เก็บตกจากเวทีคุณอำนวย 1 : ... ถ้า "คุณเอื้อ" ไม่สั่ง บางครั้งก็จำต้องลงมือทำให้เขาเห็น


ผู้บริหารไม่ให้ความสำคัญ , เพิกเฉย, ละเลย หรือให้ความสำคัญแค่ผิวเผินไปตามกระแสนิยมที่ต้องประเมินเท่านั้น

ก่อนจะสะท้อนเรื่องราวที่บรรดาคุณอำนวยทั้งหลายได้ทำการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากกลุ่มย่อยนั้น   ผมยังอยากที่จะกล่าวถึงประเด็นที่ท่านอาจารย์ JJ  ได้สื่อออกมาในเวทีอบรมครั้งนี้เป็นยิ่งนัก

 

ท่านบอกว่า  ในหลายองค์กรมีค่านิยมที่เป็นตัวฉุดรั้งการพัฒนาคนและพัฒนาหน่วยงานที่ต้องขบคิดก็คือ  ไม่ชมต่อหน้า  แต่ชอบว่าลับหลัง

 

ผมฟังแล้วโดนใจมาก  และเชื่อว่าจะโดนใจใครอีกหลายคน  เพราะนั่นคือวาทกรรมที่ควรนำไปใช้เป็นกรอบแนวคิดในการพัฒนาคนและพัฒนาองค์กรเป็นที่สุด

 

ถ้าในองค์กรมีวัฒนธรรมที่ตรงกันข้ามกับวาทกรรมข้างต้น  ผมเชื่อเหลือเกินว่า  เรื่องดี ๆ จะมีมาให้สัมผัสอีกมากมาย   ไม่ว่าจะเป็นความเป็นปึกแผ่นของผู้คนและความแข็งแกร่งขององค์กร, หรือแม้แต่การก้าวขยับไปสู่การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ที่แท้จริงได้เหมือนกัน

 

แน่นอนครับ  ฟังดูง่าย  แต่ก็ในทางปฏิบัติมันก็ยากไม่ใช่น้อยเลยกับการฝ่าม่านมายาคติดังกล่าว 

 

ถึงกระนั้นก็เถอะ  แต่เราก็คงต้องตระหนักและพยายามกันอย่างต่อเนื่อง 
ซึ่งนั่นหมายถึงการเปิดใจขยับเข้าหากัน  เพื่อลดพื้นที่อันเป็นช่องว่างนั้นลงให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

 

.........

 

 

 

 

ข้ามมาถึงกลุ่มผู้เข้าร่วมการอบรมกันบ้าง ...

จากการนำเสนอผลแห่งการ ลปรร  นั้น  หลายกลุ่มสะท้อนความรู้สึกที่มีต่อวิถีการจัดการความรู้ในองค์กรของตนเองที่เหมือนและต่างกันออกไปตามภาวะที่พบเผชิญมา

 

แต่มีประเด็นที่เหมือน หรือซ้ำกันอย่างเห็นได้ชัด  นั่นก็คือ ...  คุณเอื้อ หรือผู้บริหารไม่ให้ความสำคัญ , เพิกเฉย, ละเลย  หรือให้ความสำคัญแค่ผิวเผินไปตามกระแสนิยมที่ต้องรับการประเมินเท่านั้น 

 

กรณีดังกล่าว   หลายคนได้ร่วมแลกเปลี่ยนกันบ้างแล้ว  และผมก็อยากจะสะท้อนวิถีจริงของตนเองผ่านบันทึกนี้ต่อกรณีดังกล่าว ...  เพราะโดยส่วนตัวผมถือว่าปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไปในทุกสังคม  ..มันเป็นปัญหาประวัติศาสตร์  ซึ่งหมายถึง  อดีตและปัจจุบัน หรือแม้แต่อนาคต  ก็ยังจะต้องพบเห็นภาพเช่นนี้อยู่วันยังค่ำ  

 

ดังนั้น,   เราคงต้องปรับทัศนคติการทำงานที่ไม่รอการสั่งการจากผู้บังคับบัญชา  (เสมอไป)  แต่เราก็ควรต้องขยับ หรือลุกมาคิด  หรือนำเสนอสิ่งที่อยากทำกับผู้บริหารเอง (บ้างก็ได้) 

 

-          เพราะเราคือผู้ปฏิบัติที่มีความรู้และประสบการณ์จริงจาก เนื้องาน นั้น ๆ อยู่แล้ว (เว้นเสียแต่เราไม่มี  และไม่คิดที่อยากจะทำอะไร ..เช้าชามเย็นชาม เป็นพอ)

 

         กรณีดังกล่าว  ล่าสุดผมกับทีมงานเพียงไม่กี่ชีวิตทำเสื้อใส่ด้วยสโลแกนที่ผมคิดขึ้น คือ มีปัญหา ..ปรึกษากองกิจฯ

 

วิถีคิดและกระบวนการเช่นนั้น  ไม่ทันข้ามวัน  พอผู้บริหารรับรู้ก็สั่งการสนับสนุนให้ทำเสื้อแจกจ่ายบุคลากรกันให้ครบถ้วน  และตระหนักในบทบาทและสถานะที่ต้องยึดปฏิบัติตามสโลแกนดังกล่าว ...

และบัดนี้สโลแกนที่ว่านั้น  ก็เริ่มฮิตติดชาร์ตกันไปแล้ว ...  ยังผลให้คนกองกิจ ฯ  ต้องกระตุ้นตัวเองให้รอบรู้ต่อสิ่งที่ต้องให้บริการแก่นิสิต  ทั้งงานในองค์กรตัวเอง  และงานองค์กรต่าง ๆ ที่เราจำต้องอธิบาย หรือไม่งั้นก็ประสานให้กับนิสิตอย่างไม่ "ปฏิเสธ"  และ "เย็นชา .."

 

        เช่นเดียวกันนี้  ล่าสุดเพิ่งผ่านพ้นไปไม่ถึง 3 วัน  ผมและทีมงานจัดทำบัตรประจำตัวห้อยคอ (บ่งบอกถึงตัวตน  แต่ไม่บ่งบอกถึงการเป็น คนของใคร ..)

 

        บัตรประจำตัวที่ผมว่านั้น  ถูกออกแบบในสไตล์ไม่เป็นทางการ  ภาพที่ปรากฏดูสบาย ๆ มีชีวิต ยิ้มแย้มสดใส  และเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของแต่ละคนอย่างน่ารัก

 

        อีกนั่นแหละ  เพียงไม่กี่อึดใจ  บุคลากรหลายท่านก็แห่มาให้ช่วยทำให้  เดือดร้อนทีมงานของผมต้องจัดการให้อย่างเร่งด่วน  แต่ภาพที่ปรากฏก็คือตอนนี้เกือบทั้งหมดมีบัตรประจำตัวห้อยไว้ที่คออย่างเด่นหรา ... ดูสะดุดตา  ..เป็นกันเอง ...

 

          บัตรเหล่านั้นบ่งบอกบุคลิกภาพของแต่ละคน  และสะท้อนบุคลิกภาพขององค์กรของเราอย่างแทบไม่น่าเชื่อ   นึกแล้วก็ยิ้มให้กับตัวเองที่กระบวนการดังกล่าวช่วยทำให้คนของเราได้หันมาคล้องบัตรประจำตัวกันเสียที  หลังจากที่ไม่เคยใช้และยึดปฏิบัติมาเสียเนิ่นนาน

 

 

 

 

 

 

นี่คือประสบการณ์ตรงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง   เป็นกระบวนการที่เราค่อย ๆ ทำในกลุ่มเล็ก ๆ  ให้ผลงานนั้นทำหน้าที่เป็นคำอธิบายต่อผู้บังคับบัญชาโดยตรง

 

บางครั้ง เรื่องบางเรื่องเมื่ออธิบายด้วยคำพูดไม่ได้ผล  เราก็จำเป็นต้องลงมือทำอย่างมีสติ  เพื่อให้ผลงานนั้นได้แสดงตัวตนอย่างเป็นที่ประจักษ์  และที่สำคัญก็คือ  .เราก็ไม่ควรที่จะต้องท้อแท้และสิ้นหวัง  หรืออยู่อย่างไร้คุณค่า  ..ด้วยการไม่ปรารถนาที่จะลุกขึ้นมาพัฒนาตัวเองและองค์กรอันเป็นบ้านของเราเอง

 

แต่ทั้งหมดทั้งปวงนั้น   ผมก็ยังยืนยันว่า   การพูดคุยกันด้วยน้ำใสใจจริงนั่นแหละ  คือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราจะต้องเริ่มต้นจากจุด ๆ นี้

 

 

-         เริ่มต้น คุยกัน...

-         และจากนั้น ก็จงอย่าลืม  ลงมือทำให้เขาเห็น ...

 

 

หากท้อแท้   ก็อย่าลืมให้กำลังใจตัวเองบ้างว่า ....  ฟ้ามีตา .. (สู้ ๆ ..)

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 186542เขียนเมื่อ 6 มิถุนายน 2008 13:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:08 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)

ถ้าคุณเอื้อขยับสนับสนุน รับรองลูกน้องก็มีกำลังใจทำงานครับน้องแผ่นดิน ดีจังรายงานมาเรื่อยๆๆ

ชมต่อหน้า และ อย่าว่า ลับหลัง ต้องฝังไปในจิต ครับ

กำลังใจ คือ พลังเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ คะ พี่แผ่นดิน

อ.. ขจิต ฝอยทอง ครับ

เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยนะครับ   ถ้าเรามีคุณเอื้อที่เข้าใจ, เห็นใจ ..สายตากว้างไกล, มีวิสัยทัศน์  และคอยส่งเสริมสนับสนุนอย่างมีกระบวนการ  สิ่งเหล่านั้นจะเป็นเชื้อเพลิงให้ชีวิตของลูกน้องเต็มไปด้วยพลังการสร้างสรรค์อย่างมหาศาล

แต่หากเจอะเจอกับความตรงกันข้ามนั้น ..เราเองก็คงต้องเรียนรู้ที่จะอยู่อย่างคุณค่า  แต่มิใช่รักษาเนื้อรักตัวจนไม่ทำอะไรเลย ...

สำคัญ, ...เราอาจไม่มีสิทธิ์เลือกนาย  ดังนั้น  ทำวันนี้ให้ดีที่สุด บนพื้นฐานที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง, ไม่ทำร้ายคนอื่นและเกื้อหนุนต่อองค์กร หรือสังคมก็น่าจะเป็นสิ่งที่ต้องท่องให้ขึ้นใจ

....

ขอบพระคุณครับ

 

อ.  JJ ครับ ...

หลายเรื่องเป็นอุดมคติที่แตะต้องและสัมผัสได้ยาก ...
แต่ความเป็นจริงก็สอนให้รู้ว่า ...
เราต้องไม่สิ้นหวังที่จะทำในสิ่งที่เราอยากจะทำ ...
วันเวลา  จะช่วยให้อะไรต่อมิอะไรดีขึ้นเอง - บ้างกระมังครับ

 

...

ขอบพระคุณครับ

สวัสดีครับ ..น้อง มะปรางเปรี้ยว

กำลังใจ  เสมือนสายธารกลางหุบเขาที่ไหลรินอย่างช้า ๆ ..แต่ต่อเนื่อง และหล่อเลี้ยงให้พืชพันธุ์ป่าเขาได้เติบโตอย่างมีชีวิต

บางที, กำลังใจก็เป็นยิ่งกว่าคลื่นทะเลอันมหึมาที่พาเราไปถึงฟากฝั่งได้ในเร็ว ...

...

สบายดี นะครับ

 

แต่ทั้งหมดทั้งปวงนั้น   ผมก็ยังยืนยันว่า   การพูดคุยกันด้วยน้ำใสใจจริงนั่นแหละ  คือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราจะต้องเริ่มต้นจากจุด ๆ นี้

 

 

-         เริ่มต้น คุยกัน...

-         และจากนั้น ก็จงอย่าลืม  ลงมือทำให้เขาเห็น ...

 

 

หากท้อแท้   ก็อย่าลืมให้กำลังใจตัวเองบ้างว่า ....  ฟ้ามีตา .. (สู้ ๆ ..)  (ตาบอดหรือเปล่านะ)

  • ฟ้ามีตาอยู่หลายตาครับ ท่าน danthai  บางตาก็ดี แต่ก็ย่อมมีตาเจ็บ ตาบอดบ้าง เป็นธรรมชาติครับ
  • มาสนับสนุนครับ หากท้อแท้   ก็อย่าลืมให้กำลังใจตัวเองบ้างว่า ....  ฟ้ามีตา

ทุกฝ่ายต้องขยับไปพร้อมๆกัน และมีเป้าหมายเดียวกัน ที่สำคัญต้องทำด้วย  "ใจสั่งมา" เคลื่อนไปด้วยกัน งาน.. สำเร็จแน่นอน

เอ๊ะๆ  คุยอะไรกันหรอคะ  แว่วๆว่ามี ตาบอด  อิอิ

ตอนนี้กำลังดูแลวิทยากร(ตาบอด) อยู่ที่  DSS ค่ะ

ขอบคุณพี่พนัส ที่ช่วยเป็นสื่อสะท้อนความเป็นจริงโดยแท้

จากว่าที่ คุณอำนวย

นั้นคือความท้าทายที่เราต้องกำจัดให้หมดครับ จากองค์การ ของเรา เพื่อการพัฒนาต่อไป

ขอบคุณครับ, คุณแดนไท danthai

มองโลกในแง่ดีไว้ให้เยอะๆ ครับ  แต่มองไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง  ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะถกคิดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์   สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราพัฒนาและเติบโตขึ้นอย่างมีคุณค่า

ไม่มีอะไรการันตีความเป็นคนคุณภาพของเราได้ดีไปกว่า ..ผลงานของเราเอง , ...

เรื่องของบารมี - บางทีไม่จำเป็นต้องมีอำนาจเสมอไป

ขอบพระคุณ อ.Panda มาก ๆ ครับ

เราต้องเชื่อว่า  ฟ้ามีตา  ..และเชื่อว่าการรอคอยคือบทพิสูจน์อันสำคัญของชีวิต

 

ขอบคุณพี่อนงค์  . MSU-KM :panatung มากครับ

เรื่องวัฒนธรรมที่ดีขององค์กร  เป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันทุกฝ่าย

สิ่งแรกคือการเปิดใจ ..  รวมถึงการร่วมกำหนดยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน  เราจะได้เดินทางอย่างมีจุดหมาย  มิใช่ต่างคนต่างเดิน

การสร้างความเข้าใจกับบุคลากรเป็นเรื่องใหญ่  การทำให้ใคร ๆ ได้เข้าใจว่า KM คือเครื่องมือที่ช่วยเติมเต็มตนเองและองค์กร  แต่หากระดับบริการ "เอื้อ"  ต่อเรื่องเหล่านี้  ทุกอย่างก็ง่ายต่อการขับเคลื่อน  และเช่นกัน  ถึงแม้ท่านไม่เอื้อ ..เราต่างก็คงต้องนำเสนอต่อผู้บริการเองด้วยเหมือนกัน

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ เจ้  ( หนิง )

ที่แว่ว ๆ ว่าตาบอด ๆ ... ก็ไม่มีอะไรมากหรอกนะครับ ,  คุณแดนไท เข้ามาแซวเล่นเฉย ๆ

สวัสดีครับ น้อง(แจ๊ค) กัมปนาท 

พี่มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมชาติที่ต้องพบเจออยู่แล้ว  แต่เราเองก็คงไม่ควรที่จะต้องจำนนต่อภาวะเช่นนั้น  เมื่อเราขยับ เชื่อเหลือเกินว่าหลายส่วนก็จะขยับแบบเป็นรูปโซ่  เพียงแต่ต้องทำใจแค่นั้นเองว่า  อาจคงต้องเหนื่อยหนักกว่าที่ควรจะเป็น

แต่ที่สุดแล้ว, เราเองนั่นแหละคือผู้ที่ได้รับต้นทุนที่ดีจากภารกิจอันหนักหน่วงนั้น  เพราะงานหนักมักสร้างขุนพลที่มีคุณภาพได้อย่างไม่ต้องกังขา

..... ขอบคุณครับ .... 

ชมต่อหน้า และ อย่าว่า ลับหลัง ..

โดนใจที่สุดเลยค่ะ...มาให้กำลังใจค่ะ

สวัสดีครับ...พี่ศศินันท์  Sasinanda

ผมเองก็ตรงไปตรงมา  ว่าต่อหน้า ...ส่วนเรื่องการชื่นชม หรือกล่าวชมนั้นก็มีตามวาระครับ  แต่ก็ดูจะแสดงออกน้อยกว่าบทบาทของการเป็นฝ่ายบู๊อยู่มาก

...

ขอบพระคุณครับ

อยากคุยด้วย อยากลปรร.ชอบแนวคิด ความเป็นกันเอง ไม่ถือตัวบางคนเข้ายากไม่อยากสนทนาด้วย กลัวเขารังเกลียดกำพืดคนอีสาน แต่คนอีสานเป็นคนนิสัยดีขอบช่วยเหลือคน ดีใจค่ะที่ได้รู้จักและได้ร่วมสนทนากับคุณแผ่นดิน

สวัสดีครับ พี่ นิ่มนวล

ผมดีใจที่ได้รู้จักพี่นะครับ.. เป็นกันเอง ไม่ถือตัว และที่สำคัญคือมีแรงใจและพลังที่จะอุทิศตนให้กับการทำงานเพื่อองค์กรอย่างไม่ย่อท้อ

ผมเองเป็นคนอีสาน, ไม่หลงลืมกำพืดอีสาน  ยังรักและหวงแหนวัฒนธรรมพื้นถิ่นของตนเองอย่างเต็มที่  ทุกวันนี้ยังสอนให้ลูก ๆ พูดอีสาน  และใช้ภาษาอีสานสื่อสารกันในครอบครัว 

ยังไงก็แล้วแต่, ...ผมเป็นกำลังใจให้นะครับ  มีสิ่งใดช่วยได้ ผมก็ยินดีเสมอ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท