป็นคนที่เราไว้ใจได้
" เริ่มยกแรก พี่เลี้ยงให้ดึงราคา อย่าพึงทำ ผมชกไปประคองตัวไป ป้องกันได้ทุกลูกที่ถูกทำ
พอยกที่สอง คู่ชกดูเหมือนได้ใจ เดินเตะซ้ายเข้าที่โคนขาลูกเดียว ผมจึงยกหน้าแข้งรับและโต้ตอบด้วยจังหวะสอง คือเตะตามในช่วงที่คู่ชกชักเท้ากลับ ยกนี้มันมาก คนดูบอกมัน แลกเตะกันอุดตลุด แต่พี่เลี้ยงบอก มึงอย่าพึงทำ ราคาต่อรองยังเป็นต่อ แค่มึงโต้สองสามที ราคาก็กลับมาเป็นของเอง ยกนี้ดึงราคาไว้ก่อนได้ไหมแล้วยกสี่-ห้า ค่อยเร่ง นี่เป็นวิธีการของเซียนมวยเพื่อการพนัน
ยกที่สามเริ่มขึ้น ชกตามแผนพี่เลี้ยง รับ-บัง-โต้บ้าง แกล้งทำไม่โดนบ้าง..... แต่แล้วปลายยกพลาดจนได้เมื่อ น่องขวามีอาการเหมือนตะคริวกิน ปวดและยกไม่ขึ้น ไอ้คู่ชกดูเหมือนจะรู้ เดินเตะขาขวาอย่างเดียว จนคนดูเฮ แต่ก็สามารถใช้จังหวะฝีมือเอาตัวรอดมาได้โต้ตอบด้วยหมัดบ้าง กอดตีเข่าบ้าง แค่โดนจังหวะหมัดของเรามันก็หมุนไปหมุนมา ราคาเซียนยกนี้กลับมาอยู่ที่เสมอไหนเสมอกัน
ระหว่างพักยกสาม พี่เลี้ยงบอก เยี่ยมมากมึงทำเหมือน..... เหมือนบ้าอะไร กูเป็นตะคริว .... พี่เลี้ยงนวดใหญ่จนฝ่ายตรงข้ามเห็นผิดสังเกต ... ความแตกละมึง... มันรู้ว่ากูเจ็บจริง ๆ ... ถ้าอย่างนั้นมึงต้องรีบน๊อก.... ไม่เช่นนั้นเดินกลับบ้านอดข้าวต้มแน่......นึกในใจ กูไม่น่าเชื่อเชื่อมึงเลย....เดี๋ยวเซียนว่าล้มมวยละก็เสียชื่อ
ขึ้นยกสี่ วงการพนันปั่นป่วน เมื่อผมเดินกะเด๊กๆๆๆ ออกจากมุม ยกนี้เดินออกจากมุม ได้ยินเสียงกองเชียร์พูกไม่ดีเท่าไร เอาหลังมาเด้งเชือกได้ยินคำพูดหนึ่งว่า " มึงแพ้ลงมากูไม่เอาไว้.?" .... เครียดเลยทีนี้ ขาขวาก็เจ็บ และดูว่าจะยืนไม่อยู่ พยายามเดินไปแตะมือเก็บอาการ มองเห็นทันทีว่า คู่ต่อส้ของเรามันมองขาขวาเราอย่างเดียว .... แล้วก็จริงอย่างที่คิดมันเดินเตะขาเราอย่างเดียว.... นึกถึงพี่แอ๊ว(บางขัน ศิษย์ครูเพ่ง)สอนให้เตะเสยขึ้นไปตรงๆดัดหน้าตีนเหมือนบาทารูปพักตร์ และถีบด้วยขาหลังโดยใช้ส้นเท้าโดนที่หน้าท้องและโคนขา
ได้ผล การใช้เท้าหลังถีบแบบคาราเต้ กึ่งถีบกึ่งเตะด้วยส้นเท้า เข้าหน้าท้องบ้าง โดนโคนขาบ้าง ทำให้มันกังวล หมดยกสี่ พี่เลี้ยงบอกมึงทำได้อย่างไง ดี... ดีมาก ราคากลับมาเป็นต่อ ห้า/สี่...สาม/สอง..... (ดูซิเพื่อน มันไม่ห่วงเลยว่าว่าผมเจ็บไหม ใหวไหม) ...
ขึ้นยกห้า แพ้ก็ได้...ชนะก็ได้.....เราต้องไม่แพ้เพราะรู้แล้วว่าจะต้องทำอย่างไง มันเดินมาเตะขาอย่างเดียว วิธีแก้ ยืนให้นิ่งเพราะขาเจ็บ ขาที่ดีต้องเป็นหลักยืน ขาที่เจ็บใช้เป็นอาวุธ เตะแบบคาราเต้ขึ้นไปตรงๆ จะออกแรงน้อยกว่าแต่ได้น้ำหนัก โต้ตอบได้หลายครั้งจนมันเปลี่ยนแผนมากอดแล้วพยายามเหวี่ยงฟัดให้ผมล้ม จังหวะนี้เข้าทางเรา เพราะร้ว่าจังหวะล๊อกแขนของมันทำไม่เป็นจึงทำให้ผมได้โอกาสพลิกตัวเข้าข้างลำตัวข้างขวาของมัน ใช้แขน-มือซ้ายกอดเอวและล๊อกแขนซ้ายของมันไว้ ศอกและแขนขวาของผมกดที่ต้นคอและใบหน้าของมันจังหวะนี้ยกเข่าขวาขึ้นตีถึงปลายคางและใบหน้าได้ สองครั้งติด ๆ ดังป๊อก-โพล๊ะ สะใจ
ได้ยินกรรมการสั่งหยุด ผมยังงง หยุดทำไมเรากำลังได้เปรียบ
มันโดนเข่าที่หน้า ทั้งเบ้าตาและเหนือคิ้วแตกฉีกเป็นแผล เลือดออกมากไม่หยุด
ผมดีใจที่สุด กว่าจะชนะมึงได้ ขาเกือบเสีย
ตั้งแต่นั้นมา ผมไม่เคยเชื่อพี่เลี้ยงคนไหน และไม่ยอมให้ขึ้นนอกจากพ่อเป็นคนเลือก นักเลงการพนัน เล่ห์เหลี่ยมเยอะมาก เพราะวันนั้นมันบอกว่ามันเล่นผมไม่ได้เลย
ไม่มีความเห็น