บุญกิริยาวัตถุ ๑๐


การที่เราได้ดีเป็นมนุษย์ในชาตินี้แล้วนั้น ก็ควรรักษาความดีเอาไว้ให้มากๆ

เอาบุญมาฝากกันค่ะ  เช้าวันนี้ที่สวนตุงเชียงรายมีการทำบุญตักบาตร พระจำนวน ๑,๓๐๐ รูป เป็นการทำบุญสังฆทานครั้งใหญ่  จัดโดยชมรมพุทธศาสนาหลายๆ ชมรม ร่วมกับเทศบาล มีผู้ว่าราชการเป็นประธาน  งานนี้มีจุดประสงค์เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา  เพื่อเทอดพระเกียรติสมเด็จพระพี่นางเธอฯ เพื่อช่วยเหลือ ๒๒๖ วัด ในสี่จังหวัดภาคใต้ และสบทบความช่วยเหลือผู้ประสบภัยนาร์กิสในพม่า

         พิธีเริ่มขึ้นประมาณ ๖ โมงเช้า  พอไปถึงก็เห็นผู้คนเนืองแน่นไปหมด (ราวหมื่นกว่าคน) พาคุณแม่เดินซอกแซกเข้าไปบริเวณลานหินกรวด  เห็นที่ว่างพอเหมาะก็พากันนั่งลงร่วมพิธีกรรมซึ่งกำลังจะเริ่มพอดี  

 

  ลานหินกรวด

              เมื่อเสร็จพิธีกรรมทางศาสนาแล้ว  จึงร่วมกันทำบุญตักบาตร  อันเป็นส่วนหนึ่งของบุญกิริยาวัตถุ ๑๐

บุญกิริยาวัตถุทั้ง ๑๐ ประการ

             ๑. บุญสำเร็จได้ด้วยการบริจาคทาน (ทานมัย)
                       คือการเสียสละนับแต่ทรัพย์ สิ่งของ เงินทอง
                      ตลอดจนกำลังกาย สติปัญญา ความรู้ความสามารถ
                      เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่นโดยส่วนรวม 
                     รวมถึงการละกิเลส โลภะ โทสะ โมหะ ออกจากจิตใจ
                     จนถึงการสละชีวิตอันเป็นสิ่งมีค่าที่สุดเพื่อการปฏิบัติธรรม


            ๒.บุญสำเร็จได้ด้วยการรักษาศีล (สีลมัย)
                      คือการตั้งใจรักษาศีล และการปฏิบัติตนไม่ให้ละเมิดศีล
                      ไม่ว่าจะเป็นศีล ๕ หรือศีล ๘ ของอุบาสกอุบาสิกา
                      ศีล ๑๐ ของสามเณร หรือ ๒๒๗ ข้อของพระภิกษุ
                      เพื่อรักษากาย วาจา และใจ ให้บริสุทธิ์สะอาด
                      พ้นจากกายทุจริต ๔ ประการ คือ ละเว้นจากการฆ่าสัตว์
                      ละเว้นจากการลักทรัพย์ ละเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
                      และเสพสิ่งเสพติดมึนเมา อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
                      วจีทุจริต ๔ ประการ คือไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดปด ไม่พูดเพ้อเจ้อ
                      และไม่พูดคำหยาบ มโนทุจริต ๓ ประการ คือ ไม่หลงงมงาย
                      ไม่พยาบาท ไม่หลงผิดจากทำนองคลองธรรม

 
            ๓.บุญสำเร็จได้ด้วยการภาวนา (ภาวนามัย )
                    คือการอบรมจิตใจในการละกิเลส ตั้งแต่ขั้นหยาบไป
                   จนถึงกิเลสอย่างละเอียด ยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น
                   โดยใช้สมาธิปัญญา รู้ทางเจริญและทางเสื่อม จนเข้าใจอริยสัจ ๔ 
                   คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค เป็นทางไปสู่ความพ้นทุกข์
                   บรรลุมรรค ผล นิพพานได้ในที่สุด

            ๔.บุญสำเร็จได้ด้วยการประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ (อปจายนมัย)
                      คือ การให้ความเคารพ ผู้ใหญ่และผู้มีพระคุณ ๓ ประเภท คือ
                      ผู้มีวัยวุฒิ ได้แก่พ่อแม่ ญาติพี่น้องและผู้สูงอายุ ผู้มี คุณวุฒิ
                      หรือคุณสมบัติ ได้แก่ ครูบาอาจารย์ พระภิกษุสงฆ์ และผู้มี ชาติวุฒิ
                      ได้แก่พระมหากษัตริย์ และเชื้อพระวงศ์

           ๕.บุญสำเร็จได้ด้วยการขวนขวายในกิจการที่ชอบ (เวยยาวัจจมัย)
                     คือ การกระทำสิ่งที่เป็นคุณงามความดี ที่เกิดประโยชน์ต่อคนส่วนรวม
                     โดยเฉพาะทางพระพุทธศาสนา เช่น การชักนำบุคคลให้มาประพฤติ
                     ปฏิบัติธรรม มีทาน ศีล ภาวนา เป็นต้น ในฝ่ายสัมมาทิฎฐิ


