ทำงานเอาหน้ากับตัวอย่างดีๆจากหนังสือ 2 เล่ม


พระเจ้าอยู่หัวทรงแย้มพระสรวล(ยิ้ม) ก่อนที่จะมีพระราชดำรัสตอบด้วยพระสุรเสียงที่ส่อพระเมตตาและพระกรุณาว่า ปิดทองไปข้างหลังพระเรื่อยๆ แล้วทองจะล้นออกมาที่หน้าพระเอง

สังคมทุกวันนี้เปลี่ยนไปมาก หลายคนทำงานเพียงเพื่อเอาหน้าตา ทุกประโยคที่พรั่งพรู ปนด้วยคำโอ้อวด เหนือจริง พฤติกรรมการแสดงออก หวังแต่เพียงโฆษณาชวนเชื่อ เป็นอย่างที่เห็นหรือไม่ ความจริงความเท็จ  ผิดชอบ ชั่วดี  ไม่รู้กันแล้ว...หรือ รู้ทั้งรู้ 

การทำงานเพียงเพื่อเอาหน้าตา มุ่งแต่ให้เห็นว่าทำ ทั้งที่ไม่เคยใส่ใจเนื้อแท้ของงาน พิธีเปิด-พิธีปิดต้องอลังการไว้ก่อน เสียเท่าไหร่ไม่ว่า เล็กกว่านี้ได้อย่างไร...ขายหน้าเขาแย่ จุดมุ่งหมายสำคัญ ผลสัมฤทธิ์จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ว่ากันทีหลัง 

บางคนบอก ก็ไม่เห็นเป็นไร แล้วแต่สิ ขอให้ทำเถอะ... ถ้าคิดเท่านี้  ก็คงได้ แต่ถ้าคิดต่อไป

การทำให้คนอื่นเห็นว่าทำแล้ว ทำมากกว่าใคร เป้าหมายสุดท้ายน่าจะเป็นสิ่งตอบแทนหรือบำเหน็จรางวัล ถ้าไม่หวัง...คงไม่เอาหน้า ฉะนั้น การทำเพียงเพื่อเอาหน้าตา จึงเป็นพฤติกรรมเพื่อมุ่งแต่ตัวเอง ไม่ใส่ใจจุดมุ่งหมายของงาน ทั้งๆที่เป็นความเจริญของชาติบ้านเมือง 

เมื่อการทำงานไม่ได้มุ่งผลของงาน งานนั้นจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้อย่างไร ทำเอาหน้าตาก็จะได้เพียงหน้าตา ผลของงานเป็นเรื่องรองที่จะได้ ยิ่งไปกว่านั้น อาจเป็นการทำงานที่ไม่ได้งานเลยด้วยซ้ำ  ถ้าสังเกตและพิจารณาให้ดี บางเรื่องเราเฝ้าทำกันอย่างซ้ำซาก ปีแล้วปีเล่า เสียงบประมาณไม่รู้เท่าไหร่ ไม่สำเร็จเสียที 

เมื่อสัก 3-4  เดือนที่แล้ว เพื่อนรักคนหนึ่งนำหนังสือมาให้อ่านเป็นปกติ ประทับใจมากกับสองเล่ม ที่สำคัญเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการทำงานเพียงเพื่อเอาหน้าตา ตามที่กล่าวมา

หนังสือเล่มหนึ่ง “รอยพระยุคลบาท” เขียนโดย พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร เนื้อหาเป็นการเล่าเรื่องเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจที่ทรงปฏิบัติต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เพราะครั้งหนึ่งผู้เขียน เคยมีหน้าที่ถวายความปลอดภัย ในตำแหน่งนายตำรวจราชสำนักประจำ เป็นเวลานานเกือบ 12 ปี 

บางตอนจากหนังสือเล่มนี้เล่าว่า พระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระเครื่อง “สมเด็จจิตรลดา” หรือ พระ “กำลังของแผ่นดิน” ที่พระเจ้าอยู่หัวทรงสร้างเองให้แก่ผู้เขียน และพระราชทานพระบรมราโชวาทว่า พระที่พระราชทานนั้น ก่อนจะเอาไปให้ปิดทองเสียก่อน แต่ให้ปิดเฉพาะข้างหลังพระเท่านั้น พร้อมพระราชทานพระบรมราชาธิบายด้วยว่า ที่ให้ปิดทองหลังพระก็เพื่อจะได้เตือนตัวเองว่า การทำความดีไม่จำเป็นต้องอวดใครหรือประกาศให้ใครรู้ ให้ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ และถือว่าความสำเร็จในการทำหน้าที่เป็นบำเหน็จรางวัลที่สมบูรณ์แล้ว

ระหว่างนั้น ชีวิตราชการของผู้เขียนในกรมตำรวจ มีอุปสรรคปัญหาบางประการ เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจ ยากลำบาก เผชิญอันตรายนานาชนิด บางครั้งแทบถึงชีวิต แต่กรมตำรวจมิได้ตอบแทนด้วยบำเหน็จใดๆ

เมื่อมีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯอีกครั้ง จึงกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตปิดทองหน้าพระที่ได้รับพระราชทานไป พระเจ้าอยู่หัวตรัสถามเหตุผลที่ขอปิดทองหน้าพระ ผู้เขียนกราบบังคมทูลตอบไปว่า นับตั้งแต่ได้พระราชทานพระสมเด็จจิตรลดาไปห้อยคอแล้ว ต้องทำงานหนักและเหนื่อยเป็นที่สุด เกือบได้รับอันตรายร้ายแรงก็หลายครั้ง มิหนำซ้ำกรมตำรวจยังไม่ให้เงินเดือนขึ้นแม้แต่บาทเดียว

พระเจ้าอยู่หัวทรงแย้มพระสรวล(ยิ้ม) ก่อนที่จะมีพระราชดำรัสตอบด้วยพระสุรเสียงที่ส่อพระเมตตาและพระกรุณาว่า ปิดทองไปข้างหลังพระเรื่อยๆ แล้วทองจะล้นออกมาที่หน้าพระเอง ผู้เขียน กล่าวว่า กระแสพระราชดำรัสในครั้งนั้น เหมือนพระบรมราชโองการ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ก็ตั้งใจทำหน้าที่ทุกอย่างที่ได้รับมอบหมาย อย่างเต็มความสามารถ โดยไม่นึกถึงบำเหน็จรางวัลที่จะได้เป็นการตอบแทน แต่ถือเอาความสำเร็จของการทำหน้าที่เป็นรางวัล ตามกระแสพระบรมราโชวาท

หนังสืออีกเล่มหนึ่ง “เภสัชกรยิปซี” เป็นบันทึกชีวิตจริงของ ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ หญิงไทยคนหนึ่ง ซึ่งนอกจากจะเป็นคนเก่งแล้ว ยังเป็นคนดีอีกด้วย เธอเป็นผู้เสียสละ เพื่อมวลมนุษยชาติอย่างใหญ่หลวง จนเป็นที่ยอมรับจากองค์กรต่างๆ รวมถึงมีผู้นำชีวิตของเธอไปสร้างเป็นละครบรอดเวย์ อย่างที่ผู้หญิงน้อยคนนักจะได้รับการยอมรับจากสังคมโลก

เธอเกิดที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เรียนจบปริญญาตรีทางด้านเภสัชศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยสแตรทไคล(Strathclyde) และปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยบาธ(Bath) สหราชอาณาจักร  เธอเล่าว่า เธอเรียนเพื่อรู้ ไม่ได้คิดถึงปริญญา เธอจึงไม่เคยไปรับปริญญาอะไรทั้งสิ้น ไม่ว่าจะตรี โท หรือ เอก ทุกปริญญาบัตรส่งมาทางไปรษณีย์ แต่ในที่สุด เธอก็ต้องกลับไปรับปริญญา จากทุกสถาบันที่เคยเรียนมาจนได้ เพราะต่างมอบปริญญากิตติมศักดิ์ให้ 

เธอสละความสุข และผลประโยชน์ส่วนตัว ออกเดินทางไปช่วยเหลือ ผู้ซึ่งประสบกับโรคร้ายแรง ไม่มีกำลังที่จะรักษาตัว เธอร่วมคิดค้นยาต้านเอดส์ ทำให้ผู้ป่วยมียารักษา คุณภาพดี ราคาถูกกว่าท้องตลาดมากถึง 5-20 เท่า นอกจากนั้น เธอยังได้เดินทางไปถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตยาต้านเอดส์และมาลาเรีย ให้กับประเทศกำลังพัฒนาและด้อยพัฒนาทั้งหลาย โดยเฉพาะในแถบทวีปแอฟริกา 

ตอนเป็นเด็กเธอชอบฟังคุณยายสั่งสอน เล่านิทานให้ฟัง ประโยคหนึ่งซึ่งไม่เคยลืม “เราต้องรู้จักแบ่งปันช่วยเหลือผู้อื่น ถ้าเรามีโอกาส ในโลกนี้ยังมีคนจน คนด้อยโอกาสอยู่เยอะ หากวันใด ลูกอยู่ในสถานะที่จะช่วยเขาได้ อย่าปล่อยให้โอกาสนั้นสูญเสียไป”

เธอทำงานครั้งแรกในตำแหน่งหัวหน้าภาควิชาเภสัชเคมี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพียง 2 ปี ก็ลาออกมาเข้าทำงานที่องค์การเภสัชกรรม แล้วก็ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกของโลก ที่สามารถผลิตยาต้านเอดส์ตัวแรก คือ ซิโดวูดีน(Zidovudine) หรือ เอแซดที(AZT) ได้ในปี พ.ศ.2538  ต่อจากนั้น(พ.ศ. 2545)เธอก็สามารถผลิตยาต้านเอดส์ออกสู่ท้องตลาดได้อีกตัวหนึ่ง เป็นสูตรผสมของยา 3 ตัวในเม็ดเดียวกันชื่อ จีพีโอเวียร์(GPO-VIR) ทำให้องค์การเภสัชกรรมของประเทศไทยมีชื่อเสียงไปทั่วโลก เพราะเป็นประเทศแรกที่ค้นพบสูตรยาดังกล่าว

เธอมีความคิดอยากไปถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการผลิตยาต้านเอดส์ให้ประเทศอื่นบ้าง โดยเฉพาะในทวีปแอฟริกา ซึ่งมีผู้ป่วยเอดส์มากกว่า 90 % จึงเขียนโครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตยาต้านเอดส์ให้กับ 5 ประเทศ ได้แก่ ไนจีเรีย แคเมอรูน กานา ซิมบับเว และยูกันดา และด้วยการประสานงานกับเจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลกภาคพื้นแอฟริกา(AFRO) จึงได้รับเชิญไปที่สำนักงาน ขณะนั้นตั้งอยู่ที่ประเทศซิมบับเว เพื่อให้ไปดูว่าเธอสามารถช่วยเหลือประเทศไหนได้บ้าง 

ขณะเดียวกัน อดีตรัฐมนตรีสาธารณสุขของไทย ได้กล่าวในที่ประชุมองค์การอนามัยโลก ที่เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ว่า ประเทศไทยยินดีจะช่วยเหลือ 5 ประเทศในทวีปแอฟริกาในเรื่องการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตยาต้านเอดส์ พอเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ทั่วโลกต่างชื่นชมว่าประเทศไทยใจดีมาก 

แต่พอรัฐมนตรีกลับถึงประเทศไทย ได้เรียกประชุมผู้เกี่ยวข้อง เธอถูกถามทันทีว่า  เราจะได้อะไร จากการช่วยเหลือครั้งนี้ เธอตอบว่า ไม่ได้อะไรเลย เป็นเรื่องมนุษยธรรม เพียงช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เธอแปลกใจว่า คำตอบดังกล่าว ไม่ได้ทำให้คนเหล่านั้นเข้าใจเลยว่า เวลาจะทำอะไร ทำไมต้องหวังผลจากการกระทำ ทำไมต้องคิดว่าจะเสียอะไร หรือจะได้อะไร

เธอไม่เคยคิดว่า “การให้” จะต้องแลกกับ “การได้รับ” 

หลังจากนั้นเธอลาออกจากองค์การเภสัชกรรม เพื่อเดินทางไปช่วยเหลือทวีปแอฟริกาอย่างเต็มตัว ไม่มีใครเห็นด้วยกับการตัดสินใจของเธอ รัฐมนตรีเรียกไปพบ แต่ไม่ว่าจะยื่นข้อเสนอให้มาเป็นที่ปรึกษาองค์การเภสัชกรรม นำยาขององค์การเภสัชกรรมไปขายที่แอฟริกา แทนการถ่ายทอดเทคโนโลยี  เธอตอบปฏิเสธทั้งหมด 

ในที่สุด...ผลงานของเธอก็ได้รางวัล ได้รับการประกาศเกียรติคุณยกย่องจากสถาบันต่างๆ ในระดับโลกมากมาย

อ่านหนังสือ 2 เล่มนี้แล้ว มีความสุข รวมทั้งน่าจะเป็นตัวอย่างในการทำงานที่ดี ให้กับตัวเองและหลายๆคนได้

นังสืออ้างอิง

  • วสิษฐ เดชกุญชร, พล.ต.อ. รอยพระยุคลบาท. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : มติชน, 2549.
  • กฤษณา ไกรสินธุ์. เภสัชกรยิปซี. กรุงเทพฯ : ลิปส์ พับลิชชิ่ง, 2550.

 

หมายเลขบันทึก: 185244เขียนเมื่อ 30 พฤษภาคม 2008 09:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:06 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

ขอบคุณ..คุณประจักษ์ หน้าตาดี ครับ

สวัสดีค่ะคุณครูธนิตย์...

             หนังสือดี เพื่อนดี เพลงเนื้อหาดีๆ...สามารถชุบชูใจ

ในยามอ่อนล้าได้ดีนะคะ...ประทับใจก็บันทึกไว้ เช่นบันทึก๑,๐๐๐ ปี

เล่มนี้อิ...ทราบว่าชอบคาราวานในบันทึกเล่มนี้เพียบเลยค่ะ

(ออกจากป่าใหม่ๆ...ที่หอประชุมใหญ่ธรรมศาสตร์.ก็พันธุ์แท้คนหนึ่งค่ะ)

"คำคิด"รายทางที่คว้ามาเก็บไว้ในบันทึก.อ่านยามใดก็ยิ้มได้เหมือนกันนะคะ

Pict4302 

                                ขอบคุณมากค่ะ

                         

  • โอ!ได้เพื่อนที่ชอบคาราวานอีกแล้ว เมื่อสมัยเรียนตะลุยอ่านชีวิตของพวกเขาครับ อ่านเรื่องสั้นของสุรชัย..ชอบแทบทุกเพลง ชอบความหมาย ชอบภาษาที่สละสลวย งดงาม
  • ชอบคนนอกคอก เพราะคิดว่าคล้ายตัวเองมาก "ไม่มีแหวน นาฬิกา มีแต่กำไลถูกๆ สิ่งที่ฉันพันผูก ก็คือ ลูกของฉัน"
  • ชอบข้างถนนเพราะเมื่อก่อนฝันจะได้ตะลอนๆไปทั่วอย่างนี้ "โบกรถท่องไปใต้ฟ้าไทยแลนด์ๆ ห้อยแขวนอยู่ตามประตูรถไฟ"
  • ถ้าจำไม่ผิด คืนรังเล่นครั้งแรกที่นี่..หอประชุมฯธรรมศาสตร์(คอนเสริตฟอร์ยูนิเซพ)หลังจากออกป่ามาใหม่ๆ
  • เห็นอ.กู้เกียรติชอบดีใจมาหนแล้ว พอรู้ว่าอ.จอมใจก็แฟนพันธุ์แท้อีกคนหนึ่ง..ดีใจอีกแล้วครับ
  • ขอบคุณอ.จอมใจครับ

สวัสดีค่ะ คุณครูธนิตย์

  • เข้ามาเรียนรู้เรื่องราวดีดี
  • จากการกระทำและคำพูดของคนดีดี
  • หวังใจ่จะได้ซึมซับความเป็นคนดีดีให้เพิ่มมากขึ้นในตนเองค่ะ

ขอบคุณสำหรับบันทึกยอดเยี่ยมบันทึกนี้ค่ะ

  • อ่านหนังสือสองเล่มนี้ ในเวลาไล่เลี่ยกันพอดี แนวคิดเดียวกันเสียด้วย เลยเอามาบันทึกไว้เตือนสติ ซึ่งมักจะฟุ้งซ่านอยู่บ่อยๆว่า..อย่าทำงานแค่เอาหน้า
  • ขอบคุณครูแป๋มมากครับ

..."....ชีวิตจิตใจฝันใฝ่ดิ้นรน เกิดมาเป็นคนไม่ควรอับจนดักดาน..."น้าหงา.

 "...Life is tough Aim high and find the way to reach your dream..."มั่วๆอิอิ

สวัสดีค่ะคุณครูธนิตย์..."บ้านเคยอยู่ อู่เคยนอน..."ที่น้าหงาร้อง ดิฉันจะร้องเสมอ

ยามไกลบ้าน...หนังสือดี เพื่อนดี เพลงดี...แม้ในยามพ่ายแพ้ยังมีสุขได้นะคะ

                                                        ขอบคุณมากนะคะ



  • บ้านเคยอยู่ อู่เคยนอน เมื่อจะจากจรไม่รู้วันย้อนกลับมา ลูกผู้ชาย หลั่งน้ำตา ต่างถ้อยวาจา แห่งการอำลา..เคหาเคยนอน
  • แม่เคยนั่ง อยู่กลางนอกชาน พ่อเล่านิทาน และเคยขับขานบทกลอน น้องยังซุกตัวหนุนตักแม่นอน คือภาพอันสุนทรแห่งความอาวรณ์..ก่อนการจากลา
  • บ้านคงเศร้า เงียบเหงาวังเวง ไม่มีบทเพลงอันอบอุ่นเลอค่า วันนี้วันเศร้าต้องกล่าวคำอำลา ไม่นานจากนี้วันหน้า..จะกลับบ้าน
  • ชีวิตจิตใจ ฝันใฝ่ดิ้นรน เกิดมาเป็นคนไม่ควรอับจนดักดาน มีเพลงลา แต่ตั้งใจว่าไม่นาน จะมีบทเพลงชื่นบาน ต้อนรับการคืนเรือน
  • มีเพลงลา แต่ตั้งใจว่าไม่นาน จะมีบทเพลงชื่นบาน ต้อนรับการคืนเรือน

ไปค้นเนื้อเต็มๆ มาจากกูเกิ้ล ชอบเช่นกันครับ นึกถึงช่วงบรรจุเป็นครูใหม่ๆที่โนนสังวิทยาคาร หนองบัวลำภู(เมื่อก่อนอุดร)..ขอบคุณอ.จอมใจครับ

สวัสดีค่ะคุณครู...

        ความจริงดิฉันอยากเก่งและมีโอกาสเหมือน

ท่านดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ “เภสัชกรยิปซี”มากๆ

เคยชมสารคดีท่านค่ะ"วิเศษ"ที่สุดผู้หญิงอะไรดีแสนดี

 ขอบคุณเนื้อเพลงนะคะ... แฟนคาราวานเหมือนกัน 

  http://gotoknow.org/blog/kidhot/223276

 

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท