พรุ่งนี้แล้วสินะ จากวันนั้นจนวันนี้ (วันที่ 1 มิถุนายน 2551) เวลามันช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน (เอ๊ะ! หรือว่าผู้เขียนเริ่มจะแก่แล้ว เพราะเค้าว่ากันว่า ใครที่บอกว่าเวลาผ่านไปรวดเร็วแสดงว่าแก่แล้ว ส่วนเด็กๆ จะชอบบอกว่าทำไมเวลามันผ่านไปช้าจัง อิอิ) วันนี้เปรียบเสมือนวันคล้ายวันแรกของการทำงาน ซึ่งครบรอบ 2 ปี ที่ผู้เขียนได้ทำงานที่คณะนิติศาสตร์ ถ้านึกย้อนกลับไปวันที่ 1 มิถุนายน 2549
ก่อนที่ผู้เขียนจะมาทำงานที่นี้ ในใจก็นึกหวั่นใจเหมือนกัน เข้าใจว่าทุกคนอาจเป็นเช่นผู้เขียน เพราะคนเราไม่ค่อยชอบการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการมีเพื่อนร่วมงานใหม่ สถานที่ทำงานใหม่ งานใหม่ๆ ที่ต้องเปลี่ยนแปลง วันแรกๆที่มาคณะนิติศาสตร์จำได้ว่าสำนักงานเลขานุการคณะนิติศาสตร์กำลังจะย้ายห้องจากเดิมซึ่งอยู่ชั้นหนึ่งไปอยู่ชั้นสอง พี่ๆ เพื่อนๆ ร่วมงานมีความเป็นกันเอง ทุกคนช่วยกันย้ายของอย่างขะมักเขม้น ตอนนั้นผู้เขียนยังไม่มีโต๊ะทำงานก็เลยช่วยงานวิชาการอยู่ประมาณ 1 เดือน หลังจากนั้นผู้เขียนก็มีโต๊ะทำงานโดยต้องย้ายห้องทำงานจากชั้น 2 ไปชั้น 3 คือต้องไปปฏิบัติงานห้องอ่านหนังสือและค้นคว้าวิจัยคณะนิติศาสตร์ ซึ่งครั้งแรกที่ขึ้นไปก็รู้สึกเหงาๆ เหมือนกัน เพราะต้องนั่งทำงานคนเดียว แต่สิ่งนี้ก็ไม่ใช่ปัญหา
ตลอดระยะเวลา 2 ปี ที่ผู้เขียนได้ทำงานที่นี่ ทำให้ได้ประสบการณ์ทำงานหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นการจัดโครงการต่างๆ การจัดซื้อจัดจ้าง การประชุม การจัดทำรายงานการประชุม และอื่นๆ เนื่องด้วยทางคณะนิติศาสตร์เป็นคณะที่เล็กทำให้บุคลากรทุกคนมีโอกาสแสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่อยู่ในลักษณะเหมือนพี่เหมือนน้อง หากมีปัญหาก็สามารถเรียกคุยได้ทันที
ถ้าพูดถึงความประทับใจตลอด 2 ปีที่ผ่านมา คือ เพื่อนร่วมงาน เพราะทุกคนมีความเป็นกันเองคุยกับแบบพี่แบบน้อง อาจจะเป็นเพราะสิ่งนี้ที่ทำให้ผู้เขียนทำงานอย่างมีความสุข การทำงานเกือบทุกที่ที่ไหนไม่มีปัญหาในการทำงานที่นั่นไม่มีงาน แต่ปัญหาทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยดี ซึ่งเวลามีปัญหาผู้เขียนก็จะปรึกษาผู้บริหาร เลขานุการคณะ หัวหน้างาน หรือผู้มีความรู้และเชี่ยวชาญในงานนั้นๆ แล้วแต่ปัญหาที่เกิดว่าเป็นเรื่องอะไร เช่น มีปัญหาเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง ก็จะปรึกษาพี่ดา (ชนิดา เลี่ยมสกุล) มีปัญหาเรื่องการเขียนโครงการ งบประมาณก็จะถามออย (ชุติมา จูจันทร์) มีปัญหาเรื่องเงินก็จะปรึกษา เอ้ย! ไม่ใช่ค่ะ มีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายต่างๆ ก็จะถามพี่อุ๊ (ณาตยา ทองอรุณศรี) กับกิ๊ก (กมลทิพย์ ชาติรังสรรค์) และอื่นๆ ส่วนใหญ่ปัญหาทุกอย่างก็สามารถผ่านไปได้ด้วยดี แต่ถ้าปัญหานั้นไม่สามารถแก้ไขได้ก็จะปรึกษาผู้บริหารพิจารณาและแก้ไขต่อไป
มาถึงวันนี้ผู้เขียนเองก็กลับมานึกย้อนกลับไปเหมือนกันว่าผู้เขียนเองได้ทุ่มเทเวลากับการทำงานอย่างเต็มที่หรือยัง แต่เท่าที่เห็นบุคลากรในคณะทุกคนทำงานกันอย่างเต็มที่ เข้าใจว่ามีเหตุผลเดียว คือ บุคลากรมีความรักในหน่วยงานเสมือนเป็นบ้านอีกหลังหนึ่ง เผลอๆ บ้านหลังนี้ เราอาจจะมีเวลาอยู่มากกว่าที่บ้านของเรา (มาทำงาน 5 วัน (จันทร์ – ศุกร์) อยู่บ้านเรา 2 วัน (เสาร์ – อาทิตย์) หรือบางครั้งต้องมีอยู่เวรในวันหยุดด้วย อิอิ) ผู้เขียนเองขอเรียกสิ่งต่างๆ ทั้งหลายทั้งมวล ว่า “นิติศาสตร์ที่รัก”
องค์การอนามัยโลกให้คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก(31 พฤษภาคม) ว่า “เยาวชนรุ่นใหม่ ร่วมใจต้านภัยบุหรี่”
เวลาที่ผ่านไป เป็นตัวชี้ว่าเราทำงานได้มากน้อยแค่ไหน....
แล้วจะอยู่อีกกี่ปีละจ้า อิอิ....!!
สวัสดีครับ..
อย่างนี้แหละครับผม..ที่เค้าบอกว่าช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ..55
สนุกกับการทำงานอย่างนี้..สงสัย happy สุดๆ เลยซิครับเนี่ย..
บุรุษนอกองค์กร..
สู้ๆๆนะครับถ้าสนุกกับงานกาลเวลาผ่านไปแป๊ปเดียวขอเป็นกำลังใจในการทำงานนะครับ
ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นมากๆค่ะ
หวัดดีค่ะ น้องแก่นจัง
ย้อนวันคืนเหมือนคนแก่เลยนะคะ ทั้งที่อายุยังน้อย
พี่เองคิดย้อนไป ก็ทำงานมาเกือบ 15 ปีแล้ว...
นับวันอยากเกษียณอายุจัง
ชอบใจคมความคิดที่ว่า"ที่ไหนไม่มีปัญหาในการทำงานที่นั่นไม่มีงาน"
คงทำให้วัน-เวลาในการทำงานมีความสุขมากขึ้น
การรักในองค์กรที่เราอยู่เป็นเรื่องที่ดี เพราะว่าจะทำให้เราสามารถทำงาน ได้อย่างมีความสุข และเจริญก้าวหน้าไปพร้อมๆกับองค์กร
.....ดีใจด้วยนะจ้า...