           ๖.บุญสำเร็จได้ด้วยการให้ส่วนบุญ (ปัตติทานมัย)
                      คือ การอุทิศส่วนบุญกุศลที่ได้กระทำไว้ ให้แก่สรรพสัตว์ทั้งปวง 
                      การบอกให้ผู้อื่นได้ร่วมอนุโมทนาด้วย ทั้งมนุษย์และอมนุษย์
                      ได้ทราบข่าวการบุญการกุศลที่เราได้กระทำไป


           ๗.บุญสำเร็จได้ด้วยการอนุโมทนา (ปัตตานุโมทนามัย)
                     คือ การได้ร่วมอนุโมทนา เช่น กล่าวว่า “สาธุ” เพื่อเป็นการยินดี
                     ยอมรับความดี และขอมีส่วนร่วมในความดีของบุคคลอื่น
                     ถึงแม้ว่าเราไม่มีโอกาสได้กระทำ ก็ขอให้ได้มีโอกาสได้แสดงการรับรู้
                     ด้วยใจปีติยินดีในบุญกุศลนั้น   ผลบุญก็จะเกิดแก่บุคคลที่ได้
                     อนุโมทนาบุญนั้นเองด้วย

          ๘.บุญสำเร็จได้ด้วยการฟังธรรม (ธัมมัสสวนมัย)  
                     คือ การตั้งใจฟังธรรมที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อน หรือที่เคยฟังแล้ว
                     ก็รับฟังเพื่อได้รับความกระจ่างมากขึ้น บรรเทาความสงสัย
                     และทำความเห็นให้ถูกต้องยิ่งขึ้น จนเกิดปัญญาหรือความรู้
                     ก็พยายามนำเอาความรู้และธรรมะนั้นนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์
                     สู่หนทางเจริญต่อไป

          ๙.บุญสำเร็จด้วยการแสดงธรรม (ธัมมเทสนามัย)
                    คือ การแสดงธรรมไม่ว่าจะเป็นรูปของการกระทำ หรือการประพฤติปฏิบัติ
                    ด้วยกาย วาจา ใจ ในทางที่ชอบ ตามรอยบาทองค์พระศาสดา
                    ให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่บุคคลอื่น หรือการนำธรรมไปขัดเกลากิเลสอุปนิสัย
                    เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้อื่น ให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธา
                    มาประพฤติปฏิบัติธรรมต่อไป

          ๑๐.บุญสำเร็จได้ด้วยการทำความเห็นให้ตรง (ทิฏฐชุกัมม์)
                     คือ ความเข้าใจในเรื่อง บาป บุญ คุณ โทษ  สิ่งที่เป็นแก่นสารสาระ
                     หรือที่ไม่ใช่แก่นสารสาระ ทางเจริญทางเสื่อม  สิ่งอันควรประพฤติ
                     สิ่งอันควรละเว้น  ตลอดจนการกระทำความคิดความเห็นให้เป็น
                     สัมมาทิฏฐิอยู่เสมอ

           บุญกิริยาวัตถุทั้ง ๑๐ ประการนี้ ผู้ใดได้ปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง
หรือยิ่งมากจนครบ ๑๐ ประการแล้ว  ผลบุญย่อมเกิดแก่ผู้ได้กระทำมากตามบุญ
ที่ได้กระทำ และตรงนี้เองเมื่อใครทำแล้วก็สามารถอุทิศส่วนกุศลไปยังพ่อ แม่
พี่น้อง และคนอื่นๆได้

          
พระพุทธองค์ทรงเทศนาสั่งสอนไว้ว่าเราทุกคนล้วนต่างเวียนเกิดเวียนตาย
ในภพภูมิต่างๆกันมาแล้วทั้งนั้น นับไม่ถ้วนเลย เคยทั้งได้ดีได้ชั่วในภพมากันทุกๆคน  
ดังนั้นการที่เราได้ดีเป็นมนุษย์ในชาตินี้แล้วนั้น  ก็ควรรักษาความดีเอาไว้ให้มากๆ
เพื่อจะได้ไม่ไปตกต่ำอีก เพราะโอกาสที่จะได้รู้ว่าอะไรดีอะไรชั่วในทุคติภูมินั้นยากที่สุด
และบาปกรรมก็ลบล้างกันไม่ได้

                               

        
หมายเลขบันทึก: 186869เขียนเมื่อ 8 มิถุนายน 2008 13:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:08 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ขอบคุณค่ะที่แวะมาเยี่ยม

  • สวัสดีค่ะท่าน ผอ.ประจักษ์
  • วันที่ ๑๙ มิ.ย. ไหว้ครูพร้อมกันทั่วประเทศค่ะ
  • นักเรียนทำพิธีไหว้ครู  ส่วนครูก็รำลึกถึงพระคุณครูบาอาจารย์ทุกๆ ท่าน
  • ขอบคุณค่ะ

การจัดการบริหารทรัพยากรมนุษย์

ค่ะ ขอบคุณที่แวะมา คุณ Phrakosit

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท