ทำไมเขาเรียกธุรกิจขายหนังสือว่า ธุรกิจกินฝัน


ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ผมได้เก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจร้านขายหนังสือ  เพื่อเตรียมตัวสอบเป็นผู้จัดการศูนย์หนังสือ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์   และอยากจะแบ่งปันสิ่งที่ได้รับกับผู้ที่สนใจ  ที่อาจจะ หรือ เคยมีความฝันจะเปิดร้านหนังสือ แบบผมบ้างนะครับ 

ร้านขายหนังสือในเมืองไทยส่วนใหญ่  ที่เหลือรอดอยู่  ไม่นับแผงลอยขายหนังสือพิมพ์ หรือ นิตยสารข้างทาง    มักจะเป็นเครือข่ายร้านหนังสือขนาดใหญ่  เช่น  ซีเอ็ด   ร้านนายอินทร์   ดอกหญ้า   B2S   ถ้าไม่ใช่เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการ  ก็มักจะไม่ทราบว่า จะเริ่มทำธุรกิจนี้อย่างไร   บางคนเรียกธุรกิจนี้ว่า ธุรกิจกินฝัน  เพราะมันจะกินความฝัน   และเงินลงทุนไปจนหมด    ผู้ที่จะประกอบธุรกิจนี้อยู่รอดได้  คงจะต้องมีความลับบางประการที่  ผมจะต้องใช้จอบ  เสียมไปขุดค้นหาความรู้กัน ด้วยถาม ตอบ แบบอิ๊กคิวซัง

 

o       ปุจฉา           ทำไมร้านหนังสือส่วนใหญ่ที่ดัง ๆ  จะตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า ?  

o       วิสัชชนา     ร้านหนังสือ ทั่ว ๆ ไป ในห้างฯ  จะมีสัดส่วนพื้นที่ของหนังสือประมาณ  100 -  200     ตารางเมตร เรียกว่าขนาดเล็ก หรือ ขนาดกลาง   และตั้งอยู่ในศูนย์การค้าเสียส่วนใหญ่   เขามีสูตรคำนวณการวิเคราะห์ทำเลที่ตั้งอย่างนี้นะครับ   ต้องมีคนเดินผ่าน  อย่างน้อย  3,000  คน ต่อวัน       ร้าน   จึงจะอยู่ได้ครับ   ในจำนวน  100  คนที่เดินผ่าน  จะเดินเข้าร้าน  16  คน  มี  4  คน ที่ซื้อ เท่ากับ  เปอร์เซ็นต์ครับ  อัตราการซื้อเฉลี่ยต่อคน  120  บาท    คำนวณกลับไปก็พอจะเห็นยอดขาย
 
·        ปุจฉา   การลงทุนเปิดร้านหนังสือ  ต้องใช้เงินลงทุนเท่าไร  ค่าอะไรบ้าง ?
·        วิสัชชนา   แหม เล่นถามแบบนี้ แล้วคนตอบมิแย่หรือครับ  บังเอิญว่าผมใจง่ายเสียด้วย ก็ยินดีรับใช้   การลงทุนเปิดร้านหนังสือ คิดเงินลงทุนตกเฉลี่ยต้นทุนตารางเมตรละ  20,000  บาท   (ไม่รวมค่าเช่าพื้นที่)  ประกอบด้วย  ค่าลงทุนตกแต่งรวมชั้นหนังสือ  6,000 – 10,000  บาท ค่าหนังสือ  ค่ามัดจำ สินค้า  10,000  บาท  ถ้าเปิดร้านขนาด  100 ตรม. ก็ต้องแคะกระปุกออกมาไม่ต่ำกว่า   2,000,000  บาทครับ
·        ปุจฉา   ร้านหนังสือในประเทศไทย  มีมากพอแล้วหรือยัง
o       วิสัชชนา    ผมยกตัวเลขเปรียบเทียบมาให้ดูแล้วกันว่า ในต่างจังหวัดนั้น สัดส่วนร้านหนังสือ 1 ร้าน ต่อประชากร  135,500  คน ถ้า เฉลี่ยทั้งประเทศ  ก็จะมีร้านหนังสือ 1 ร้าน ต่อ ประชากร  84,800  คน  เปรียบเทียบกับเกาหลี มีร้านหนังสือ  1 ร้าน ต่อประชากร 20,000 คน   แถบยุโรป มีร้านหนังสือ 1 ร้านต่อประชากร  8,000 – 20,000 คน    ทราบแล้ว  เห็นช่องว่าง  และโอกาส ไหมครับ
o   ปุจฉา   ถ้าอย่างนี้  หนู คิดว่า มีโอกาสสูงมาก เพราะว่าความต้องการของตลาดยังมีอีกมาก ?
o       วิสัชชนา    เย็นไว้ก่อนโยม  ผมมีข้อมูลสถิติแห่งชาติ  จำไม่ได้ว่าปี 2544 หรือเปล่า  แต่ช่างมันเถอะ เพราะระบบโรงเรียนเราสามารถทำให้เด็กขยาดการอ่านได้อย่างมีศักยภาพ จะปีไหน ข้อมูลก็คงต่างกันไม่กี่เปอร์เซ็นต์หรอก  คนไทยใช้เวลาว่างอ่านหนังสือประมาณ  3 นาทีต่อวัน  /   ต่อ คน  และคนไทยที่ใช้เวลาว่างอ่านหนังสือเพียง 4.4 % ของคนไทยทั้งหมด  หนูมองว่า เป็นโอกาส หรือ วิกฤติล่ะ
 
คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 18444เขียนเมื่อ 10 มีนาคม 2006 15:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 00:53 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ขอบคุณครับ ได้ความรู้จากประสบการณ์ตรงเลย

กำลังจะเปิดร้านหนังสือแผงลอยอีก 1 ร้านค่ะ ทำเลต่างกัน กลุ่มลูกค้าก็ต่างกันด้วย ร้านแรกคือมีคนรู้จักมากเพราะเป็นคนพื้นที่ แต่อีกร้านที่จะเปิดใหม่ไม่ใช่คนพื้นที่แต่มีกลุ่มลูกค้าอีกประเภท ตอนนี้ขายคนเดียวค่ะ ยังไม่รู้ว่าร้านไหนจะทำรายได้ดีกว่า ช่วยแนะนำด้วยค่ะ เลือกไม่ถูกจริง ๆ

สวัสดีค่ะ

อยู่บ้านนอก หาร้านหนังสือไม่ค่อยได้เลยค่ะ

มีร้านหนังสือ ก็เป็นนิตยสาร วารสาร ส่วนใหญ่หนังสือไปในแนว ทำนาย ทายทักและใบ้หวย

อย่างนี้เรียกว่าด้อยโอกาสรึป่าวคะ หากจะเปิดร้านหนังสือแบบที่กล่าวถึง คนซื้อไม่รู้จะมีมากน้อยแค่ไหน หากเอาเราเป็นตัวตั้ง

ขอบคุณที่ถ่ายทอด สิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

สวัสดีค่ะ

หนูอยากได้แผนธุรกิจร้านขานหนังสือนะค่ะ เพื่อจะไปทำรายงาน

และจะเปิดร้านเป็นของตนเองในอนาคตนะคะ

รบกวนช่วยส่งให้ได้ไหมค่ะ

ขอบพระคุณมากค่ะ

กำลังคิดจะร่างแผนธรุกิจร้านหนังสืออยู่พอดีเลยค่ะ

จินตนาการมาตั้งแต่ม.ต้นแล้วว่าจะต้องเปิดร้านขายหนังสือให้ได้ 

ตอนนี้ก็ใกล้จบเต็มที อยากร่างความฝันให้ออกมาเป็นรูปธรรมแล้วสิ 

ถึงจะเป็นแค่การวางแผน แต่ก็อยากทำเอาไว้ให้พร้อมใช้ได้ทันทีที่โอกาสมาถึง 

จะได้ไม่เป็นแค่เรื่องที่ตัดสินใจแบบปุบปับ แล้วมานั่งเครียดภายหลังว่า เราใจเร็วเกินไป

ตอนที่เปิดเข้ามาดูในกูเกิ้ล ก็เพราะกำลังเครียดกับการหาทำเลดี ๆ

เคยคิดว่าจะลองไปดูในหลาย ๆ ที่ แล้วก็ทำแบบสำรวจในแต่ละที่ไปเลยว่าที่ไหนพร้อมสำหรับร้านหนังสือเล็ก ๆแบบนี้ แต่พอมานึกดูดี ๆ เวลาเราตอบโพลคนอื่นก็แค่ติ๊กไปมั่ว ๆ ไม่ได้ใส่ใจจะกรอกด้วยซ้ำ โพลมันอาจจะให้ความจริง หรือใกล้เคียงกับความจริงไม่ได้ เลยเปิดเข้ามาดู เผื่อจะมีคำแนะนำดี ๆ ในกูเกิ้ล

และหลังจากอ่านบทความนี้จนจบบรรทัดสุดท้าย ก็เลยทำให้คิดขึ้นมาได้อย่างหนึ่งว่า

ตรงที่เราคิดว่าจะขายได้แน่ ๆ ก็มีร้านหนังสือใหญ่ ๆ เปิดไปแล้ว ถ้าเราจะเปิดแบบโดดเดี่ยวในที่ ๆ คนพลุกพล่าน เราก็ต้องทำให้แน่ใจว่าจะต้องขายได้แน่ ๆ ต้องทำให้แน่ใจก่อนว่าพวกเค้าจะซื้อหนังสือเราจริง ๆ ///ปัญหาก็คือ ทำยังไงให้คนอื่น ๆ หันมารักการอ่านหนังสือเหมือนเรา เป็นจินตนาการที่ออกจะอลังการและยิ่งใหญ่มากไปหน่อย แต่มันคือสิ่งเดียวที่นึกออกในวินาทีแรกที่อ่านจบอ่ะค่ะ 555

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท